หลิงฮันกับจักรพรรดินีเดินตะลอนไปทั่วเมืองรองทำให้ได้รู้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเมือง
ความจริงการจะเข้าเมืองสองดาวหรือมากกว่านี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ปัญหาไม่ได้มีเพียงค่าผ่านทางแต่ยังต้องมีเหตุผลที่สมควรอีกด้วย อย่างเช่นว่าเป็นประชากรของเมืองนี้แต่แรก หรือได้รับคำเชิญให้มาที่เมือง
แม้แต่พ่อค้าก็ไม่สามารถเข้าสู่เมืองจันทราหม่นแสงหลักได้ พวกเขาทำได้เพียงลำเลียงสินค้ามายังเมืองรอง
มีคำกล่าวว่าพลังวิญญาณสำหรับบ่มเพาะของของเมืองจันทราหม่นแสงนั้นหนาแน่นกว่าเมืองธุลีจันรทราถึงสิบเท่า!
ยิ่งกว่านั้นเมืองจันทราหม่นแสงยังมีรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่สะสมพลังวิญญาณให้ไม่กระจัดกระจายหายไปไหน หากอาศัยอยู่ในเมืองเป็นเวลานานต่อให้เป็นคนปกติก็สามารถมีอายุขัยได้มากถึงห้าร้อยถึงหกร้อยปี หากเป็นจอมยุทธอย่างระดับสร้างสรรพสิ่ง อายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นห้าพันถึงหกพันปี
ไม่ใช่ว่าวรยุทธก็คือการแข่งขันกับอายุขัยหรอกรึ?
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เมืองสองดาวเป็นที่หมายปองของทุกคนไม่เว้นแม้แต่ทายาทตระกูลใหญ่เมืองหนึ่งดาวอย่างติงเซี่ยวเฉิน
ขนาดนี่ยังเป็นเพียงเมืองหนึ่งดาวเท่านั้น หากเป็นเมืองสามดาว สี่ดาวหรือเมืองห้าดาวล่ะ?
หลิงฮันและจักรพรรดินีมุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยม พวกเขาเดินไปได้เพียงครึ่งทางก็ถูกสตรีดุดันผู้หนึ่งขวางเอาไว้
“เจ้าทำร้ายน้องชายข้า?” สตรีผู้นั้นกล่าวอย่างโหดเหี้ยม นางเป็นสตรีที่มีรูปลักษณ์งดงามอันดับต้นๆ เพียงแต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดินีแล้วไม่สามารถนับเป็นอันใดได้
“พี่สาว เป็นพวกเขาที่ทำร้ายข้า!” ข้างกายนางมีชายหนุ่มสวมชุดฟ้าเข้มยืนอยู่ เขาชี้นิ้วมายังหลิงฮันและจักรพรรดินีด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด เขาคือคนที่คิดจะหยอกล้อจักพรรดินี แต่ถูกจักรพรรดินีผลักฝ่ามือใส่อย่างแรง
สตรีผู้นั้นเค้นเสียงและกล่าว “พวกเจ้าทั้งสองจงหักแขนของตนเองและคุกเข่าต่อหน้าน้องชายข้า แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิต”
“พี่สาว ข้าอยากได้สตรีผู้นั้น!” ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังจักรพรรดินี แม้เขาจะยังไม่เคยเห็นใบหน้าของจักรพรรดินี แต่แค่ท่วงท่าการขยับตัวของนางก็ทำให้ใจของเขาเต้นแรงเกินจะหักห้ามใจ
ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเผยถึงท่าทางอ่อนโยน นางพยักหน้าและกล่าว “ได้แน่นอน ตามที่เป่าเอ๋อร์ต้องการ!” นางหันกลับมามองพวกหลิงฮันและขมวดคิ้ว “พวกเจ้ารออะไรอยู่ ทำไมไม่รีบทำตามคำสั่งของข้า?”
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “สมองของเจ้าผิดปกติรึเปล่า? อย่าบอกว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าสมองตัวเองไม่ปกติแต่ก็ยังออกมาเดินเพ่นพ่านไปทั่ว?”
“ปากดีนัก!” สตรีผู้นั้นคำรามและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน “ต่อหน้าข้า หลิวมู่อวี่ เจ้าคิดว่าตนเองมีสิทธิ์ทำตัวหยิ่งยโส?”
หลิงฮันปัดป้องการโจมตีของหลิวมู่อวี่ได้อย่างง่ายดายและกล่าว “เจ้าไม่ถามถึงเหตุผลใดๆก็พรวดพราดโจมตีพวกข้าแล้ว ยิ่งกว่านั้นยังสั่งให้หักแขนตัวเองพร้อมกับคุกเข่าขอโทษอีก?”
