ติงเซี่ยวเฉินมีอีกภารกิจ
ในกรณีที่โน้มน้ามกลุ่มไม่สำเร็จ เขาก็ต้องแอบลงมือสร้างความวุ่นวายจากภายใน
ข้าเป็นพรรคพวกของเจ้า พวกเจ้าจะระวังตัวกับข้ารึ?
ติงเซี่ยวเฉินจ้องมองแผ่นหลังของหลิงฮันด้วยสีหน้ามืดมน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลบล้างความอัปยศที่ได้รับจากชายผู้นี้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจิตใจของเขาจะถูกหนามตราตรึงและส่งผลต่อการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานของเขา
ตอนนี้ทุกคนกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด หลิงฮันจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าจะถูกพวกเดียวกันเองแทงข้างหลัง?
ยิ่งกว่านั้นการประลองนี้ก็เป็นการประลองแบบตะลุมบอน กลุ่มพวกเขาที่ไม่ได้ฝึกฝนกลยุทธ์ร่วมกันจะมีเหตุการณ์โจมตีเกิดขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก หรือต่อให้เขาถูกลงโทษ แค่ตระกูลติงเข้ามาแทรกแซงปัญหาใหญ่ก็จะกลายเป็นปัญหาเล็กได้ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ติงเซี่ยวเฉินนำมีดพฤกษามรกตออกมา เงาวิญญาณของต้นไม้โลหิตมรกตกินคนปรากฏตัวและปลดปล่อยอำนาจอันน่าสะพรึง หลังจากรีดเค้นอำนาจของมีดจนถึงขีดจำกัด ติงเซี่ยวเฉินก็พุ่งทะยานหันคมมีดเข้าใส่คนของกองกำลังพยัคฆ์ขาว
สมาชิกกองกำลังพยัคฆ์ขาวผู้นั้นเข้าใจทันที เขารีบกระโดดหลบไปยังทิศทางของหลิงฮัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือใบมีดของติงเซี่ยวเฉินได้เบี่ยงหันไปยังแผ่นหลังของหลิงฮัน
เขารอให้คลื่นพลังของมีดใกล้จะถึงร่างของหลิงฮันถึงจะเพิ่งตะโกนออกมา “ระวัง!”
ระวังน้องสาวเจ้าสิ!
กองกำลังมังกรครามและกองกำลังหงส์เพลิงที่เห็นเหตุการณ์สบถพร้อมกัน การแสดงของเจ้าช่างปลอมยิ่งนัก เห็นๆกันอยู่ว่าเจ้าตั้งใจใช้มีดแท่งเข้าใส่หลิงฮันตั้งแต่แรก
ในระยะที่ใกล้แค่นี้ หลิงฮันจะหลบพ้นได้อย่างไร?
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าใบหน้าของหลิงฮันปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ การกระทำของติงเซี่ยวเฉินเป็นไปตามที่เขาคาด หากอีกฝ่ายไม่มีแผนการชั่วร้ายล่ะก็ จะเข้าร่วมกองกำลังสำรองไปเพื่ออะไร?
แต่ด้วยพลังของหลิงฮันในต่อให้เขาไม่ระวังตัวอยู่ก่อนก็ไม่มีปัญหาอยู่ดี แม้ตอนนี้เขาจะรับมืออยู่กับคนของกองกำลังพยัคฆ์ขาวถึงเจ็ดคนพร้อมกัน แต่เขาก็ใช้พลังต่อสู้ออกมาเพียงไม่กี่ส่วน
‘พรึบ’ มีดแทงทะลวงเข้าใส่หลิงฮันอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ใบมีดจะมาถึง ดวงวิญญาณของต้นไม้โลหิตมรกตกินคนก็ได้บุกรุกเข้ามาในร่างของเขาพร้อมกับทำการตรึงวิญญาณเอาไว้ หากดวงวิญญาณของหลิงฮันถูกควบคุม เขาย่อมไม่สามารถหลบหลีกใบมีดที่พุ่งเข้าใส่ได้
ด้วยอำนาจของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอย่างมีดมรกตพฤกษา ราชาเซียนคนไหนก็ไม่สามารถต้านทานได้
หากคิดจะตอบโต้ใบมีดด้วยหมัด หลิงฮันก็ต้องโคจรพลังคุ้มกันมือเอาไว้ก่อน แต่ในเมื่อดวงวิญญาณถูกควบคุมอยู่ เขาจะโคจรพลังได้อย่างไร?
ติงเซี่ยวเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ หากถูกใบมีดทิ่มแทงเข้าใส่ตรงๆ ต่อให้ไม่ตายหลิงฮันก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
แต่ทันใดนั้นจู่ๆหลิงฮันก็หันหลังพรวด ‘ฉึบ’ มีดมรกตพฤกษาถูกมือของเขากำเอาไว้ ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ เสียงแตกหักของกระดูกดังขึ้น แขนสองข้างของติงเซี่ยวเฉินที่จับมีดเอาไว้หักและโค้งงอเนื่องจากไม่สามารถต้านทานพลังจากมือของหลิงฮันได้
ใบหน้าของติงเซี่ยวเฉินซีดขาว ไม่เพียงแค่รู้สึกเจ็บปวดแต่เขายังตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ในความคิดของเขา เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
ฉัวะ!
