ทุกคนรู้สึกรันทดและเกรี้ยวกราด
แม้พวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนของนิกายจันทราหม่นแสงโดยตรง แต่ไม่ว่าจะเป็นเมืองธุลีจันรทราหรือเมืองสองมหาภพก็ล้วนแต่เป็นภายใต้การปกครองของนิกายจันทราหม่นแสง หากนิกายจันทราหม่นแสงถูกดูหมิ่นจะให้พวกเขาไม่รู้สึกรู้สาได้อย่างไร?
เหนือสิ่งอื่นใดคือการกระทำของเซียวเซิ่นนั้นน่ารังเกียจเกินไป
ชัยชนะของเขาไม่ได้น่าภูมิใจแม้แต่น้อย นอกจากจะใช้ประโยชน์จากคำสัญญาสามกระบวนท่าของจ่างซุนเหลียงแล้ว จ่างซุนเหลียงยังไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มที่เพราะบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วอีก
“ฮ่าๆๆ พี่ชายเถีย ดูเหมือนว่ารัชทายาทของท่านจะยังฝึกฝนมาไม่พอนะ!” เซียวตงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างไม่ไว้หน้า อันที่จริงเขาไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่ากระบวนท่าสุดท้ายของเซียวเซิ่นจะทำให้จ่างซุนเหลียงบาดเจ็บสาหัสได้
บาดแผลที่จ่างซุนเหลียงได้รับในการประลองนี้จำเป็นต้องใช้เวลารักษาราวๆสองถึงสามปี ด้วยเหตุนี้อีกฝ่ายย่อมพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่หุบเหวสืบสานนิพพานที่กำลังจะเปิดออกเร็วๆนี้แน่นอน
ประมุขนิกายจันทราหม่นแสงมีสีหน้ามืดมน แต่เนื่องจากใบหน้าของเขามีตราประทับแห่งเต๋าปกคลุมเอาไว้คนอื่นๆจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่บูดบึ้งของเขา
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีใครคิดสู้ พวกข้าก็ขอตัว” เซียวตงกวักมือไปยังเซียวเซิ่นเพื่อเป็นสัญญาณให้เตรียมตัวกลับ
“ช้าก่อน!”
แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆน้ำเสียงอันราบเรียบก็ดังขึ้น รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งเดินเข้าสู่ลานประลองอย่างเชื่องช้าโดยมีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า “ข้าขอท้าประลอง!”
เป็นหลิงฮัน!
เหล่าผู้คนที่อยู่บนชั้นที่นั่งคนดูเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาทันใด พวกเขาได้รับรู้แล้วว่าหลิงฮันกับจ่างซุนเหลียงเคยปะทะกันมาก่อน ซึ่งอาการบาดเจ็บของจ่างซุนเหลียงในวันนี้ก็คงเป็นผลมาจากการประลองกับหลิงฮัน
เพียงแต่ว่าในเมื่อหลิงฮันกับจ่างซุนเหลียงเสมอกัน หากจ่างซุนเหลียงได้รับบาดเจ็บ หลิงฮันก็คงไม่ต่างกัน
การประลองนี้สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีเช่นเดิม
“เจ้าน่ะรึ?” เซียวเซิ่นกวาดสายตามองหลิงฮันก่อนจะเผยท่าทีเหยียดเหยาม “เจ้าเป็นใครและมีคุณสมบัติอันใดมาท้าประลองข้า?” เขาเพิ่งจะโค่นจ่างซุนเหลียงและกลายเป็นราชาแห่งยุคคนใหม่แท้ๆ ยังมีคนที่กล้าท้าประลองเขาอยู่ได้อย่างไร?
หลิงฮันไม่รู้สึกโมโหกับท่าทีของเซียวเซิ่น เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็กำลังจะทุบตีอีกฝ่ายให้เละเทะอยู่แล้ว เขายิ้มและกล่าว “ไม่ใช่เจ้าบอกเองรึว่าใครที่ไม่พอใจสามารถท้าประลองเจ้าได้ แถมยังไม่จำกัดจำนวนผู้ท้าประลองด้วย?”
“โอ้ นอกจากเจ้าแล้วยังมีคนอื่นที่ไม่พอใจอยู่อีก?” เซียวเซิ่นกล่าวเย็นชา
“ภรรยาข้า เจ้าพอใจรึไม่?” หลิงฮันเอ่ยถามจักรพรรดินี
“ไม่” จักรพรรดินีเอ่ยตอบ
ด้วยนิสัยที่ไม่แยแสใคร หากไม่ใช่เพราะหลิงฮันนางคงไม่ตอบเช่นนี้
“ก็อย่างที่เห็น พวกข้าสองคนไม่พึงพอใจ คงไม่ว่าอะไรนะหากพวกเราจะร่วมมือกันเผชิญหน้ากับเจ้า?” หลิงฮันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
เซียวเซิ่นไม่สบอารมณ์ เหตุใดคำพูกของอีกฝ่ายถึงน่าหงุดหงิดขนาดนี้ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้เขารู้สึกเกรี้ยวกราดขึ้นมาได้ แต่เมื่อเขาชำเลืองมองไปยังจักรพรรดินี ความรู้สึกเกรี้ยวกราดก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ช่างมีเสน่ห์น่าดึงดูดยิ่งนัก!
