ตราบใดที่ได้เป็นตัวแทนของเมืองธุลีจันรทราก็จะได้รับศิลาดวงดาวหนึ่งร้อยก้อนเป็นรางวัล และหากได้อันดับที่ดีในการประลองยุทธ์ ก็จะได้รับแร่โลหะกึ่งนิรันดร์!
มีหวัง พวกเขายังพอมีหวัง
การประลองระหว่างพวกเขากับกองกำลังพยัคฆ์ขาวจบลงอย่างรวดเร็วในณะที่กองกำลังมังกรครามกับกองกำลังหงส์เพลิงกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด ด้วยการที่ตัวแทนของทั้งสองกลุ่มกำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ พวกเขาจึงไม่สังเกตถึงเหตุการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้น
แม้จะพอรับรู้ว่าการประลองของอีกคู่จบลงอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไงกัน?
กองกำลังสำรองจะรับมือกองกำลังพยัคฆ์ขาวได้อย่างไร?
หลิงฮันและสมาชิกคนลงจากลานประลองมานั่งพักและผู้ชนะของคู่กองกำลังมังกรครามกับกองกำลังหงส์เพลิง
การต่อสู้ของทั้งสองกลุ่มดุเดือดเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากต่างฝ่ายต่างแข็งแกร่งทัดเทียมกัน เม่าซูอวี่และคนอื่นๆอุทานออกมาหลายต่อหลายรอบ มีเพียงหลิงฮันที่รู้สึกเบื่อหน่าย หากคู่ต่อสู้ไม่ได้มีพลังเทียบเท่าเขา แม้จะเป็นการปะทะอันดุเดือดของราชาเซียนก็ไม่อาจทำให้เขาสนใจ
หลังจากปะทะกันนานถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนการปะทะก็มาถึงจุดสิ้นสุด ผู้ชนะคือกองกำลังมังกรคราม
ตัวแปรที่ทำให้กองกำลังมังกรครามเหนือกว่าคือพวกเขามีหัวหน้ากลุ่มที่ทรงพลังอย่างต้วนจวิน อัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลต้วน
เขาไม่เหมือนกับติงเซี่ยวเฉินที่เข้าร่วมกองกำลังเพราะอยากใกล้ชิดเม่าซูอวี่และมีแผนการชั่วร้าย ต้วนจวินเกิดมาด้วยนิสัยบ้าคลั่งการต่อสู้และวรยุทธ เขาเข้าร่วมกองกำลังธุลีจันรทราเพียงสามแสนปีแต่กลับยกระดับจากทหารมือใหม่มาเป็นหัวหน้าของกองกำลังมังกรครามได้
ต้วนจวินเป็นที่รู้จักในฉายาทหารอันดับหนึ่งแห่งกองกำลังมังกรครามและมีโอกาสทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานสำเร็จสูงมาก
พลังต่อสู้ของเขาสูงกว่าคนอื่นก็จริง แต่เนื่องจากการประลองนี้ต้องร่วมมือกันเป็นกลุ่ม พลังของเขาเพียงคนเดียวจึงไม่ทำให้ได้เปรียบมากนัก แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เอาชนะการปะทะอันดุเดือดได้
เมื่อกลุ่มกองกำลังมังกรครามรู้ว่าคู่ต่อสู้ต่อไปของพวกเขาคือกองกำลังสำรอง ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นปั้นยาก
เป็นไปได้อย่างไร?
หลังจากได้รับรู้สถานการณ์ของการประลองโดยละเอียดแล้ว พวกเขาก็ระมัดระวังตัวต่อหลิงฮันทันที
น่าสะพรึงกลัวนักที่ผลลัพธ์กลายเป็นกลับตาลปัตรเพียงเพราะคนคนเดียว
หลังจากพักผ่อนเล็กๆน้อยๆ การประลองคัดเลือกรอบสุดท้ายก็เริ่มต้น
“ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น จัดการคนที่ชื่อหลิงฮันก่อนก็พอ” ต้วนจวินตะโกน “แม้ว่าพวกเราจะเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าพลังต่อสู้ของพวกเราจะไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ขอแค่พวกเรากัดฟันสู้สุดท้ายชัยชนะจะตกเป็นของพวกเรา”
“กองกำลังมังกรครามไร้เทียมทาน!” สมาชิกกลุ่มอีกเก้าคนคำรามเสียงดังตาม
ต้วนจวินเดินนำกลุ่มขึ้นสู่ลานประลอง
เม่าซูอวี่และคนอื่นๆเองก็เดินตามหลิงฮัน ส่วนติงเซี่ยวเฉินนั้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บเกินกว่าจะเข้าร่วมการประลองได้ กลุ่มของพวกเขาจึงเหลือเพียงเก้าคน
“ลุย!” เมื่อต้วนจวินเข้าสู่สนามรบ เขาได้กลายเป็นทหารผู้บ้าคลั่งทันที ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน ร่างของเขาพุ่งทะยานกวัดแกว่งขวานยักษ์เข้าจู่โจมหลิงฮัน
ที่ด้านหลัง สมาชิกกลุ่มอีกเก้าคนอัดพลังของตนเองเข้าสู่ร่างของต้วนจวินซึ่งดูๆแล้วก็คล้ายคลึงกับอำนาแห่งจักรภพ เพียงแต่ว่าในดินแดงแห่งเซียนนั้นไม่มีอำนาจแห่งจักรภพ เนื่องจากหลังจากบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้ว พวกเขายังจะสามารถพึ่งพาอำนาจของจอมยุทธทั่วไปได้อีก?
