“ข้าเป็นใคร?” หลิงฮันยิ้ม “บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่ทิ้งรากเหง้าหรือเปลี่ยนชื่อแซ่ ข้าคือติงเซี่ยวเฉินแห่งตระกูลติง!”
พรวด!
ติงเซี่ยวเฉินสำลักอีกครั้งและเผยสีหน้าบูดบึ้ง
นี่เจ้าเสพติดการแอบอ้างเป็นข้าไปแล้วรึไง?
แต่ถึงแม้จะไม่พอใจขนาดนั้นเขาก็ไม่กล้าตะโกนตำหนิหลิงฮันต่อหน้า ไม่เห็นรึไงว่าแม้แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ยังทำอะไรหลิงฮันไม่ได้? หมอนั่นมันคือสัตว์ประหลาด
“หลิงฮัน ลองพล่ามไร้สาระดูอีกครั้ง ข้าจะฉีกกระชากปากของเจ้าออกมาให้ดู!” ติงหู่คำรามด้วยดวงตาแดงฉาน
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เห้อ ข้าก็ไม่ได้ดูถูกอะไรเจ้าหรอกนะ แต่คนอย่างเจ้านี่ช่างเป็นขยะไร้ค่าจริงๆ”
ติงหู่คำรามและลงมือโจมตีอีกครั้ง
“ข้าจะยอมสู้ด้วยก็ได้ หากเจ้าสามารถทำให้ผมแม้แต้เส้นเดียวของข้าร่วงได้ จะถือว่าเจ้าเป็นผู้ชนะ” หลิงฮันไม่มีปราณก่อเกิดหลงเหลืออยู่แล้วและไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ เขาจึงทำเป็นใจกว้างยอมให้อีกฝ่ายโจมตีใส่
ตูม! ตูม! ตูม! ติงหู่กระหน่ำโจมตีด้วยพลังทั้งหมดแต่ก็ไม่มีการโจมตีครั้งไหนเลยที่ทำให้หลิงฮันบาดเจ็บได้
“หล่อหลอมเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์!” ติงเหยาหลงกล่าวแทรกขึ้นมา
ดวงตาอันแหลมคมของเขาสามารถมองเห็นจุดอ่อนในกายหยาบของหลิงฮันอย่างรวดเร็ว
“ขอรับท่านประมุข!” ติงหู่เปลี่ยนแผนโจมตี เขาแสยะยิ้มและปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมาปกคลุมไว้ที่มือทั้งสองข้างพร้อมกับผลักฝ่ามือเข้าใส่ศีรษะของหลิงฮัน ตราบใดที่เขาใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมสลายการป้องกันในส่วนศีรษะของหลิงฮันได้ ห้วงจิตวิญญาณของหลิงฮันก็จะระเบิดออกและส่งผลกระทบไปถึงดวงวิญญาณทันที
หลิงฮันแอบโคจรพลัง เขาไม่คิดหลบหลีกหรือเข้าไปแอบซ่อนในหอคอยทมิฬ
‘หมับ’ มือทั้งสองข้างของติงเหยาหลงจับเข้าที่หัวของหลิงฮัน ‘ครืนน’ เขารีบทำการชี้นำอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายหลิงฮันเพื่อหล่อหลอมกายหยาบ
“ข้าว่าเจ้ารีบเอามือออกไปจะดีกว่านะ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์
“ช่างเป็นการดิ้นรนที่ไร้ความหมาย” ติงหู่แสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เขาสัมผัสได้ถึงอำนาจแห่งเปลวเพลิงที่กำลังปะทุออกมาจากร่างของหลิงฮัน แต่ในความคิดของเขา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงที่ควบคุมโดยจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจะทรงพลังได้สักแค่ไหนกัน?
