การแบ่งแยกพันคนให้เป็นสิบกลุ่มนั้นมีจุดประสงค์อยู่อีกอย่างหนึ่ง
ในทุกๆปีกองกำลังจะได้รับทรัพยากรเป็นศิลาดวงดาว ตามกฎของกองกำลังสำรองแล้ว ทุกกลุ่มจะต้องทำการประลองกันและทรัพยากรในปีหน้าของกลุ่มที่เป็นอันดับสุดท้ายจะตกเป็นของกลุ่มอันดับหนึ่ง
กลุ่มของหลิงฮันที่มีสมาชิกอ่อนแอที่สุดจะไปเทียบกับกลุ่มอื่นได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่ากลุ่มของเขาถูกตัดสินใจให้อันดับสุดท้ายตั้งแต่ยังไม่ประลองเลยหรอกรึ?
ด้วยเหตุนี้ สมาชิกแต่ละคนจึงไม่เหลือกำลังใจให้อยู่ต่อ บางคนถึงขนาดตั้งใจว่าจะขอถอนตัวและรอมาสมัครเข้าร่วมกองกำลังใหม่ในอีกหนึ่งร้อยปีหน้า
หลิงฮันไม่กล่าวอะไร ความเป็นจริงด้วยพลังต่อสู้ของเขา เขาสามารถเอาชนะกลุ่มที่มีจอมยุทธนับร้อยได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยซ้ำ ที่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเขาเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยาและที่นี่ก็ไม่ได้ขลาดแคลนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ เขาสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้เป็นจำนวนมาก
ตราบใดที่ยอมติดตามเขา หลิงฮันก็ไม่มีทางทอดทิ้งพวกเขา
ติงหู่จ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชา เขาจะใช้วิธีการต่างๆทำให้หลิงฮันหายไปให้เร็วที่สุด
ผู้เข้าทดสอบแต่ละคนเข้าสู่ค่ายพักที่มีห้องแยกกัน ความจริงพวกเขาไม่มีอะไรให้ทำมากนัก สิ่งที่พวกเขาต้องฝึกฝนมีเพียงรูปแบบโจมตีผสานร่วมกันหรือไม่ก็มีภารกิจออกไปล่าโจรภูเขาบ้างในบางครั้ง
หลังจากหลิงฮันและจักรพรรดินีเข้าสู่ห้องพัก ทั้งสองก็หลบไปในหอคอยทมิฬทันที
หลิงฮันใช้พลังของหอคอยทมิฬขจัดเจตจำนงยุทธของติงหู่ เมื่อเจตจำนงยุทธหายไปร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวในพริบตา
จักรพรรดินีกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะพลังและทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานภายในสามปี! อีกสามปีตระกูลติงจะไม่เหลือแม้แต่ไก่กา!”
“ไม่ต้องรีบ” หลิงฮันโอบกอดและหอมผมดำสลวยของนาง “หากจะบ่มเพาะก็ถึงแค่ระดับสร้างสรรพสิ่งสูงสุดก็พอ หากจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานพวกเราต้องไปยังสถานที่ที่พิเศษ”
ทำไมราชาเซียนถึงเป็นระดับพลังสูงสุดในโลกบรรพกาล?
ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์หรือทักษะของจอมยุทธไม่เพียงพอ แต่การจะบรรลุระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งพิเศษของดินแดนแห่งเซียนที่สามารถสัมผัสถึงอำนาจของสวรรค์และปฐพีได้เพื่อตัดขาดเจตจำนงแห่งสวรรค์
หากไม่อยู่ในสถานที่พิเศษ ต่อให้เป็นราชาเซียนที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้องติดอยู่ในระดับราชาเซียนตลอดกาล
ความเกรี้ยวกราดของจักรพรรดินียังคงไม่ทุเลาลง “งั้นข้าจะรีบบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดให้ไวที่สุด” นางมั่นใจเป็นอย่างมาก ตราบใดที่บรรลุราชาเซียนสูงสุด นางจะสามารถทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้อย่างไม่มีปัญหา
หลิงฮันส่ายหัว “การทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ระดับโลกียนิพพานคือระดับพลังที่จอมยุทธจะตัดขาดความรู้สึกทางโลกเพื่อผสานตนเองเข้ากับวิถีแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ กล่าวคือยิ่งตัดความรู้สึกทางโลกได้มากก็จะยิ่งผสานกับสวรรค์และปฐพีได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
นี่คือสิ่งที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีบอกกับเขาเพียงคนเดียว ในระดับโลกียนิพพานจอมยุทธจำเป็นจะต้องตัดความรู้สึกทางโลกสี่ครั้ง แต่อย่าเพิ่งพูดถึงสี่ครั้งเลย เพียงแค่ตัดความรู้สึกครั้งเดียวปรมาจารย์ที่ทรงพลังส่วนใหญ่ก็สูญเสียตัวตนของตัวเองไปแล้ว เนื่องจากพวกเขาได้สูญเสียความรู้สึกที่มีต่อสิ่งสำคัญของตนเองไป
โดยส่วนใหญ่ ความรู้สึกที่พวกเขาถูกตัดออกไปจะเป็นความรู้สึกที่มีต่อครอบครัว คนรักหรือมิตรสหาย
จักรพรรดินีชะงักนิ่งเงียบ สำหรับนางสิ่งสำคัญที่สุดคือหลิงฮัน หากนางต้องตัดขาดความรู้สึกรักใคร่ที่มีต่อหลิงฮันนางขอตายดีกว่า แต่หากไม่ยอมตัดความรู้สึกทางโลก นางก็จะไม่สามารถบรรลุระดับโลกียนิพพาน
คิดว่าการจะมีอายุขัยเป็นนิรันดร์จะทำได้ง่ายๆโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใดเป็นค่าแลกเปลี่ยนเลย?
