ใบหน้าของจ่างซุนเหลียงเปลี่ยนเป็นมืดมน เขากำหมัดแน่นและเกิดความรู้สึกอยากจะฉีกกระชากหลิงฮันให้ตาย
หลิงฮันลุกขึ้นจากเบาะและค่อยๆเดินออกจากห้องโถงอย่างไม่เร่งรีบ
ณ เวลานี้เหล่าฝูงชนล้วนแต่ตื่นเต้นและทนรอดูหลิงฮันถูกทุบตีไม่ไหว
จักรพรรดินีกระทืบเท้าเบาๆ ออร่าอันทรงพลังของนางถูกปลดปล่อยออกมาทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
แต่ก็มีข้อยกเว้น
จ่างซุนเหลียงก้าวเดินไปยืนเคียงค้างจักรพรรดินีอย่างรวดเร็วและทันใดนั้นเองใบหน้าของเขาก็ต้องเผยถึงความรู้สึกตะลึง ‘บางครั้งแม้จะยังไม่ได้ปะทะกัน แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งกว่า’
ออร่าของจักรพรรดินีนั้นทรงพลังจนแม้แต่เขาก็คิดว่าตนเองไม่อาจเอาชนะนางได้
ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ทำให้เขารู้สึกอิจฉา แต่ทำให้เขารู้สึกหลงใหลนางยิ่งขึ้นไปอีก
นี่คือสตรีที่เขาเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน นางคือคนที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นคู่ชีวิตของเขา
หลิงฮันและชายหนุ่มผมแดงยื่นห่างกันสิบก้าว เกาะลอยฟ้าแห่งนี้มีโครงสร้างที่แข็งแรงและสามารถต้านทานพลังทำลายของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งได้ เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องเหาะเหินไปสู้กันบนฟ้า
ทุกคนมั่นใจในตัวชายหนุ่มผมแดงเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ติดตามของจ่างซุนเหลียง แต่การที่สามารถเป็นผู้ติดตามของจ่างซุนเหลียงได้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาทรงพลังขนาดไหน
หากเป็นอัจฉริยะทั่วไปมาคุกเข่าขอร้องเป็นผู้ติดตาม จ่างซุนเหลียงคงไม่แม้แต่เหลียวมอง
“สามกระบวนท่า!” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวอย่างหยิ่งผยอง ด้วยพลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขา หากเขาเอาจริงในการทดสอบโจมตีแท่งเสา แต้มที่เขาได้ย่อมมากถึงเจ็ดสิบเอ็ดแต้มซึ่งไม่น้อยหน้าเหล่าราชารุ่นเยาว์ที่มารวมกันที่นี่วันนี้
หยวนซิ่งผิง ตันอวี่จิง เปียนเจ๋อและคนอีกจำนวนหนึ่งจ้องมองไปยังหลิงฮัน พวกเขาคือจอมยุทธที่มีพื้นเพมาจากเมืองหนึ่งดาวเช่นเดียวกันกับหลิงฮัน เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการให้หลิงฮันพ่ายแพ้ แต่หลิงฮันนั้นได้รับสิทธิ์มาบนเกาะแห่งนี้เพราะวาสนาจากจักรพรรดินี จึงไม่มีใครเลยที่เชื่อมั่นในพลังของหลิงฮัน
พวกได้แต่หวังว่าหลิงฮันจะต้านทานสามกระบวนท่าได้ หากหลิงฮันพ่ายแพ้ในหนึ่งกระบวนท่าล่ะก็ พวกเขาคงรู้สึกอับอายไปด้วย
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าสามกระบวนท่า ก็สามกระบวนท่า”
คนที่เขาใจคำพูดของหลิงฮันมีเพียงจักรพรรดินี หลิงฮันตั้งใจจะจัดการคู่ต่อสู้ด้วยสามกระบวนท่า
“กระบวนท่าแรก!” ชายหนุ่มผมแดงยกมือทั้งสองขึ้นและชี้ออกมาด้านหน้า ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ เปลวเพลิงขนาดเล็กถูกปลดปล่อยออกมาและควบแน่นกลายเป็นคันศรเพลิงพิโรธพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
เขาคือคนที่เกิดมาพร้อมกับมีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ด้วยเหตุนี้แล้วอำนาจของเปลวเพลิงที่เขาปลดปล่อยออกมาจึงทรงพลังเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้มและอ้าปากเป่าลมเข้าใส่คันศรเพลิงพิโรธ ‘ฝุบ’ คันศรเปลวเพลิงถูกเป่าดับในพริบตา เขากล่าว “วันนี้ไม่ใช่วันเกิดข้าเสียหน่อย อย่าให้ข้าต้องเสียเวลาเป่าเทียนสิ”
“หืม?”
ทุกคนประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้สามารถสลายการโจมตีของชายหนุ่มผมแดงด้วยการเป่าลมเพียงครั้งเดียว
ชายหนุ่มผมแดงเองก็ชะงักเล็กน้อย แต่เขาเองก็ยังไม่ได้เอาจริงเช่นกัน กระบวนท่าแรกเป็นเพียงการทดสอบเท่านั้น เขากล่าว “รับกระบวนท่าที่สอง”
‘ครืนน’ ออร่าอันทรงพลังพรั่งพรูออกมาจากร่างของเขาพร้อมกับกระดูกสันหลังได้ยกนูนสูงขึ้นมาราวกับกลายเป็นมังกร
“กรงเล็บมังกรสวรรค์พิโรธ!” เขาง้างมือทั้งสองข้างและควบแน่นพลัง ทันใดนั้นเกล็ดมังกรก็ค่อยๆปรากฏออกมาและปกคลุมไปทั่วมือของเขา ตอนนี้มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มผมแดงแปรเปลี่ยนกลายเป็นกงเล็บมังกรที่มีความยาวถึงห้าฟุต เขาไม่พูดพล่ามและพุ่งทะยานหวังกำราบหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม เขาโคจรทักษะรัตติกาลเงาทมิฬสร้างความมืดมิดขึ้นมาปกคลุมไปทั่วร่างของชายหนุ่มผมแดง
ท่ามกลางความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ ไม่มีใครสามารถมองเห็นร่างของชายหนุ่มผมแดง แม้แต่จ่างซุนเหลียงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เขาเผยสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมากและอดคิดไม่ได้ว่า หากเขากับหลิงฮันปะทะกันและตนเองถูกขังอยู่ภายในความมืดมิดนั่นเขาจะหลบหนีออกมาได้อย่างไร?