เมื่อมาเผชิญหน้ากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขา อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงของอีกฝ่ายย่อมสลายไปอย่างง่ายดาย
“จิ้งจอกเฒ่า ข้าทนเจ้ามานานมากพอแล้ว ไปลงนรกซะ!” จู่ๆหลิงฮันก็ระเบิดพลังออกมา ‘ตูม’ เพลิงเก้าสวรรค์พรั่งพรูออกจากศีรษะของเขาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าติงหู่
ติงหู่ไม่อาจหลบการโจมตีนี้พ้น
อย่างแรกเลยคือหลิงฮันได้ระเบิดอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาด้วยความเร็วของแสงอัสนี อย่างที่สองคือระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้ชิดกันเกินไปจนแทบไม่มีพื้นที่ให้ติงหู่หลบ และอย่างที่สาม… ติงหู่ดูถูกหลิงฮันเกินไป
แต่เขาจะประมาทก็ไม่ใช่เรื่องแปลก นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานคนใดบ้างที่จะเก็บจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งมาใส่ใจ? ถึงแม้หลิงฮันจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน แต่พลังป้องกันนั้นแตกต่างกับพลังโจมตีอย่างสิ้นเชิง
เพราะเหตุนั้นเอง เมื่อกำลังจะถูกเพลิงเก้าสวรรค์ปะทะเข้าที่ใบหน้า ติงหู่จึงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของอำนาจเปลวเพลิงนี้
พลังของเปลวเพลิงนั้นไม่ได้น่าหวั่นเกรงอะไร เพียงแค่เขาเป่าลมจากปากก็สามารถสลายเปลวเพลิงที่ว่าได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้นคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ภายในเปลวเพลิง
ติงหู่อดคิดไม่ได้ว่า การโจมตีเช่นนี้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งได้อย่างไร?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนั้น จะให้เคลื่อนที่หลบตอนนี้ก็คงหลบไม่พ้น เขาจำเป็นต้องพ่นแก่นโลหิตออกมาเพื่อผลักเปลวเพลิงให้ย้อนกลับไปหรือไม่ก็เพื่อถ่วงเวลาเอาไว้เล็กน้อยให้เขาได้มีโอกาสล่าถอย
แก่นโลหิตคือสิ่งที่ควบแน่นมาจากพลังชีวิต หากสูญเสียไปจะทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียหายอย่างสาหัส แต่เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรเขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้ออกมา
ตราบใดที่มีชีวิตรอดเขาก็ยังสามารถหาวิธีการมาฟื้นฟูพลังชีวิตได้ แต่หากตายไปตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบสิ้น
แต่ทว่าความหวาดกลัวของติงหู่ก็ต้องยกระดับสูงขึ้นไปอีก นั่นเพราะแม้เขาจะพ่นแก่นโลหิตออกไปสกัดกั้นเปลวเพลิงแล้ว แต่คลื่นความร้อนที่มองไม่เห็นของอำนาจเปลวเพลิงก็ยังแผ่ขยายมาถึงใบหน้าของเขาและสร้างความเสียหายของดวงวิญญาณในทันที
“อ้ากกก” ติงหู่โอดครวญ เขาไม่สนใจเรื่องหล่อหลอมกายหยาบของหลิงฮันอีกต่อไปและก้าวถอยหลังออกมาอย่างโซซัดโซเซ
‘ฟุบ’ ดวงวิญญาณของติงหู่ลอยออกมาจากร่างกาย เขาตั้งใจจะสละกายหยาบเพื่อเอาชีวิตรอด!
ทุกคนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ตกตะลึงและชะงักแน่นิ่ง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก… เป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจะสามารถไล่ต้อนนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานให้จนมุมจนต้องสละกายหยาบ?
เพียงแต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงแค่นั้น
ติงหู่พบว่าแม้ดวงวิญญาณของเขาจะหนีออกมาจากร่างกายแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเขาก็ยังถูกแผดเผาไม่หยุด แถมอำนาจของเปลวเพลิงก็ยังทรงพลังถึงขนาดที่ไม่ว่าเขาจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ใดๆออกมาก็ไม่สามารถสลายดับอำนาจของเปลวเพลิงได้
หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ดวงวิญญาณของเขาคงถูกแผดเผาเป็นเถ้าถ่านและหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
“ไม่!” ดวงวิญญาณของติงหู่ร้องโอดครวญ คนทุกคนล้วนแต่หวาดกลัวความตาย โดยเฉพาะเหล่าจอมยุทธที่บรรลุระดับนิรันดร์จนมีอายุขัยอันไร้ขีดจำกัดด้วยแล้ว พวกเขายิ่งไม่อยากตายมากกว่าใครๆ
“เจ้าหนู หยุดเปลวเพลิงนั่นเดี๋ยวนี้!” ติงเหยาหลงจ้องมองหลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด
สำหรับตระกูลติงแล้ว จอมยุทธระดับนิรันดร์ทุกคนล้วนแต่มีความสำคัญหาสิ่งใดเปรียบ กว่าจะบ่มเพาะจอมยุทธระดับนี้ขึ้นมาได้สักคนไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาไปกี่ร้อยล้านปี หากนิรันดร์ตายไปแม้แต่คนเดียว ตระกูลติงจะต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “เป็นเขาที่แส่หาที่ตายเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย!”
“ถ้างั้นเจ้าก็ตายซะ!” ติงเหยาหลงระเบิดอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมา เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับติงหู่เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้หลิงฮันอีกต่อไปเพราะกลัวจะตกที่นั่งเดียวกัน เพียงแต่ด้วยพลังระดับนิรันดร์สี่นิพพานทำให้เขาสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมหลิงฮันได้แม้จะเว้นระยะห่างออกมาหลายฟุต
แต่ความเป็นจริงแล้วติงเหยาหลงนั้นหวาดระแวงเกินไป แม้เพลิงเก้าสวรรค์จะน่าสะพรึงกลัวแต่อำนาจของมันก็ถูกจำกัดเอาไว้ที่ระดับพลังของหลิงฮัน หากจอมยุทธระดับนิรันดร์ไม่ประมาทเหมือนติงหู่และปกคลุมร่างของตนเองเอาไว้ด้วยตราประทับแห่งเต๋า อำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ย่อมไม่อาจลุกลามเข้าสู่ร่างกายได้
แต่หลังจากที่ได้เห็นดวงวิญญาณของติงหู่ถูกแผดเผาอย่างน่าอนาถ ติงเหยาหลงจะกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปใกล้หลิงฮันได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นแม้การเว้นระยะห่างจะทำให้ใช้เวลาในการหล่อหลอมด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นานขึ้น แต่เขาก็ยังสามารถสังหารหลิงฮันได้อยู่ดี