หลิงฮันยังไม่ปรากฏตัวออกไปทันที ตราบใดที่พวกจางชงไม่ได้รับอันตราบถึงชีวิต เขาก็จะไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะไม่ต้องการทำลายศักดิ์ศรีของทั้งสองคนและไม่ต้องการให้พวกเขาพึ่งพาเขามากเกินไป
เพียงแต่ว่าพวกจางชงนั้นถูกขวางทางอยู่ไม่นานก็สามารถเดินผ่านไปได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีการปะทะเกิดขึ้น
หลิงฮันรับรู้ได้จากสัมผัสสวรรค์ว่า พวกจางชงนั้นได้มอบศิลาดวงดาวให้กลุ่มคนที่ขวางทางคนละสิบก้อนเพื่อเป็นค่าผ่านทาง แม้เม่าซูอวี่จะเกรี้ยวกราดและไม่ยินยอมแค่ไหนแต่จางชงก็ยังยืนกรานที่จะจ่ายค่าผ่านทาง
ความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป แถมสถานที่แห่งนี้ยังอันตรายมากอีกด้วย หากเรื่องใดที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็ควรทำ
เหนือสิ่งอื่นใดคือระยะเวลาที่หุบเหวสืบสานนิพพานเปิดออกนั้นมีจำกัด ทุกคนล้วนแต่ไม่ต้องการเสียเวลาอันล้ำค่าไปกับการต่อสู้ไร้สาระ
พวกหลิงฮันสามคนเดินขึ้นหน้าไปอย่างไม่รีบร้อนและมาถึงกลุ่มขวางทางในที่สุด
“หยุด!” กลุ่มขวางทางทั้งสิบสามคนสั่งให้พวกเขาหยุดเดินตามคาด
หลิงฮันแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจและกล่าว “มีเรื่องอันใด?”
“พอดีช่วงนี้ถุงเงินของข้ามันช่างว่างเปล่าเหลือเกินเลยคิดอยากจะขอยืมศิลาดวงดาวจากพวกเจ้าเสียหน่อย หวังว่าพวกเจ้าคงจะไม่ขี้ตระหนี่หรอกนะ?” อันธพาลขวางทางคนหนึ่งเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
พวกเขามีสายตาอันเฉียบแหลมของมหาโจร เรื่องที่ว่าใครคนไหนสามารถล่วงเกินได้หรือไม่นั้น พวกเขาสามารถแยกออกด้วยการจ้องมองเพียงแวบเดียว
“อืม อืม” หลิงฮันพยักหน้า “ภรรยาข้า พวกเราโชคดีจริงๆที่พบเจอคนดีระหว่างทาง เพราะรู้ว่าพวกเรายากจน คนเหล่านี้เลยจะมอบศิลาดวงดาวให้เรา!”
อันธพาลขวางทางทั้งสิบสามคนชะงักมึนงง น้องชาย…หูของเจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?
“เจ้าหนู เป็นพวกเจ้าที่ต้องมองศิลาดวงดาวให้ข้า!” อันธพาลขวางทางคนหนึ่งคำรามออกมา
“ใช่แล้ว พวกเจ้าจะมอบศิลาดวงดาวให้ข้า” หลิงฮันพยักหน้าและยื่นมือออกไป “ไหนล่ะศิลาดวงดาว?”
บัดซบ!
อันธพาลขวางทางตะโกนอย่างเหี้ยมโหด “ไม่ใช่ เจ้าต่างหาก! เป็นเจ้าที่ต้องมองศิลาดวงดาวให้พวกข้า!”
หลิงฮันยังคงพยักและกล่าว “รู้แล้วว่าพวกเจ้าจะมอบศิลาดวงดาวให้ข้า แล้วไหนล่ะ?”
จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน พวกนางรู้สึกว่าสามีของตนเริ่มที่จะไร้ยางอายขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้นเหตุจะต้องเป็นเพราะติดนิสัยมาจากสุนัขตัวดำแน่นอน
หากสุนัขตัวดำรู้เรื่องนี้เข้ามันจะต้องไม่สบอารมณ์มากเป็นแน่ หลิงฮันนั้นมีนิสัยไร้ยางอายมาก่อนตั้งแต่แรกแล้ว นายท่านหมาไม่เกี่ยวด้วยเสียหน่อย
“เจ้าหนู นี่เจ้าคิดจะล้อเล่นกับพวกข้า?” อันธพาลขวางทางที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำในที่สุดก็เริ่มรู้ตัว หากรุ่นเยาว์ตรงหน้านี้หูเพี้ยนเพียงคนเดียวก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่สตรีที่ยืนเคียงคู่อีกฝ่ายกลับไปพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อย่างน้อยพวกเจ้าก็ไม่ได้โง่และรู้ตัวสักทีสินะ”
“ฮึ่ม!” อันธพาลขวางทางทั้งสิบสามคนเกรี้ยวกราดและถลึงตาอย่างโหดเหี้ยม
“เจ้าหนู หากต้องปะทะกับพวกข้า เจ้าคงรู้ผลลัพธ์ที่จะตามมาสินะ?” ผู้นำอันธพาลขวางทางกล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้าถูกแท่งหินแหลมคมในหุบเหวทิ่มแทง เจ้าจะตายทันที!”
“เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความตาย ข้าว่าเจ้ายอมจ่ายศิลาดวงดาวมาแต่โดยดีจะฉลาดกว่า เพราะอย่างไรราคาที่ต้องจ่ายก็ไม่ได้แพงเลย แค่หนึ่งร้อยก้อนต่อพวกข้าหนึ่งคนเท่านั้น”
โอ้ จำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิมงั้นรึ?
“หนึ่งร้อยมันน้อยเกินไป อย่างน้อยต้องหนึ่งหมื่นก้อนต่อคน” หลิงฮันส่ายหัว
ฮึ่ม นี่เจ้ายังแสร้งทำเป็นหูเพี้ยนอีก?
หลิงฮันยื่นมือและกล่าว “หนึ่งคนหนึ่งหมื่นก้อน สิบสามคนก็สองแสนก้อน ข้าคิดถูกสินะภรรยาข้า?” เขาหันไปถามจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะ แน่นอนว่าพวกนางทั้งสองย่อมพยักหน้า
เหล่าอันธพาลขวางทางอารมณ์เดือดดาลอีกครั้ง นี่เจ้ายังล้อเล่นกับพวกข้าไม่เลิกอีก?
“ไม่ใช่สิบสามคนต้องเป็นหนึ่งแสนสามหมื่นก้อนหรอกรึ?” ใครบางคนในกลุ่มอันธพาลขวางทางกระซิบกระซาบ
“ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของเขา จัดการแล้วปล้นชิงทุกอย่างมา” ผู้นำอันธพาลขวางทางกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดและเป็นคนลงมือเป็นคนแรก เขาคว้ามือไปยังร่างของหลิงฮัน
คนอื่นๆเองก็คำรามและลงมือตามติดๆ
‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ หลิงฮันปล่อยหมัดออกไปลวกๆ ผ่านไปพริบตาเดียวอันธพาลทั้งสิบสามคนก็ถูกซัดหมอบหมดสภาพ หากไม่ใช่เพราะหลิงฮันเมตตา อันธพาลเหล่านี้คงถูกแท่งหินแหลมคมทิ่มแทงใส่ร่างแล้ว
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “หนึ่งหมื่นก้อนต่อคน จะจ่ายรึไม่?”