ต้วนจวินที่ได้รับพลังจากสมาชิกกลุ่มทรงพลังเป็นอย่างมาก ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยแสงสว่างสีทองราวกับเทพจ้าวสงคราม
หลิงฮันง้างนิ้วออกมาและชี้ไปยังขวานยักษ์
ภาพเบื้องหน้าราวกับเคลื่อนที่ช้าลง ผู้คนสามารถมองเห็นภาพที่ขวานยักษ์สะบั้นลงมาและนิ้วมือถูกยื่นออกไปได้อย่างชัดเจน เมื่อขวานยักษ์และนิ้วปะทะเข้าหากัน ภาพที่ดูเหมือนจะช้าลงก็กลับไปเป็นดังเดิม
นิ้วมือของหลิงฮันสามารถต้านทานขวานยักษ์ได้!
ต้วนจวินสูดลมหายใจก่อนที่จะคำรามและรีดเค้นพลังจนถึงขีดสุด ขวานยักษ์สั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาดวงหนึ่งที่ประดับเอาไว้บนขวานยักษ์เปิดออกและจดจ้องไปยังหลิงฮัน
ฃ
ดวงตาของขวานยักษ์ราวกับเป็นดวงตาของเทพแห่งความตาย มันทำให้จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้านและไม่สามารถขยับตัวได้!
ต้วนจวินปล่อยขวานและกวัดแกว่งหมัดเข้าใส่ใบหน้าของหลิงฮัน เขาตั้งใจจะใช้โอกาสที่หลิงฮันได้รับผลกระทบจากขวานยักษ์นี้จัดการอีกฝ่าย และเพื่อที่จะเปิดดวงตาให้กับขวานยักษ์ สมาชิกกลุ่มของเขาอีกเก้าคนถูกดูดพลังจนหมดสิ้นและทรุดตัวลงกับพื้น
เม่าซูอวี่และคนอื่นๆคำรามพร้อมกับพุ่งทะยานโจมตีใส่ต้วนจวิน ตราบใดที่สามารถขัดขวางต้วนจวินได้ กลุ่มของพวกเขาก็จะชนะ แต่ในทางกลับกัน หากปล่อยให้ต้วนจวินลงมือกับหลิงฮันได้สำเร็จ ต่อให้พวกเขาจะยังเหลือกันอยู่ถึงแปดคนก็คงไม่สามารถชนะต้วนจวิน
อย่างไรก็ตาม แม้ต้วนจวินจะมีเป้าหมายหลักคือหลิงฮัน แต่อำนาจดวงตาของขวานยักษ์เมื่อครู่กลับส่งผลมาถึงพวกเขาทุกคนด้วย ทำให้เคลื่อนที่ได้อย่างเชื่องช้า
ต้วนจวินไม่มีความลังเลใดๆ หมัดของเขาพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หืม!
ทันใดนั้นจู่ๆขนทั่วร่างของต้วนจวินก็ตั้งชี้ฟ้า เนื่องจากหลิงฮันได้แสยะยิ้มมองมายังเขาทั้งๆที่ดวงวิญญาณสมควรถูกตรึงเอาไว้ชั่วคราว
แต่จะให้เขาหยุดตอนนี้ได้อย่างไร? โอกาสชนะมีเพียงตอนนี้เท่านั้น
เขากัดฟันปล่อยหมัดออกไปไม่ยั้ง
หลิงฮันทำการตอบโต้ ถึงแม้เขาจะได้รับผลกระทบจากดวงตาของขวานยักษ์เมื่อครู่แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น ดวงวิญญาณของเขาฟื้นสภาพกลับมาแทบจะในพริบตาเดียว เขายื่นมือออกไปและใช้สองนิ้วหนีบข้อมือของต้วนจวินเอาไว้ทำให้หมัดของอีกฝ่ายไม่สามารถเข้ามาถึงตัว
ผู้คนที่มองดูอยู่แน่นิ่งไร้คำพูด การโจมตีที่ทุ่มเทไปขนาดนั้นถูกหลิงฮันรับมือได้อย่างง่ายดาย?
แท้จริงแล้วหมอนี่แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
ในตอนนั้นเอง การโจมตีของพวกเม่าซูอวี่ก็มาถึงร่างต้วนจวินในที่สุด ‘ตูม ตูม ตูม’ ตูมถูกกระหน่ำโจมตีจนร่างลอยกระเด็น
แต่ทว่า พลังของต้วนจวินนับว่าน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง หลังจากรับการโจมตีของทั้งแปดคนไปแล้ว เขาก็ยังลุกกลับมายืนได้เหมือนเดิม มุมปากของเขามีโลหิตไหลออกมาราวกับได้รับบาดเจ็บพอสมควร
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมต้วนจวินถึงถูกกล่าวว่าเป็นทหารอันดับหนึ่งของกองกำลังมังกรคราม นอกจากเขาแล้วในกองกำลังคงไม่มีใครที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แต่แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ถูกนับรวมด้วย พลังของหลิงฮันนั้นห่างไกลออกไปจากระดับของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
“ฮ่าๆๆ ยอดเยี่ยม!” ต้วนจวินหัวเราะพร้อมกับกระอักโลหิต เขาไม่รู้สึกอัปยศใดๆแม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ “เจ้าชื่ออะไร?” เขาเอ่ยถามหลิงฮัน
“หลิงฮัน”
“หลิงฮัน” ต้วนจวินพึมพำ ก่อนจะกล่าวเสียงดัง “ดี ข้าจะจดจำเจ้าไว้ เอาไว้ว่างๆพวกเราค่อยไปดื่มและไล่จับสตรีด้วยกัน!”