ในการประลองระหว่างราชา แม้จะเป็นปัจจัยที่เสียเปรียบเพียงเล็กน้อยอย่างการแพ้ทางธาตุก็สามารถนำไปสู่ความพ่ายแพ้ได้
ตูม!
กว่าสัตว์อสูรทั้งหมดจะถูกกำจัด ร่างของจ่างซุนเหลียงก็ถูกทำให้ล่าถอยไปสามสิบกว่าก้าว ตามเสื้อผ้าของเขาปรากฏร่องรอยไหม้เกรียมมากมาย แต่โดยรวมก็ถือว่ายังอยู่ในสภาพดีเนื่องจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่คือสมบัติที่มีความสามารถป้องกันที่ยอดเยี่ยม
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ยังไม่ใช่สมบัติระดับกึ่งนิรันดร์อยู่ดี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานพลังโจมตีของราชาเซียนสูงสุดได้อย่างสมบูรณ์
แต่นี่ก็เป็นเพราะผู้ที่สวมใส่ชุดสมบัติเอาไว้คือจ่างซุนเหลียง หากเป็นจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งคนอื่น แม้จะสวมชุดสมบัติเอาไว้ก็คงหนีไม่พ้นกลายเป็นเถ้าถ่านจากการโจมตีเมื่อครู่
จ่างซุนเหลียงอ้าปากสูดลมหายใจลึก บริเวณมุมปากของเขามีโลหิตไหลออกมา นอกจากหลิงฮันแล้วคงไม่มีใครอื่นสามารถรับการโจมตีจากราชาระดับเดียวกันได้โดยไม่บาดเจ็บ
ดวงตาส่องประกายโหดเหี้ยม แม้แต่ตอนที่ปะทะกับหลิงฮันคราวก่อน เขาก็ยังไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดขนาดนี้
ไม่ใช่ว่าเซียวเซิ่งแข็งแกร่งกว่าหลิงฮัน แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายใช้ประโยชน์จากคำพูดของเขา โจมตีมาด้วยสามกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุด
เซียวเซิ่งปรบมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอยอมรับว่าพี่ชายจ่างซุนพอจะมีความสามารถอยู่บ้าง ข้าคิดว่าท่านจะรับมือกับสามกระบวนท่าของข้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ผู้คนรอบข้างก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
หากไม่ใช่เพราะรัชทายาทยอมให้โจมตีก่อน เขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้อย่างไร?
แต่พวกเขาทุกคนเองก็ต้องยอมรับว่าเซียวเซิ่งเองก็ทรงพลังอย่างแท้จริง แม้จ่างซุนเหลียงจะไม่ยอมให้โจมตีก่อนสามกระบวนท่า อีกฝ่ายก็น่าจะต่อสู้ได้อย่างทัดเทียม
“แต่ว่านะพี่ชายจ่างซุน ท่านยืนอยู่ในต่ำแหน่งราชารุ่นเยาว์อันดับหนึ่งนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องสละบัลลังก์เสียที!” เซียวเซิ่งหัวเราะและพุ่งทะยานเพื่อลงมือต่อ ปราณก่อเกิดของเขาถูกฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว ผิดกับจ่างซุนเหลียงที่ได้รับบาดเจ็บ ช่วงเวลานี้จึงถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะกำราบจ่างซุนเหลียงให้ราบคาบ
การประลองระหว่างราชารุ่นเยาว์ทั้งสองนี้คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงชื่อเสียง ฝ่ายใดที่ชนะมีสถานะอยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
แน่นอนว่าจ่างซุนเหลียงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาเมินเฉยต่อบาดแผลที่ได้รับและประจันหน้ากับอีกฝ่ายซึ่งๆหน้า
สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าจ่างซุนเหลียงแข็งแกร่งขนาดไหน แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บเขาก็ยังสามารถต่อกรกับเซียวเซิ่นได้อย่างสูสีและไม่มีท่าทีว่าจะเสียเปรียบแม้แต่น้อย
หลิงฮันที่จ้องมองอยู่ขมวดคิ้ว
ชักไม่ได้การแล้ว…
จ่างซุนเหลียงได้รับบาดเจ็บที่ดวงวิญญาณเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแถวยังต้องมารับสามกระบวนท่าที่ทรงพลังโดยไม่อาจตอบโต้อีก พลังต่อสู้ของเขาสมควรจะถดถอยต่ำลงมา แต่จากที่เห็นในตอนนี้พลังต่อสู้ของจ่างซุนเหลียงกลับไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นเพราะอะไรน่ะรึ?
เขาจะต้องใช้ทักษะลับอะไรบางอย่างระงับอาการบาดเจ็บของตนเองเอาไว้
หากจ่างซุนเหลียงเอาชนะเซียวเซิ่นไม่ได้โดยเร็ว ไม่เพียงแต่พลังต่อสู้ของเขาจะกลับมาถดถอยเหมือนเดิม แต่บาดแผลจะยิ่งสาหัสมากขึ้นเพราะฝืนใช้ทักษะลับอีกด้วย
ทักษะลับที่ฝืนสวรรค์ทักษะใดบ้างที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทน?
ขนาดหลิงฮันยังมองออกมีรึที่ตัวตนระดับสูงของนิกายจันทราหม่นแสงจะมองไม่ได้? พวกเขาเผยสีหน้าตรึงเครียด หากจ่างซุนเหลียงทุ่มเทพลังทั้งหมดแล้วเอาชนะเซียวเซิงก็ดีไป
แต่เท่าที่เห็นนั้นเซียวเซิ่นเองก็ทรงพลังไม่แพ้กัน ต่อให้ทั้งสองปะทะกันโดยอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก็ยังยากที่จะตัดสินได้ว่าใครเหนือกว่า เพราะงั้นแล้วมีรึที่จ่างซุนเหลียงในสภาพตอนนี้จะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในระยะเวลาอันสั้น?
