“หืม เจ้าไม่มากับพวกข้ารึ?” เม่าซูอวี่ถามด้วยความรู้สึกสงสัย
ทุกคนที่มาถึงที่นี่ล้วนแต่ต้องไปถ้ำแห่งความตายกันทุกคน
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “เจ้าไปก่อนเลย พวกเรามีที่อื่นที่ต้องไป”
ที่อื่น?
ไม่ใช่เจ้ามาเพื่อทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานหรอกรึ? ถ้าเช่นนั้นสถานที่ที่เจ้าต้องไปก็มีเพียงถ้ำแห่งความตายไม่ใช่รึไง เหตุใดถึงจะไปสถานที่อื่นอีก?
แต่ในเมื่อหลิงฮันไม่อธิบายอะไร แม้เม่าซูอวี่จะรู้สึกสงสัยนางก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปและมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งความตายกับจางชง ในขณะที่พวกหลิงฮันสามคนนั่งแพไม้ต่อไปยังส่วนลึกของต้นน้ำ
ในเมื่อเขาช่วยเหลือพวกจางชงให้มาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย หลิงฮันก็คิดว่าเขาทำสัญญาที่ให้ไว้กับเม่าไต้ได้ดีที่สุดแล้ว จะให้เขาคอยดูแล้วทั้งสองคนตลอดเวลาคงเป็นไปไม่ได้ หลังจากนี้ทั้งสองคงต้องพึ่งพาพลังของตัวเอง
ในขณะที่พวกหลิงฮันกำลังนั่งแพไม้เพื่อมุ่งหน้าต่อ พวกเขาก็พบเห็นฟู่เสี่ยวอวิ๋นกับเป่ยเสวียนหมิงที่เพิ่งมาถึง แต่ที่น่าประหลาดใจคือทั้งสองคนไม่ได้ขึ้นชายฝั่งแต่กลับมุ่งหน้าต่อมายังต้นน้ำราวกับมีเป้าหมายคือวารีบรรพบุรุษ
ทั้งพวกหลิงฮันและพวกฟู่เสี่ยวอวิ๋นเผยแววตาประหลาดใจ ฟู่เสี่ยวอวิ๋นนั้นแม้จะประหลาดใจแต่นางก็ยังมีท่าทีสงบนิ่ง เป่ยเสวียนหมิงนั้นตรงกันข้าม มุมปากของเขายิ้มเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามและกล่าว “ฝูงมดปลวกเช่นพวกเจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพอจะไปเส้นทางเดียวกันข้าผู้นี้?”
“โอ้ หรือเจ้าจะรู้ว่าที่ต้นแม่น้ำแห่งนี้มีอะไรอยู่?” หลิงฮันจงใจเอ่ยถาม
เป่ยเสวียนหมิงเค้นเสียงและกล่าว “ข้าผู้นี้จำเป็นต้องบอกเจ้าด้วย?”
“ถ้าไม่รู้ก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นรู้ดี” หลิงฮันหัวเราะ
เป่ยเสวียนหมิงปลดปล่อยจิตสังหารออกมาทันที มดปลวกที่อ่อนแอกล้าเยาะเย้ยข้างั้นรึ? แต่ในขณะที่เขาคิดจะลงมือนั่นเอง ฟู่เสี่ยวอวิ๋นก็ยื่นมือมาห้ามปรามเอาไว้ เขาจึงต้องยั้งมืออย่างไม่สบอารมณ์
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นมองไปยังหลิงฮันและกล่าว “ข้าได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสของตระกูลว่าหากต้องการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีการพิเศษ ข้าจำเป็นต้องไปยังต้นแม่น้ำแห่งนี้ซึ่งมีอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีหนาแน่นที่สุด”
นางหยุดแน่นิ่งไปครู่หนึ่งราวกับต้องการเห็นปฏิกิริยาของหลิงฮันก่อนจะกล่าวต่อ “แล้วพวกเจ้าล่ะทำไมถึงต้องการไปยังต้นแม่น้ำ?”
วิธีการพิเศษที่นางว่านั้นหมายถึง การทะลวงผ่านนิพพานด้วยการตัดขาดสวรรค์และปฐพี
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นคือผู้สืบทอดของขุมอำนาจสามดาว การที่นางจะรับรู้ถึงวิธีการตัดขาดสวรรค์และปฐพีย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก นับว่าเป็นความบังเอิญที่โชคดียิ่งนักที่หลิงฮันตั้งใจจะไปทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานที่ต้นแม่น้ำพอดี หากไปยังถ้ำแห่งความตายเขาคงทะลวงผ่านด้วยวิธีการตัดขาดสวรรค์และปฐพีไม่สำเร็จ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ช่างบังเอิญนัก ข้าเองก็จะไปที่นั่นเพื่อบรรลุนิพพานด้วยวิธีพิเศษเช่นกัน”
“ฮ่าๆๆ คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติเพียงพอ?” เป่ยเสวียนหมิงหัวเราะ
ในหมู่ขุมอำนาจสามดาว วิธีการทะลวงผ่านนิพพานด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีไม่ใช่ความลับอันใด ประเด็นสำคัญคือต่อให้รู้แล้วจะทำได้รึเปล่าต่างหาก ครั้งหนึ่งเป่ยเสวียนหมิงเองก็ต้องการทะลวงผ่านด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีเหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จและเลือกที่จะตัดความรู้สึกทางโลกของตัวเอง
“ข้าจะมีคุณสมบัติหรือไม่นั้น ไม่ลองก็ไม่รู้” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถ่อมตัวหรืออวดดี
เป่ยเสวียนหมิงไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้นไปอีก จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งกล้าพูดเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร?