จักรพรรดินีครุ่นคิดและกล่าว “หากข้าต้องตัดความรู้สึกของตนเอง ข้าขอไม่กลายเป็นนิรันดร์และอยู่กับเจ้าด้วยอายุขัยที่เหลือที่กว่า”
การละความรู้สึกทางโลกไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความรัก ความรู้สึกที่จะสูญเสียไปคืออะไรก็ได้ที่เจ้าของความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยมากที่สุดซึ่งสำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือความรักที่มีต่อคนสำคัญ
“เพราะงั้นหากต้องการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพา พวกเราจึงต้องวางแผนให้ดีเสียก่อน” หลิงฮันโอบกอดเอวจักรพรรดินี ไม่เพียงแค่นาง แต่ทุกคนในหอคอยทมิฬจะต้องเตรียมการให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะสูญเสียความรู้สึกที่มีต่อญาติพี่น้องหรือคนรักไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อเขาเดินมายังต้นสังสารวัฏก็พบเห็นทุกคนกำลังบ่มเพาะพลังกันอย่างหนัก หอคอยทมิฬสามารถดูดซับพลังวิญญาณของดินแดนแห่งเซียนเข้ามาได้ และด้วยความช่วยเหลือของต้นสังสารวัฏ อีกไม่นานทุกคนคงสามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สำเร็จและออกไปโลกภายนอกได้
หลังจากพูดคุยถึงสถานการณ์ในโลกภายนอกให้ทุกคนได้รับรู้ หลิงฮันกับจักรพรรดินีก็กลับออกจากหอคอยทมิฬ
ค่ำคืนผ่านพ้นไป วันรุ่งขึ้นก็ได้เริ่มการฝึกฝนกองกำลัง
กลุ่มสิบกลุ่มจะมีผู้ฝึกสอนสิบคน ผู้ฝึกสอนของกลุ่มหลิงฮันมีชื่อว่าอู่จิง เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างอ้วนท้วมที่มีพลังบ่มเพาะระดับราชาเซียนสูงสุด
“เจ้าพวกหนอนแมลงขยะ การที่ข้าต้องมาฝึกสอนพวกเจ้านับว่าเป็นความอัปยศอย่างมากจริงๆ!” อู่จิงสบถหยาบคาย
“ข้าอุตส่าห์ยอมลดตัวมาฝึกสอนพวกเจ้าเพื่อมาดูพวกเจ้าแสดงป่าหี่เหมือนลิงเช่นนี้?”
“ไร้ค่า!”
“ไร้สมอง!”
“หมูยังฉลาดยิ่งกว่าพวกเจ้าร้อยเท่า!”
ใบหน้าของเขาเผยถึงความไม่สบอารมณ์ ไม่ว่ากลุ่มของหลิงฮันจะแสดงผลฝึกฝนออกมาได้ดีหรือไม่ดีเขาก็สบถด่าไว้ก่อน
กลุ่มของหลิงฮันคือกลุ่มที่มีสมาชิกอ่อนแอที่สุด หากถูกสบถด่าดูถูกไปมากๆ เดี๋ยวพวกเขาก็ทนไม่ไหวและขอถอนตัวไปเอง
และอีกสามวันต่อมา อู่จิงก็ได้ประกาศกับกลุ่มหลิงฮันว่าพวกเขาได้รับภารกิจให้ไปปราบกองโจรและต้องออกเดินทางทันที
อะไรกัน ได้รับภารกิจรวดเร็วขนาดนี้เลย?
ทุกคนมองหน้ากัน ไม่ว่าใครก็คิดว่าเรื่องนี้มันเร็วเกินไป
พวกเขาเพิ่งจะเรียนรู้รูปแบบโจมตีผสานได้เพียงแค่รูปแบบเดียวและไม่เข้าใจกลยุทธ์อื่นๆแม้แต่นิดเดียว จะให้พวกเข้าน่ะรึไปจัดการกองโจร?
นี่มันภารกิจฆ่าตัวตายชัดๆ!
บางทีภารกิจนี้อาจจะสำเร็จ แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นคงก็ไม่น้อย เป็นไปได้ว่าสมาชิกกว่าครึ่งของกลุ่มอาจไม่ได้กลับมา
พวกเขาไม่ใช่คนโง่และเดาได้ว่านี่ต้องเป็นแผนการของติงหู่เป็นแน่ เป้าหมายของอีกฝ่ายคือหลิงฮันแต่มีพวกเขาติดร่างแหไปด้วย
“หลิงฮัน เจ้าเป็นหัวหน้ากลุ่ม เจ้าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วง!” อู่จิงมอบแผ่นหยกให้แก่เขา “ข้อมูลของกลุ่มโจรภูเขาอยู่ในนี้แล้ว พวกมันเป็นกลุ่มโจรหางแถวที่มีราชาเซียนสูงสุดแค่สิบคนเท่านั้น”
“เพราะงั้นความสูญเสียของกลุ่มจึงห้ามมีมากกว่าสิบคน หากเกินกว่านี้… เมื่อเจ้ากลับมาจะต้องได้รับโทษจากทางกองกำลัง!”