ต่อให้จ่างซุนเหลียงจะใช้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดแต่อีกฝ่ายก็คงมีทักษะที่ทรงพลังพอจะตอบโต้กลับมาได้เช่นกัน
สถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีเสียแล้ว!
เซียวตงลูบหนวดเคราและแสยะยิ้ม ทั้งเขาและตระกูลเซียวรอเวลานี้มานานแสนนานแล้ว
ก่อนหน้านี้การที่นิกายจันทราหม่นแสงมีราชาแห่งยุคอย่างจ่างซุนเหลียงปรากฏตัวนั้นทำให้ขุมอำนาจสองดาวภายใต้การปกครองของตระกูลฟู่แตกตื่นเป็นอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่จ่างซุนเหลียงเติบโตขึ้นมา ด้วยศักยภาพราชาในหมู่ราชาของเขา แม้จะยังไม่ทะลวงผ่านระดับขอบเขตตำหนักอมตะ แต่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณคงไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ด้วยเหตุนี้เองตระกูลเซียวจึงตกอยู่ในสถานการณ์ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่สวรรค์ก็ยังเข้าข้างพวกเขาและส่งเซียวเซิ่นมาให้!
เซียวเซินบ่มเพาะพลังมาได้ไม่ถึงสองหมื่นปีก็เผยให้เห็นถึงศักยภาพอันโดดเด่นไร้ผู้ใดเทียบตระกูลเซียวจึงได้ทำการฝึกฝนเขาอย่างลับๆ จนกระทั่งได้เปิดเผยตัวในวันนี้เอง
ด้วยการที่เซียวเฉินไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงมาก่อน ต่อให้เขาพ่ายแพ้ในการประลองนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากเอาชนะการประลองนี้ได้ล่ะก็ สถานะของเซียวเซิ่นจะขึ้นเป็นราชาแห่งยุคแทนจ่างซุนเหลียงไปโดนปริยาย
เซียวตงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจ
จ่างซุนเหลียงพยายามคงสภาพพลังต่อสู้เอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายจู่ๆเขาก็ต้องกระอักโลหิตออกมาเนื่องจากระยะเวลาของทักษะลับได้มาถึงขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้ได้อีกต่อไป
ฉัวะ!
หมัดของเซียวเซิ่นปรากฏคมมีดเปลวเพลิงและทะลวงเข้าใส่ไหล่ของจ่างซุนเหลียง พลังทำลายล้างของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในเปลวเพลิงส่งผลให้จ่างซุนเหลียงหมดสภาพและไม่สามารถสู้ต่อได้
“ฮ่าๆๆ นี่น่ะรึอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งยุค?” เซียวเซิ่นกล่าวเยาะเย้ยจ่างซุนเหลียงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ช่างน่าขันนัก เจ้ามันไม่ได้ต่างไปจากขยะไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย!”
“ตั้งแต่วันนี้ไปข้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่ง ราชาแห่งยุคเพียงหนึ่งเดียว!”
เขาโยนร่างของจ่างซุนเหลียงออกจากลานประลองและยิ้มเย้ยหยัน
“จ่างซุนเหลียง ตั้งแต่นี้ไปจงอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าอีกครั้งจนต้องร้องไห้หามารดา”
เขากวาดสายตาดูถูกมองไปยังผู้ชมโดยรอบก่อนจะเผยสีหน้าหยิ่งยโสโอหัง “หรือพวกเจ้าคนใดยอมรับไม่ได้ก็ดาหน้ากันมาให้หมด ตราบใดที่มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับสร้างสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะกี่คนข้าก็จะเป็นคู่ต่อสู้ให้!”
ทุกคนรู้สึกโมโหอย่างมาก แต่ต่อหน้าราชาที่แข็งแกร่งแม้พวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าก็ไม่มีประโยชน์
หลิงฮันกระโดดขึ้นหน้าออกมา เขาพยุงร่างจ่างซุนเหลียงพร้อมกับกล่าว “พี่ชายจ่างซุนโปรดสบายใจ หลังจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
จ่างซุนเหลียงคว้าข้อมือหลิงฮันเอาไว้ เขากระอักโลหิตออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะกล่าว “ระวังตัวด้วย พลังของชายผู้นั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้า!”
หลิงฮันยิ้มตอบกลับ “พี่ชายจ่างซุน ท่านไม่สังเกตเห็นรึว่าข้าทะลวงผ่านระดับแล้ว?”
จ่างซุนเหลียงชะงักแน่นิ่งทันที เนื่องจากพลังต่อสู้ของหลิงฮันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ทำให้เขาเผลอมองข้ามพลังบ่มเพาะของหลิงฮันไปเสียสนิท
เขานึกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าในตอนที่หลิงฮันประลองกับเขาและเสมอกันนั้น หลิงฮันยังมีพลังบ่มเพาะเพียงแค่เซียนระดับสูงเท่านั้น หากตอนนี้อีกฝ่ายบรรลุเป็นราชาเซียนแล้วล่ะก็จะทรงพลังขึ้นขนาดไหน?
ที่แน่ๆคือต้องเป็นสัตว์ประหลาดที่เกินกว่าจะจินตนาการแน่นอน…