มือที่ถือมีดมรกตพฤกษาเอาไว้ย้อนกลับไปแทงเข้าที่หน้าอกของตัวเขาเองพร้อมกับโลหิตที่ทะลักออกมาราวกับน้ำพุ
แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชาแต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อ เขาดึงหมัดกลับและกล่าว “มุ่งร้ายต่อใคร กรรมนั้นจะหวนกลับคืนสนองตัวเจ้าเอง”
‘ตุบ’ ก้นของติงเซี่ยวเฉินกระแทกลงพื้น เหงื่อของเขาไหลท่วมและมีสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ หัวใจของเขาแหลกสลายเพราะถูกมีดมรกตพฤกษาทิ่มแทง แก่นโลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา บาดแผลในครั้งนี้ส่งผลต่อระยะเวลาในการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานของเขาโดยตรง
แต่หากหลิงฮันไม่ยั้งมือและปล่อยหมัดต่อ ผลลัพธ์จะไม่จบลงที่เขาบาดเจ็บสาหัสแต่คงตายไปแล้ว
“กล้าดีอย่างไร!” ติงหู่ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนทันทีและคิดจะลงมือจู่โจมหลิงฮัน
“พี่ชายติงหู่ เหตุใดท่านถึงโมโหกัน?” นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานของตระกูลล้ง ล้งเฉิงเหรินกล่าวอย่างไม่แยแส เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาเพื่อห้ามปรามไม่ให้ติงหู่ลงมือ
ต้วนเหวิน นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานของตระกูลต้วนเองก็กอดอดยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การได้รับบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สำหรับการประลอง อีกอย่างนั่นก็เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”
บาดแผลเล็กน้อย? หัวใจถูกบดขยี้น่ะรึบาดแผลเล็กน้อย?
หัวใจของอวัยวะที่แก่นโลหิตถูกกักเก็บเอาไว้ เมื่อหัวใจถูกทำลายแก่นโลหิตก็จะไหลทะลักออกมาและส่งผลไปถึงพลังชีวิต
ใบหน้าของติงหู่มืดมนเป็นอย่างมาก แต่ตัวตนระดับโลกียนิพพานถึงสองคนก็ยื่นมาเข้ามาแทรกแซงแล้ว เขาจึงทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้
“หากเจ้าบาดเจ็บก็ถอยกลับไปพัก!” หลิงฮันเตะฝ่าเท้าออกไป ‘ปัง’ ร่างที่ถูกเตะของติงเซี่ยวเฉินกลิ้งเป็นสิบตลบราวกับเป็นลูกบอล
ติงเซี่ยวเฉินผู้น่าสมเพศได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยความรู้สึกโมโหและอับอาย ส่งผลให้เขากระอักโลหิตออกมาพร้อมกับหมดสติไปทันที
หลิงฮันมองไปยังสมาชิกกองกำลังพยัคฆ์ขาวทั้งสิบคนที่ยืนแน่นิ่งอยู่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่สู้ต่อรึ จะเกรงใจไปทำไม?”
เกรงใจน้องสาวเจ้าสิ! ใครเกรงใจเจ้ากัน? พวกข้ากำลังหวาดกลัวอยู่ดูไม่ออกรึไง?
ในขณะที่สมาชิกกองกำลังพยัคฆ์ขาวกำลังแน่นิ่งอยู่นั้นเอง เม่าซูอวี่ เว่ยโปวและคนอื่นๆก็ฉวยโอกาสลงมือจัดการสมาชิกกองกำลังพยัคฆ์ขาวไปได้สามคน อีกเจ็ดคนที่เหลือเองก็หมดความกล้าที่จะสู้ต่อ ตราบใดที่หลิงฮันยังยืนอยู่ในลานประลอง ใครจะไปชนะได้?
กองกำลังพยัคฆ์ขาวยอมรับความพ่ายแพ้
การประลองนี้ฝ่ายที่สมควรชนะกลับพ่ายแพ้ และฝ่ายที่สมควรพ่ายแพ้กลับกลายเป็นฝ่ายชนะ
กลุ่มจากกองกำลังสำรองเอาชนะกลุ่มจากกองกำลังทั่วไปได้จริงๆ!
สายตาทุกคู่จดจ้องไปยังหลิงฮัน เป็นรุ่นเยาว์ผู้นี้ที่สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา
ใบหน้าของติงหู่บูดบึ้งและกำหมัดแน่น ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าบนหน้าผากของเขาปรากฏเส้นเลือดปูดบวม นิ้วเท้าของเขาเกร็งแน่นจนเกิดเสียงเสียดสีของกระดูก
ณ เวลานี้ ความรู้สึกต้องการสังหารหลิงฮันที่เขามีเดือดพล่านจนถึงขีดสุด
“พวกเราชนะ!” เม่าซูอวี่โห่ร้องดีใจ ในกลุ่มพวกเขานางคือคนที่แสดงความรู้สึกออกมามากที่สุด ไม่เหมือนกับพวกเว่ยโปวและคนอื่นที่มีนิสัยสงบนิ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรด้วยชัยชนะที่ราวกับปาฏิหาริย์ครั้งนี้ พวกเว่ยโปวเองก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
เหล่าสมาชิกกลุ่มที่ยอมแพ้ไปก่อนหน้านี้มีท่าทางอับอายแต่ก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ได้ ตราบใดที่มีหลิงฮัน การประลองคัดเลือกตัวแทนเมืองธุลีจันรทราย่อมไม่มีปัญหาใดๆ