จักรพรรดินีชำเลืองมองหยวนซิ่งผิงอย่างเย็นชาก่อนจะเมินเฉยและเดินผ่านไป
“แม่นาง!” หยวนซิ่งผิง ไม่ยอมรับและพยายามรั้งจักรพรรดินี
ปัง!
จักรพรรดินีผลักฝ่ามืออย่างไม่ไว้หน้า ร่างของหยวนซิ่งผิง ลอยกระเด็นและกระอักโลหิต
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
ใครคือหยวนซิ่งผิง?
เขาคือผู้นำพาเมืองสองมหาภพให้ได้รับชัยชนะในการประลองยุทธครั้งที่แล้ว มีคำกล่าวว่าต่อให้จะมีเขาเป็นตัวแทนเพียงคนเดียวก็ยังสามารถคว้าชัยชนะได้อยู่ดี
แต่ทว่า ต่อหน้าจักรพรรดินีเขาไม่อาจรับมือกับนางได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว?
เหลือเชื่อ!
“หล่วนซิง?”
“นางมาจากเมืองใดกัน?”
“เมืองธุลีจันรทรา?”
“ฮึ่ม การประลองคราวนี้เมืองธุลีจันรทราจะต้องเป็นผู้ชนะเป็นแน่!”
การประลองคราวที่แล้วหยวนซิ่งผิง สามารถนำพาเมืองสองมหาภพคว้าชัยชนะได้ด้วยตัวคนเดียว แต่จักรพรรดินีนั้นดูเหมือนจะทรงพลังยิ่งกว่าหยวนซิ่งผิง อยู่พอสมควร เพราะงั้นในการประลองครั้งนี้ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้? ใครบางคนที่ฉลาดหน่อยได้เกิดความคิดที่จะเปลี่ยนไปลงเดิมพันผู้ชนะเป็นเมืองธุลีจันรทราเมืองแทน
พวกเม่าซูอวี่เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน พวกเขารู้ว่าจักรพรรดินีนั้นมีพลังต่อสู้ที่ทรงพลัง แต่ด้วยศักยภาพสองดาวครึ่ง ใครจะไปคาดคิดว่านางจะแข็งแกร่งเพียงนี้?
สามารถทัดเทียมได้กับทายาทของนิกายจันทราหม่นแสง!
หลิงฮันหัวเราะ เขาโอบกอดเอวของจักรพรรดินีพร้อมกับเดินกลับ
เมื่อข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแพร่งพรายออกไป แทบจะทุกคนก็รุดหน้าไปเดิมพันผู้ชนะเป็นธุลีจันรทราทันที ส่งผลให้อัตราเดิมพันของเมืองธุลีจันรทราลดลงมาเหลือหนึ่งร้อยต่อหนึ่งร้อยหนึ่ง
แทบจะทุกคนคิดว่าเมืองธุลีจันรทราจะเป็นผู้ชนะการประลองครั้งนี้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพัก อัตราเดิมพันของเมืองกับกลับขึ้นมาสูงอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่อัตราหนึ่งต่อยี่สิบสองเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังสูงถึงหนึ่งต่อสี่
ทุกคนไม่ได้โง่
พวกเขาไปสืบหาข้อมูลและพบว่าจักรพรรดินีไม่ใช่หนึ่งในสิบตัวแทนที่ลงประลอง เพราะงั้นอัตราเดิมพันจึงกลับมาสูงอีกครั้ง
แต่ว่าก็ว่าเถอะ เหตุใดเมืองเล็กๆอย่างเมืองธุลีจันรทราถึงได้มีสุดยอดอัจฉริยะเทียบเท่าจ่างซุนเหลียงปรากฏตัวกัน? ยิ่งกว่านั้นคือเด็กหนุ่มที่ชื่อหลิงฮันใช้วิธีการชั่วร้ายแบบใดกันถึงได้ทำให้สตรีผู้นี้หลงรักได้?
ในความคิดของทุกคน หลิงฮันนั้นไม่ได้คู่ควรกับจักรพรรดินีเลยแม้แต่น้อย เขาต้องใช้วิธีน่ารังเกียจบางอย่างเพื่อครอบครองนางแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้ว สุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งเทียบเท่าทายาทขุมอำนาจใหญ่จะสนใจบุรุษในเมืองเล็กๆหนึ่งดาวได้อย่างไร
เสน่ห์ของจักรพรรดินีรุนแรงจนทำให้หลิงฮันมีชื่อเสียงโด่งดังทันที แน่นอนว่าชื่อเสียงที่ว่าไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีนัก
“มีแต่พวกที่มองคนแค่ตื้นเขิน” หลิงฮันหัวเราะแห้ง ไม่คาดคิดว่าเวลายังไม่ทันจะผ่านไปเท่าไหร่ เขาก็ได้กลายถูกผู้คนจำนวนมากรังเกียจเสียแล้ว
ล้งเกาเฟยเองก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้รับรู้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินี เพียงแต่รายชื่อของตัวแทนที่เข้าร่วมการประลองได้ถูกรายงานไปแล้ว จะให้เปลี่ยนตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆที่แข็งแกร่งขนาดนี้แท้ๆ เหตุใดจักรพรรดินีถึงไม่เคยเปิดเผยมาก่อน?