พรึบ!
แต่เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มผมแดงก็สามารถหลุดพ้นออกมาจากความมืดมิดได้ จ่างซุนเหลียงที่เห็นเช่นนั้นก็คิดว่าตนเองคงคิดมากไป เพราะขนาดชื่อหลงยังสลายความมืดมิดได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงตัวเขาเองเลย
แต่มุมปากที่กำลังจะยิ้มของจ่างซุนเหลียงก็ต้องหุบลงเนื่องจากว่าการโจมตีของชายหนุ่มผมแดงก็สลายไปพร้อมกับความมืดมิดเช่นกัน
กระบวนท่าที่สองของชายหนุ่มผมแดงไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถสัมผัสโดนแม้แต่ชุดของหลิงฮัน
ทุกคนตกตะลึง หากหลิงฮันสลายการโจมตีของชายหนุ่มผมแดงด้วยพลังทั้งหมด พวกเขาก็ยังพอยอมรับได้
แต่นี่เพียงแต่เป่าลมกับปลดปล่อยความมืดออกมา เขาก็สามารถสลายการโจมตีของชายหนุ่มผมแดงได้ถึงสองกระบวนท่า
เหลือเชื่อ!
หรือรุ่นเยาว์ผู้นี้เองก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะ?
“กระบวนท่าทีสาม!” ชายหนุ่มผมแดงรู้สึกกดดัน นี่ผ่านไปถึงสองกระบวนท่าแล้วเขาก็ยังไม่อาจรับรู้ถึงก้นบึ้งพลังของหลิงฮัน
กระบวนท่าที่สามต้องเผด็จศึกให้ได้
เขาเริ่มทำการสะสมปราณก่อเกิดจำนวนมหาศาล ทั่วร่างของเขาปลดปล่อยออร่ามังกรออกและถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาของมังกร
หมัดมังกรตระหง่าน!
นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดของชายหนุ่มผมแดง สามารถกล่าวได้ว่าในขณะที่ใช้ทักษะนี้ พลังต่อสู้ของเขาถูกยกระดับขึ้นมาเทียบเคียงกับจอมยุทธที่โจมตีเสาหินได้แปดสิบแต้ม
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถคงสภาพทักษะเอาไว้ได้นาน อย่างมากก็แค่สามลมหายใจ
“รับมือ!” เขาคำรามและพุ่งทะยานเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันไม่หลบหลีก เมื่อร่างของชายหนุ่มผมแดงปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า เขาก็ทำการเอื้อมมือออกไปคว้าคอของอีกฝ่าย เพียงแค่เขาออกแรงบีบเล็กน้อย กระดูกในร่างของชายหนุ่มผมแดงก็แตกหักอย่างน้อยครึ่งร่าง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือแขนและขาก็ห้อยลงกับคนตายและหมดสภาพไม่อาจสู้ต่อได้
“ครบสามกระบวนท่าแล้ว” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะโยนร่างของชายหนุ่มผมแดงไปที่ด้านหน้าจ่างซุนเหลียง
คนอื่นๆคาดเดาได้ว่าหลิงฮันไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงสามกระบวนท่าก็ได้
ด้วยพลังเช่นนี้ เขาสามารถโค่นชายหนุ่มผมแดงภายในหนึ่งกระบวนท่า
หยวนซิ่งผิงและตันอวี่จิงเผยสีหน้าหวาดระแวง แม้ทั้งสองจะมั่นใจว่าตนเองสามารถเอาชนะชายหนุ่มผมแดงได้ แต่คงไม่ง่ายเหมือนอย่างหลิงฮัน
นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่ง!
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคิดว่าหลิงฮันไม่แข็งแกร่งพอและจะทำให้พวกเขาเสียหน้า แต่ตอนนี้พวกเขาได้เปลี่ยนความคิดเป็นหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไปและสามารถเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาในการประลองยุทธ
แววตาของจ่างซุนเหลียงส่องประกายเกรี้ยวกราด การที่หลิงฮันโยนร่างของใครสักคนมายังเบื้องหน้าเขานั้นมีความหมายว่าอย่างไร?
ต้องการสื่อว่านี่คือจุดจบของคนที่ท้าทายเจ้า?
“ทายาทจ่างซุนเหลียง ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ข้า!” ทันใดนั้นเอง ร่างของชายผู้หนึ่งก็วิ่งพรวดผ่านฝูงชนเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน
ร่างนั้นคือถงหลิน
จ่างซุนเหลียงที่กำลังเกรี้ยวกราดอยู่ เมื่อเห็นถงหลินปรากฏตัวเขาก็ไม่อาจระงับอารมณ์ไหวและทำการผลักฝ่ามือเข้าใส่อีกฝ่ายทันที
‘ตูม’ ร่างของถงหลินกลายเป็นฝนโลหิตในพริบตา แม้แต่ดวงวิญญาณก็แหลกสลายไม่เหลือซาก
ช่างเป็นชายที่โชคร้ายนัก