เขาเผยรอยยิ้ม “นึกออกแล้ว ข้าจะนำตัวเจ้าไปส่งมอบให้กับชายโสดในฐานะภรรยา นอกจากจะดัดนิสัยเอาของเจ้าได้แล้ว ยังช่วยแก้ไขปัญหาชายโสดที่หาภรรยาไม่ได้ได้อีกด้วย”
“โอหัง!” หลิวมู่อวี่ปล่อยฝ่ามือออกไปอีกครั้ง คราวนี้ด้วยความรู้สึกโกรธทำให้การโจมตีที่ปล่อยออกไปทรงพลังยิ่งขึ้น พลังจากฝ่ามือของนางแปรเปลี่ยนเป็นใบมีดรูปจันทร์เสี้ยว ตราประทับแห่งเต๋าส่องประกายตระหง่านสูงเสียดฟ้าอย่างน่ายำเกรง
สตรีผู้นี้อย่างบ้าบิ่นยิ่งนัก โครงสร้างของดินแดนแห่งเซียนนั้นแข็งแรงทนทานก็จริง แต่การโจมตีสุดพลังของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็ยังสามารถสร้างความเสียหายได้อยู่ดี สตรีผู้นี้ไม่สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย นางคิดแต่จะลงมือตามใจต้องการ
ใบหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชาและโคจรแสงอัสนี ร่างของเขาปรากฏที่ด้านหน้าของหลิวมู่อวี่ในพริบตา ‘เพี๊ยะ’ เขาตบเข้าที่ใบหน้าของนางและรู้สึกว่าการตบเพียงครั้งเดียวไม่ช่วยให้ความรู้สึกไม่สบอารมณ์เจือจางลง ‘เพี๊ยะ’ หลังมือของหลิงฮันสะบัดเข้าใส่ใบหน้าของนางอีกครั้ง
หลังจากถูกตบไปสองครั้ง แก้มอันงดงามของหลิวมู่อวี่ก็กลายเป็นสีแดง ผมของนางกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง แววตาของนางจดจ้องมายังหลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด พริบตานั้นมือของนางก็ปรากฏประกายแสงพร้อมกับกำดาบเอาไว้ในมือ
มันคือดาบที่ปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันทรงพลัง
แม้แต่หลิงฮันก็ยังตกตะลึงเล็กน้อย ดาบในมือของอีกฝ่ายไม่ใช่สมบัติระดับราชาเซียนทั่วไป พลังของมันเหนือยิ่งไปกว่านั้นแต่ก็ยังไม่ถึงระดับโลกียนิพพาน
ดาบเล่มนี้สมควรถูกสร้างจากแร่โลหะกึ่งนิรันดร์ครึ่งดาว
“มอบชีวิตของเจ้ามา!” หลิวมู่อวี่สะบั้นดาบเข้าใส่หลิงฮัน ปราณดาบปลดปล่อยอำนาจแห่งเต๋าออกมาอย่างน่าสะพรึง
หลิงฮันไม่กล้าประมาทและปล่อยหมัดตอบโต้ดาบที่พุ่งเข้ามา กายหยาบของเขาเองก็บรรลุระดับแร่โลหะกึ่งนิรันดร์ครึ่งดาวเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวที่จะใช้ร่างกายเข้าปะทะตรงๆ
ตูม! ตูม! ตูม!
อำนาจของหมัดและปราณดาบกระทบเข้าใส่กันอย่างรุนแรง การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าแต่ละครั้งก่อให้เกิดแสงปะทะที่ส่องสว่างราวกับสวรรค์และปฐพีกำลังจะพังทลาย
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปได้สักพัก หลิงฮันก็รับรู้ว่าหากอำนาจของดาบนี้ถูกรีดเค้นจนถึงขีดสุด บางทีมันอาจจะมีพลังพอที่จะตอบโต้การโจมตีของเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่อาวุธก็คืออาวุธ ในระดับเดียวกันพลังของมันจะเทียบเท่าพลังจากร่างของจอมยุทธโดยตรงได้อย่างไร?
หลิงฮันพุ่งทะยานยึดดาบจากมือหลิวมู่อวี่มาได้อย่างง่ายดาย หลังจากเก็บดาบเขาก็ได้ทำการผนึกพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายและยกแบกขึ้นมาด้วยหนึ่งมือ
ชายหนุ่มที่เหมือนจะเป็นน้องชายต้องการวิ่งหนีแต่หลิงฮันก็จับร่างของเขาเอาไว้ทันและแบกร่างด้วยมือนึง
หลิวมู่อวี่นั้นแม้จะถูกจับนางก็ยังดิ้นไปมาอย่างไม่ยินยอม เมื่อเห็นว่าน้องชายของตนเองถูกจับมาด้วยใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีและคำรามออกมา “ปล่อยน้อยชายของข้า! หากเจ้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าขอสาบานว่าจะสังหารเจ้า!”
หลิงฮันออกแรงบีบที่มือ ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ กระดูกในร่างของหลิวมู่อวี่อย่างน้อยหนึ่งในสามส่วนส่งเสียงแตกร้าว เมื่อเขาหันไปมองชายหนุ่มอีกครั้งก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายซีดขาวราวกับกระดาษและหวาดกลัวจนบริเวณเป้าเปียกแฉะ
“อย่าฆ่าข้า! ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย!” ชายหนุ่มโอดครวญ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ใช่คนล่าหมูจึงไม่รู้วิธีสังหารหมู ที่ข้าต้องการคือจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสว่าสตรีที่เคยถูกเจ้ารังแกมาก่อนนั้น พวกนางรู้สึกอย่างไร“
หลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็พบกับซ่องโสเภณีที่มีไว้สำหรับบุรุษรสนิยมแปลก ภายในซ่องเต็มไปด้วยพนักงานชายกล้ามโตเป็นมัดๆ
ทางด้านของหลิวมู่อวี่ก็เหมือนกับที่เขาพูดก่อนหน้านี้ เขาส่งนางไปให้กับชายโสดที่ต้องการมีภรรยา