เขาตัดสินใจทันทีว่าจะนำสตรีผู้นี้กลับเมืองร้อยมหาอำนาจไปพร้อมกันต่อให้ต้องลักพาตัวก็ตาม
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ตอบกลับไปอย่างไม่คิด “ตกลง พวกเจ้าสองคนมาประลองกับข้า”
หลิงฮันหัวเราะและเดินอ้อมไปด้านหลังของเซียวเซิ่นอย่างช้าๆ เมื่อทำเช่นนี้เขากับจักรพรรดินีจะสามารถโจมตีเซียวเซิ่นไปรอบทิศทาง เขายิ้มพร้อมกับกล่าว “ภรรยาข้า มาใช้หมอนี่เล่นโยนบอลกันดีกว่า”
“อืม!” จักรพรรดินีพยักหน้า แม้โดยนิสัยของนางแล้วนางจะเลือกกำราบคู่ต่อสู้ให้จบอย่างรวดเร็วไม่เสียเวลา แต่ในเมื่อหลิงฮันอยากเล่นนางก็ยินดีจะตามน้ำด้วย
ใบหน้าของเซียวเซิ่นเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง ที่พวกเจ้าดูถูกข้าขนาดไหนกันถึงได้คิดจะใช้เขาเป็นลูกบอล?
“ปากดีขนาดนี้ ข้าจะฉีกกระชากไม่ให้เหลือ!” เซียวเซิ่นคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและพุ่งทะลวงเข้าหาหลิงฮันเพื่อหวังโจมตี
“ภรรยาข้า รับลูกบอล!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหา หลิงฮันก็ยกมือกำหมัดเตรียมปล่อยกำปั้น
‘ปัง’ ร่างของเซียวเซิ่นถูกซัดลอยกระเด็นอย่างไม่อาจต้านทาน
ด้วยพลังต่อสู้ของหลิงฮันในตอนนี้ ต่อให้จักรพรรดินีกับจ่างซุนเหลียงร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้ เพราะงั้นกับแค่เซียวเซิ่นเพียงคนเดียวจะนับเป็นอันใด?
ประมุขนิกายจันทราหม่นแสง “…”
เซียวตง “…”
จ่างซุนเหลียงและเหล่าผู้ชม “…”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เหตุใดเซียวเซิ่นถึงถูกซัดลอยกระเด็นง่ายๆแบบนั้น!
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าหมัดของหลิงฮันนั้นไม่ได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธทักษะใดเลย หมัดของเขาไม่มีแม้แต่ตราประทับเต๋าของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
เพียงแค่หมัดเปล่าๆสามารถส่งร่างของเซียวเซิ่นลอยกระเด็นได้!
นี่จ่างซุนเหลียงเสมอกับหลิงฮันจริงๆรึเปล่า? หรือแท้จริงแล้วเซียวเซิ่นไม่ได้แข็งแกร่งแต่จ่างซุนเหลียงบาดเจ็บสาหัสมากเซียวเซิ่นถึงได้เอาชนะจ่างซุนเหลียงได้?
หากไม่เช่นนั้นก็ต้องเป็นเพราะว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในตอนที่สู้กับจ่างซุนเหลียงก่อนหน้านี้!
‘ฟุบ’ ร่างของเซียวเซิ่นลอยผ่านอากาศพุ่งเข้าหาจักรพรรดินี
แม้เซียวเซิ่นจะรู้สึกมึนงงที่ถูกหมัดซัดเข้าใส่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นราชา เมื่อพบเห็นว่าจักรพรรดินีเตรียมรอโจมตีเขาอยู่ เขาก็ได้ทำการปล่อยหมัดออกไปก่อนเพื่อชิงความได้เตรียม
จักรพรรดินียื่นมืองดงามที่ปกคลุมไปด้วยตราประทับแห่งเต๋านับไม่ถ้วนออกมาด้านหน้า อำนาจของฝ่ามือนี้เพียงแค่จ้องมองก็สัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัว
‘ปัง ปัง ปัง’ เซียวเซิ่นและจักรพรดินีแลกกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ซึ่งจากจุดนี้ทำให้เห็นว่าเซียวเซิ่นเองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาสามารถรับมือกับจักรพรรดินีได้ถึงสามสิบกระบวนท่าก่อนจะถูกซัดลอยกระเด็นกลับไปหาหลิงฮัน
เจ้าทำกับข้าเหมือนเป็นลูกบอลจริงๆด้วย!
เซียวเซิ่นเกรี้ยวกราดมาก คำรามอย่างโหดเหี้ยมในขณะที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศและปลดปล่อยคมมีดเปลวเพลิงออกมา ทักษะนี้คือทักษะยุทธที่ทรงพลังที่สุดของเขา หากถูกคมมีดเปลวเพลิงนี้โจมตีเข้าใส่ บาดแผลที่ได้รับจะส่งผลกระทับไปถึงวิธีแห่งเต๋าซึ่งน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
หลิงฮันยิ้มและยื่นมือออกไปคว้าจับใบมีดเพลิง
เซียวเซิ่นที่ตอนแรกคิดจะใช้คมมีดเพลิงโจมตีใส่หลิงฮันนั้นรู้สึกประหลาดใจที่หลิงฮันเป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามารับการโจมตีด้วยตัวเอง ยิ่งเขาไม่ได้เบี่ยงวิถีของคมมีดเปลวเพลิงด้วยแล้ว มือของหลิงฮันจึงคว้าจับการโจมตีของเขาเข้าไปเต็มๆ
“ไม่ดีแล้ว!” ใบหน้าของจ่างซุนเหลียงเปลี่ยนสี ตัวเขาเองก็ถูกคมมีดเปลวเพลิงโจมตีเข้าใส่ในช่วงสุดท้ายเช่นกัน บาดแผลที่เกิดขึ้นส่งผลให้ภายในร่างกายของเขาถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวคุกคามไปทั่ว ซึ่งการจะชำระล้างให้อำนาจเปลวเพลิงที่ว่าหายไปจากร่างกายอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก