“โอ้ ฮันน้อย เหตุใดสีหน้าเจ้าถึงดูเหมือนกำลังจะทำเรื่องชั่วร้ายชัดเจนขนาดนั้น?” เสียงหนึ่งเอ่ยดังขึ้นมา
หลิงฮันไม่จำเป็นต้องหันกลับไปดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร น้ำเสียงที่หยาบช้าเช่นนี้มีอยู่เพียง ‘คน’ เดียว
สุนัขตัวดำ!
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วเจ้าล่ะ ไปเล่นมาจนเบื่อแล้วรึ?”
“เห้อ ผู้คนที่นี่ไม่ต้อนรับแขกเอาเสียเลย ไปเล่นด้วยแล้วไม่สนุกแม้แต่น้อย” สุนัขตัวดำถอนหายใจ มันใช้อุ้งเท้าท้าวคางด้วยสีหน้าเศร้าโศรก
หลิงฮันพอจินตนาการได้เลยว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อกลั่นแกล้งของสุนัขไร้ยางอายตนนี้ต้องมีมากมายแน่นอน
“จะอย่างไรก็เถอะ เมื่อครู่ข้าเห็นนะว่าเจ้ายิ้มชั่วร้าย บอกนายท่านหมามาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าคิดแผนอะไรอยู่” สุนัขตัวดำดวงตาส่องประกาย การสร้างปัญหาให้แก่คนอื่นคือสิ่งที่มันชื่นชอบที่สุด
หลิงฮันหันหน้าไปหาสุนัขตัวดำและกล่าว “ข้ามีแผนกำลังจะทำเรื่องสนุกๆบางอย่างอยู่ ซึ่งหากเจ้าต้องการข้าก็มีหน้าที่ให้เจ้าทำด้วย ว่าไง? เจ้าสนใจหรือเปล่า?”
สุนัขตัวดำเผยสีหน้าหวาดระแวงทันที มันที่เป็นตัวสร้างปัญหาย่อมระวังตัวอยู่เสมอว่าจะถูกใครอื่นเอาคืนรึไม่ “เจ้าต้องการให้นายท่านหมาทำอะไร?”
“ข้าอยากให้เจ้าไปกัดใครบางคนและนำคนผู้นั้นมายังสถานที่หนึ่ง” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและอธิบายแผนการ
ยิ่งสุนัขตัวดำได้ฟัง ดวงตาของมันก็ค่อยๆเปิดกว้างและส่องประกายด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ให้เป็นหน้าที่ของนายท่านหมาผู้นี้เอง!” สุนัขตัวดำลุกขึ้นยืนสองขาและตบกางเกงในเหล็ก “เมื่อใดที่ข้าตบหน้าอกเช่นนี้ แผนการที่ได้รับหมายย่อมไม่มีวันผิดผลาด!”
ใบหน้าของหลิงฮันกระตุก หน้าอกของเจ้าอยู่บริเวณนั้นรึ?
“ฮ่าๆ ผิดตำแหน่งไปหน่อย” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิงฮันเผยท่าทีระแวง “ดำน้อย เจ้าคงไม่หักหลังข้าหรอกนะ?”
“เจ้ากับข้ามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขนาดนั้นเจ้าเองก็รู้ดี มีรึที่ข้าจะหักหลังเจ้า?” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
แต่ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของมัน คำพูดของมันย่อมไม่มีใครอยากเชื่อถือแน่นอน
เพียงแต่ว่าหลิงฮันก็ยังคิดว่าแผนการนี้เหมาะจะเป็นหน้าที่ของสุนัขตัวดำมากที่สุดอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายคิดจะหักหลังเขา แต่มันก็ต้องทำตามแผนการให้สำเร็จก่อนแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นการแสดงอันน่าตื่นตาก็จะไม่เกิดขึ้นให้มันเห็น
หนึ่งคนหนึ่งสุนัขพูดคุยกันถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของแผนการ ทั้งสองเป็นปรมาจารย์แห่งการสร้างปัญหา แผนการที่ช่วยกันคิดขึ้นมาย่อมไร้ช่องโหว่
“ฮันน้อย เจ้าช่างชั่วร้ายนัก นายท่านหมาขอแนะนำให้เจ้าระวังตัวเอาไว้มากๆ ไม่งั้นอาจจะตายไวได้” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
หลิงฮันหัวเราะ “หากจะพูดถึงนิสัยชั่วร้ายล่ะก็ ข้าไม่อาจเทียบกับเจ้าได้แม้แต่หนึ่งในพัน”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว” แทนที่จะรู้สึกอับอายสุนัขตัวดำกลับภาคภูมิใจราวกับถูกชม
สุนัขตัวดำขอตัวจากไปในขณะที่หลิงฮันเข้าสู่หอคอยทมิฬกับจักรพรรดินี
การไปยังตระกูลติงก็เปรียบเสมือนบุกเข้าไปเหยียบถ้ำเสือ หลิงฮันไม่อาจนำจักรพรรดินีไปเสี่ยงด้วยได้ เพราะงั้นเขาจึงตั้งใจจะให้ทั้งจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะซ่อนตัวอยู่ในหอคอยทมิฬ
สตรีนกอมตะนั้นไม่สนใจเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นด้านนอกและบ่มเพาะพลังทุกวี่ทุกวันไม่หยุดพัก ด้วยการที่นางเป็นผู้สืบทอดของนกอมตะสวรรค์สามตัวและที่นี่คือดินแดนแห่งเซียน พลังบ่มเพาะของนางจึงยกระดับขึ้นสู่ระดับสร้างสรรพสิ่งสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่าสำหรับนาง การจะทะลวงผ่านไปยังระดับโลกียนิพพานดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป นั่นเพราะหลังจากระดับสร้างสรรพสิ่งไปแล้ว มรดกสืบทอดของสามนกอมตะสวรรค์จะไม่มีผล หากต้องการบรรลุเป็นนิรันดร์นางจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถและความพยายามของตนเองเพียงอย่างเดียว
แต่ขนาดอัจฉริยะที่โดดเด่นอย่างจ่างซุนเหลียงก็ยังต้องใช้เวลาสะสมพลังปราณเพื่อเตรียมตัวทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานหลายหมื่นปี ต่อให้สตรีนกอมตะจะมีต้นสังสารวัฏคอยช่วยเหลือ แต่ด้วยพรสวรรค์ที่บกพร่อง หากนางสามารถเตรียมพร้อมทะลวงผ่านระดับนิรันดร์ได้ในระยะเวลาหมื่นปีจริงๆ จะนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายกย่องมาก
นอกจากนั้นแล้วด้วยพรสวรรค์ของนาง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุนิพพานด้วยวิธีการตัดขาดสวรรค์และปฐพีเนื่องจากนางจะต้องสิ้นชีพแน่นอน แต่หากนางบรรลุนิพพานด้วยวิธีปกติทั่วไปก็มีโอกาสสูงมากที่ความรู้สึกที่นางจะต้องสูญเสียไปจะเป็นความรู้สึกที่มีต่อหลิงฮัน
หลิงฮันไม่ต้องการให้ภรรยาของตนเองกลายเป็นแบบนั้น เขาจึงต้องการคิดค้นเม็ดยาบางอย่างที่ไม่เพียงทำให้คนที่กินเข้าไปมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ แต่ยังสามารถทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้อีกด้วย
หากจะให้พูดกันตรงๆ ด้วยพรสวรรค์ของสตรีนกอมตะนั้น ต่อให้นางฝืนทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีการปกติก็ตาม ผลสุดท้ายนางก็คงทะลวงผ่านไม่สำเร็จและต้องทิ้งชีวิตไปในที่สุด
ขนาดในโลกบรรพกาลพรสวรรค์ของนางก็ยังถือว่าแค่ค่อนข้างดีและยังห่างไกลจากคำว่าสุดยอดอัจฉริยะ
หลังจากใช้เวลากับภรรยาทั้งสองอยู่นานพอสมควร หลิงฮันก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ ทางด้านของตระกูลติงได้ประกาศออกมาว่าในอีกสามวันให้หลังพวกเขาจะเปิดวิหารบรรพบุรุษเพื่อเป็นการรับหลิงฮันเข้าตระกูลและแต่งตั้งแซ่ติงให้แก่หลิงฮัน
ดูจากการกระทำของพวกเขา ตระกูลติงได้ให้ความสำคัญกับหลิงฮันมากจริงๆถึงได้ยอมเปิดวิหารบรรพบุรุษเพื่อเขา แต่สำหรับเรื่องที่ว่าหลิงฮันจะมีแผนการอะไรอยู่รึไม่นั้น พวกเขาคงตัดสินใจจัดการในภายหลัง
“วิหารบรรพบุรุษ!” หลิงฮันยิ้มและส่ายหัว หลังจากที่เขาไปถึงที่นั่น วิหารบรรพบุรุษของตระกูลติงจะหายไปอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วอยากรู้จริงๆว่าตระกูลติงจะทำหน้าอย่างไร
หลังจากแต่งตัวเสร็จ หลิงฮันก็เดินออกจากค่ายกองกำลังไปยังที่ตั้งตระกูลติง
หลังจากกลับมาจากงานประลอง พวกหลิงฮันและตัวแทนคนอื่นๆต่างได้รับวันหยุดสามปี เพราะงั้นตอนนี้หลิงฮันจึงสามารถเดินออกไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
ด้วยขนาดของเมืองธุลีจันทราที่กว้างใหญ่ เขาจึงใช้เวลาถึงสองวันกว่าจะถึงจุดหมาย
วันนี้ตระกูลติงคึกคักเป็นอย่างมากเนื่องจากหลิงฮันที่เป็นถึงราชาแห่งยุคจะมาเข้าร่วมกับพวกเขา แน่นอนว่ามีคนมากมายที่เดินทางมาเพื่อรับชมสถานการณ์ โดยเฉพาะตระกูลต้งกับตระกูลล้ง พวกเขายังคงทำใจเชื่อไม่ได้ว่าหลิงฮันจะเข้าร่วมกับตระกูลติงจริงๆ
มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ไม่เพียงแค่ตระกูลติงจะไม่ได้ยื่นเสนอผลประโยชน์ใดๆให้หลิงฮัน แต่พวกเขายังเคยทำเรื่องชั่วร้ายกับหลิงฮันเอาไว้ด้วย หรือต่อให้ตระกูลติงจะยื่นข้อเสนอใดๆก็ตาม ตระกูลที่หลิงฮันสมควรเลือกก็น่าจะเป็นตระกูลต้วนหรือตระกูลล้งอยู่ดีไม่ใช่รึไงกัน
ไม่เพียงแค่ตระกูลติงเท่านั้นที่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด ทุกคนล้วนแต่คิดเหมือนกันทั้งนั้น หากหลิงฮันจะเข้าร่วมกับขุมอำนาจใดจริงๆ เขาไปเข้าร่วมกับขุมอำนาจในเมืองจันทราหม่นแสงจะไม่ดีกว่ารึไง?
ยิ่งเข้าร่วมกับขุมอำนาจที่ทรงพลังกว่า ทรัพยากรณ์และผลประโยชน์ที่ได้รับก็ย่อมมากกว่า
“หลิงฮันมาแล้ว!” ใครบางคนเห็นหลิงฮันที่วันนี้สวมชุดสีเขียวมรกตเดินเข้ามาปรากฏตัวที่หน้าประตูตระกูลติง
เมื่อเข้าสู่ตระกูลติงแล้ว ไม่ว่าหลิงฮันจะมีแผนการอะไรอยู่ก็จะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกต่อไป