“จ่าย! จ่ายแน่นอน!” เหล่าอันธพาลขวางทางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันพยักหน้าและสลายออร่าเพื่อให้เหล่าอันธพาลสามารถลุกขึ้นยืนได้ อันธพาลทั้งสิบสามคนยอมจ่ายศิลาดวงดาวโดยไม่ขัดขืน หนึ่งคนหนึ่งหมื่นก้อนคือจำนวนสูงสุดที่พวกเขาสามารถจ่ายได้พอดี
พวกเขาทุกคนอยากจะร้องไห้โอดครวญ ความมั่งคั่งที่เก็บเกี่ยวมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งหมดถูกใครก็ไม่รู้แย่งชิงไปเสียได้
หลิงฮันนับศิลาดวงดาวที่รับมาจากทั้งสิบสามคนก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ขาดหายไปไหนอีกเจ็ดหมื่นก้อน?”
ไม่ใช่ว่าสิบสามคนรวมกันก็เป็นหนึ่งแสนสามหมื่นก้อนหรอกรึ?
“นายท่าน หนึ่งคนหนึ่งหมื่นก้อน พวกเรามีกันสิบสามคนก็เป็นจำนวนหนึ่งแสนสามหมื่นก้อนพอดีไม่ใช่รึ?” ผู้นำอันธพาลขวางทางกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
หลิงฮันทำหน้าเคร่งขึม “พวกเจ้าจะกล่าวหาว่าข้านับเลขผิด? หนึ่งคนหมื่นก้อน สิบสามคนก็เป็นสองแสนก้อน!”
ผู้นำอันธพาลขวางทางไม่กล้าทักท้วงและไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขานำศิลาดวงดาวทั้งหมดที่เหลืออยู่มารวมกันได้ห้าหมื่นก้อนและจ่ายส่วนต่างอีกสองหมื่นด้วยแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์กับวัสดุเซียน
ความตั้งใจของหลิงฮันคือต้องการปล้นชิงอันธพาลเหล่านี้ให้หมดตัว เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วเขาก็ปัดตูดเดินจากไปโดยไม่สนใจทั้งสิบสามคนอีก
“หัวหน้า พวกเราจะรีดไถ่คนอื่นต่ออีกรึไม่?” หนึ่งในอันธพาลเอ่ยถาม
ผู้นำอันธพาลส่ายหัวพร้อมกับกล่าว “ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย พวกเรากลับออกจากที่นี่และไปเป็นโจรภูเขาเพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์กันดีกว่า สถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไปสำหรับพวกเรา”
“อืม!” อันธพาลขวางทางคนอื่นๆพยักหน้า
พวกหลิงฮันทั้งสามรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็วจนในที่สุดก็ไล่ตามพวกจางชงทันและเว้นระยะห่างสิบไมล์เช่นเดิม
หลังจากเดินมาได้สักพักในที่สุดสภาพแวดล้อมรอบข้างก็ไม่ปรากฏแท่งหินแหลมคมอีกต่อไปโดยเปลี่ยนไปเป็นโขดหินที่ขรุขระแทน แม้สภาพแวดล้อมเช่นนี้จะดูแล้วปลอดภัย แต่โขดหินบางก้อนอาจจะเป็นสัตว์อสูรที่ปลอมตัวอยู่ ในขณะที่ก้าวเดินจำเป็นต้องระมัดระวังการลอบโจมตีจากพวกมันให้ดี
พวกจางชงกับหลิงฮันโชคดีไม่น้อยที่ไม่พบเจอสัตว์อสูรใดๆระหว่างทาง หลังจากเดินทางติดต่อกันหนึ่งชั่วโมง ที่ด้านหน้าของพวกหลิงฮันก็ปรากฏกำแพงภูเขาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรูถ้ำราวกับรังผึ้ง
ถ้ำเหล่านี้คือเส้นทางที่จะนำไปสู่ส่วนลึกของหุบเหวสืบสานนิพพาน แต่รูถ้ำที่ต่างกันความอันตรายก็ย่อมแตกต่างกัน หากสุ่มเลือกแล้วได้เส้นทางที่อันตรายที่สุดก็คงต้องโทษดวงชะตาของตัวเองสถานเดียว