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นยิ้มและกล่าว “งั้นพวกเราไปด้วยกันเลยแล้วกัน”
นางรู้สึกสงสัยในตัวหลิงฮันเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางมองพลังของหลิงฮันไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว ต้องรู้ก่อนว่าตัวนางนั้นฝึกฝนทักษะบ่มเพาะระดับนิรันดร์ที่ทรงพลังทำให้สามารถมองเห็นเบื้องลึกในพลังของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าสำหรับบุรุษที่อยู่ตรงหน้านางผู้นี้ นางไม่สามารถมองเบื้องลึกของพลังออกเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเหตุผลก็มีเพียงหนึ่งเดียวคือพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่านางหลายเท่า
แต่นั่นจะเป็นไปได้รึ?
นางไม่เชื่อว่าในระดับสร้างสรรค์พสิ่งจะมีใครอื่นที่มีพลังเหนือกว่านางจนนางเทียบไม่ติด ที่มองไม่เห็นพลังเบื้องลึกของหลิงฮันจะต้องเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายฝึกฝนทักษะลับที่ปกปิดการรับรู้ของนางแน่นอน
หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา ถึงแม้ข้าจะไม่ชอบขี้หน้าใครบางคนแถวนี้ก็เถอะ”
เป่ยเสวียนหมิงโมโหจนแทบทนไม่ไหว เจ้าหนูนี่คิดว่าตนเองเทียบเท่าเขาที่เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานหรืออย่างไร?
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นยิ้ม นางรู้สึกว่าหลิงฮันเป็นคนที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก นางพยักหน้าและกล่าว “อืม ข้าหวังเจ้าจะทะลวงผ่านนิพพานด้วยวิธีการพิเศษได้สำเร็จ”
“เช่นกัน” หลิงฮันผสานมือให้แก่อีกฝ่าย ตอนนี้แม้แต่เขาเองก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าการที่นางถูกจับไปคู่กับเป่ยเสวียนหมิงช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ
เป่ยเสวียนหมิงมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าเย็นชา หากมีโอกาสล่ะก็เขาจะต้องสังหารหลิงฮันให้ได้
หลิงฮันแสยะยิ้ม ตราบใดที่เขาทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้สำเร็จ ต่อให้เป่ยเสวียนหมิงจะบรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานแล้วเขาก็ไม่หวั่นเกรง
หลังจากเดินทางด้วยเรือแพสามวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนลึกสุดของต้นน้ำ เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ที่บริเวณกึ่งกลางของทะเลสาบมีโขดหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ราวกับเป็นเกาะกลางทะเลสาบ
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นและเป่ยเสวียนหมิงควบคุมแพไม้ไปยังโขดหิน ทั้งสองก้าวเท้าขึ้นไปยืนและเก็บแพไม้เข้าสู่อุปกรณ์มิติ
พวกหลิงฮันทั้งสามคนก็ไปยังโขดหินกลางทะเลสาบเช่นกัน หลังจากเก็บแพไม้แล้ว หอคอยน้อยก็กล่าวกับหลิงฮันผ่านห้วงจิตวิญญาณว่าวารีบรรพบุรุษสมควรอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้
อยู่ใต้ทะเลสาบ?
หลิงฮันส่ายหัว หากเขาลงไปใต้ทะเลสาบเพียงคนเดียวเขาย่อมไม่อาจไว้วางใจได้ว่าพวกจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะที่อยู่ด้านบนจะปลอดภัย อีกอย่างหากภรรยาของเขาทั้งสองเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬ จักรพรรดินีก็จะไม่สามารถทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้ อีกอย่างคือไม่มีใครรู้ว่าขั้นตอนการทะลวงผ่านต้องใช้เวลานานแค่ไหน เขาจึงคิดว่าจะทะลวงผ่านนิพพานก่อนแล้วค่อยลงไปตามหาวารีบรรพบุรุษ
เขากล่าวสิ่งที่คิดให้จักรพรรดินฟังก่อนจะนั่งลงที่โขดหินกลางทะเลสาบและเริ่มทำการทะลวงระดับ
ถึงแม้ทั้งสองจะบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุดแล้ว แต่ระดับโลกียนิพพานนั้นเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ ประสบการณ์ทะลวงระดับที่ผ่านๆมาไม่อาจนำมาใช้อ้างอิงได้
และด้วยการที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ขั้นตอนการทะลวงผ่านจึงเป็นอะไรที่อันตรายมาก หากโชคร้ายพวกเขาอาจจะต้องทิ้งชีวิตไปเลยก็เป็นได้
พวกหลิงฮันและพวกฟู่เสี่ยวอวิ๋นทั้งห้าคนเริ่มทำการปรับตัวเองให้เป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจของสวรรค์และปฐพี เนื่องจากเป่ยเสวียนหมิงมีพลังบ่มเพาะระดับหนึ่งนิพพานอยู่แล้ว ในกระบวนการนี้เขาจึงคล่องแคล่วเป็นอย่างมาก ในด้านของสตรีนกอมตะ นางเองก็พยายามทำความคุ้นเคยกับอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีของโลกียนิพพานเพื่อที่วันหนึ่งนางก็จะทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์เช่นกัน