สำหรับเรื่องนี้ จักรพรรดิให้คำตอบเพียงประโยคเดียวคือ “น่ารำคาญ”
แต่เสน่ห์ของนางนั้นแม้แต่ตัวตนระดับนิรันดร์ก็ยังได้รับผลกระทบ ล้งเกาเฟยไม่รู้เกรี้ยวกราดแม้จะได้ยินคำตอบที่ไม่แยแสของนาง ในทางกลับกัน ล้งเกาเฟยเกิดความคิดในใจว่าอัจฉริยะเช่นนี้จะต้องนำเข้าตระกูลให้ได้ เมื่อใดที่กลับไปถึงเมืองธุลีจันรทรา เขาจะหาวิธีการให้รุ่นเยาว์ของตระกูลล้งสร้างความสัมพันธ์กับนาง
ด้วยพลังต่อสู้ของนางที่เทียบเท่าได้กับอัจฉริยะอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของนิกายจันทราหม่นแสง หลิงฮันจะนับเป็นอันใด? ต่อให้ทั้งสองแต่งงานกันแล้วก็ยังสามารถเลิกรากันได้
หนึ่งวันต่อมา รถม้าที่หรูหราคันหนึ่งก็มาจอดหน้าที่พักของหลิงฮันและจักพรรดินี
คนที่ควบคุมรถม้าอยู่คือชายชราร่างผอมที่มีพลังบ่มเพะระดับราชาเซียน เขาเอ่ยเชิญหลิงฮันและจักรพรรดินีขึ้นรถม้าด้วยท่าทางสุภาพ แน่นอนว่าความสุภาพที่แสดงออกมานั้น เขาตั้งใจแสดงออกไปยังจักรพรรดินีแต่เพียงผู้เดียว
พวกเม่าซูอวี่รู้สึกเม่าซูอวี่เป็นอย่างมากแต่ก็ทำได้เพียงมองรถม้าเคลื่อนที่จากไป และถึงแม้ล้งเกาเฟยจะไม่ปรากฏตัวออกมาเขาก็ได้ใช้สัมผัสสวรรค์เฝ้ามองอยู่ ซึ่งสัมผัสสวรรค์ของเขาเกิดการผันผวนเล็กน้อย
ความจริงแล้ว เหล่าตัวตนที่อาศัยอยู่บนเกาะที่ลอยอยู่รอบด้านเมืองหลักนั้น พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนระดับสูงของนิกายจันทราหม่นแสง ซึ่งแม้แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเช่นล้งเกาเฟยก็ไม่มีคุณสมบัติไปเหยียบย่ำ เพราะงั้นเมื่อเห็นรุ่นเยาว์สองคนตรงหน้าได้รับโอกาสที่เขาไม่เคยได้ จิตใจของล้งเกาเฟยจึงรู้สึกเจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมดา
รถม้าค่อยๆลอยขึ้นกลางอากาศและมุ่งหน้าสู่เกาะเมฆาเซียน ด้วยการที่ชายชราเป็นคนขับมากประสบการณ์ ผ่านไปเพียงชั่วครู่รถม้าก็ลงจอดบนเกาะลอยฟ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อหลิงฮันกับจักรพรรดินีลงจากรถม้า ชายชราก็ควบคุมรถม้าออกจากเกาะไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายยังต้องไปรับคนอื่นมาอีก
หลิงฮันและจักรพรรดินีกวาดสายตามองเกาะ ตอนนี้พวกเขาอยู่บริเวณกึ่งกลางของทางเดินหลัก ที่เบื้องหน้าในระยะที่ไม่ห่างออกไปไกลมากนักมีปราสาทงดงามตั้งอยู่ รอบด้านปราสาทมีหินต่างขนาดถูกวางเรียงกระจัดกระจายอยู่และโอบล้อมไปด้วยสวนดอกไม้งดงาม
แต่ยังไม่ทันทีพวกเขาจะก้าวเดิน รถม้าอีกคันหนึ่งก็ลอยมาจากทิศทางของเมืองหลักและมุ่งหน้ามายังเกาะเมฆาเซียน
รถม้าที่กำลังจะแล่นลงจอดมีร่องรอยผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเก่าแก่ สิ่งมีชีวิตที่กำลังลากรถม้าคือมังกรเงินสามหัว มันเป็นสัตว์อสูรระดับราชาเซียนที่ทรงพลัง เมื่อใดที่เกล็ดสีเงินบนตัวของมันเปลี่ยนเป็นสีทอง พลังของมันจะยกระดับกลายเป็นสัตว์อสูรนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน
รถม้าคันนี้ไม่มีคนคอยควบคุม เพราะงั้นจึงคาดเดาได้ว่ามังกรเงินสามหัวตนนี้มีสติปัญญา เมื่อมันสังเกตเห็นหลิงฮันและจักรพรดินี สายตาของมันก็เผยถึงความรู้สึกเย็นชาและเหยียดหยาม ร่างของมันทะยานมายังทิศทางของพวกเขาสองคนหวังจะพุ่งชน
จักรพรรดินีเกรี้ยวกราดและถลึงตาโหดเหี้ยม
มังกรเงินสามหัวชะงักด้วยความหวาดกลัว ร่างของมันเปลี่ยนทิศและพุ่งกระแทกเข้าใส่โขดหินขนาดใหญ่
ภายใต้แรงกระแทกที่รุนแรง โขดหินถูกบดขยี้เป็นก้อนกรวด หัวของมังกรเงินสามหัวเกิดอาการมึนงงและเดินกระโผลกกระเผลก
ประตูของรถม้าถูกเปิดออกทันที ร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งปรากฏตัวด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจู่ๆรถม้าถึงได้เปลี่ยนทิศและหยุดกระแทกชนเข้ากับอะไรบางอย่าง?
สายตาของรุ่นเยาว์ผู้นั้นกวาดมองมายังหลิงฮันและจักรพรรดินี “ช่างโอหังนัก พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำให้สัตว์ลากรถม้าของนายน้อยผู้นี้หวาดกลัว? หรือพวกเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้ว?”