ตั้งแต่ที่หลิงฮันหายตัวไปตระกูลติงก็ออกตามหาเขามาตลอด เพียงแต่ว่าดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่เกินไปและตระกูลติงก็เป็นเพียงขุมอำนาจระดับหนึ่งดาว แม้แต่ในเมืองธุลีจันทราพวกเขาก็ยังไม่อาจปิดท้องฟ้าได้ด้วยหนึ่งมือ ยิ่งนอกเมืองเมืองธุลีจันทรายิ่งไม่ต้องพูดถึง
สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงคาดเดาสถานที่ต่างๆที่หลิงฮันน่าจะมุ่งหน้าไป อย่างเช่นเมืองจันทราหม่นแสง หุบเหวสืบสานนิพพาน หรือสถานที่สำหรับทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานที่อื่น
ตระกูลติงมีตัวตนระดับโลกียนิพพานเพียงราวๆสิบคนและนิรันดร์จำนวนนั้นก็ไม่สามารถออกจากตระกูลพร้อมกับทั้งหมดได้ หากในระหว่างที่ไม่มีนิรันดร์คอยคุ้มครองตระกูลแล้วถูกสองตระกูลใหญ่รุกรานพวกเขาจะทำอย่างไร?
เพราะเหตุนั้นติงเหยาหลงจึงไม่อาจออกจากเมืองไปไหนได้ ติงซานและติงซงออกเดินทางไปตามหาหลิงฮันในเมืองจันทราหม่นแสง ส่วนนิรันดร์คนอื่นๆรับหน้าที่ไปตามหาในสถานที่อื่นๆและไปเยือนตระกูลหาน ต่อให้หานลู่จะเป็นฝ่ายทำลายวิหารบรรพบุรุษของตระกูลติง แต่ตระกูลติงก็ต้องไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังเพื่อลบล้างความเข้าใจผิดกับตระกูลหาน
ติงซิ๋งนั้นเป็นนิรันดร์สองนิพพานที่รับหน้าที่มาตามหาหลิงฮันในหุบเหวสืบสานนิพพาน เนื่องจากว่าหากหลิงฮันทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานสำเร็จจริงๆ ในระดับนิรันดร์หนึ่งนิพพานด้วยกันย่อมไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้
หลิงฮันจ้องมองไปยังติงซิ๋ง ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่ายแต่ก็เคยเห็นหน้าในตอนที่อยู่วิหารบรรพบุรุษ เมื่อนึกถึงวิหารบรรพบุรุษหลิงฮันก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “วิหารบรรพบุรุษของพวกเจ้าซ่อมแซมเสร็จแล้วรึยัง?”
มารดาเจ้าสิ!
เจ้ามีสิทธิ์จะถามเรื่องนั้นรึ?
“เจ้าตัวบัดซบ หากไม่ใช่เพราะเจ้าวิหารบรรพบุรุษของตระกูลข้าจะถูกทำลายงั้นรึ?” ติงซิ๋งคำรามด้วยดวงตาโหดเหี้ยม
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ตระกูลติงของเจ้าเต็มไปด้วยเหล่าคนชั่วช้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มากล่าวโทษใครเมื่อถูกเล่นงานเองเสียบ้าง”
“ตาย!” ติงซิ๋งไม่พูดพล่ามและพลักฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด
แต่ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะทำการตอบโต้ จักรพรรดินีก็เป็นฝ่ายลงมือเสียก่อน นางเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานมาหมาดๆ จึงไม่แปลกที่จะไคร่อยากลองพลัง
‘ฟึบ’ ปราณดาบที่ส่องประกายแสงไปทั่วสวรรค์เก้าชั้นฟ้าถูกปลดปล่อยออกไป
ใบหน้าของติงซิ๋งแปรเปลี่ยนไปทันทีและรีบดึงฝ่ามือกลับ เขามีความรู้สึกว่าหากถูกปราณดาบของจักรพรรดินีโจมตีเข้าใส่จะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน ส่วนจะบาดเจ็บแค่ไหนนั้น แม้เขาจะไม่รู้แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง
จิตใจของติงซิ๋งเกิดความรู้สึกหวาดผวา นอกจากการถูกรุมด้วยจำนวนคนที่มากกว่าแล้ว เขาก็ไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันขนาดนี้ทั้งๆที่ยังไม่เริ่มปะทะมาก่อน
แน่นอนว่าเขาจำสตรีตรงหน้าได้ นางคือสตรีที่ตัวติดกับหลิงฮันและก่อนหน้านี้เป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง การที่พลังของนางในตอนนี้ยกระดับขึ้นมาเป็นโลกียนิพพานก็แสดงว่านางเพิ่งทะลวงผ่านระดับได้ไม่นานและยังเป็นเพียงนิรันดร์หนึ่งนิพพานที่อ่อนแอ
ส่วนเขานั้นเป็นถึงนิรันดร์สองนิพพาน!
จักรพรรดินีไม่ปรานี นางปลดปล่อยการโจมตีอันรุนแรงเข้าใส่ติงซิ๋ง
ติงซิ๋งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปัดป้องการโจมตีที่พุ่งเข้ามา หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าไปได้ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
จักรพรรดินีนั้นบรรลุขั้นสมบูรณ์แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์ ซึ่งหมายความว่าหลังจากทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้ว พลังต่อสู้ของนางจะไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน ยิ่งนางทะลวงผ่านด้วยวิธีการตัดขาดสวรรค์และปฐพีด้วยแล้ว พลังต่อสู้ของนางจึงไร้เทียมทานแม้จะเป็นการสู้ข้ามในระดับ!
หากนิรันดร์สองนิพพานคนใดต้องการเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดินี นิรันดร์สองนิพพานผู้นั้นจะต้องบรรลุขั้นสมบูรณ์แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์หรือไม่ก็ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ติงซิ๋งมีพลังต่อสู้ที่สูงกว่านิรันดร์สองนิพพานทั่วไปเพียงเล็กน้อยและไม่ใช่ราชา จึงไม่เป็นไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับจักรพรรดินี
ติงซิ๋งตกตะลึงเป็นอย่างมาก เหตุใดสตรีที่อยู่เคียงข้างหลิงฮันผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งนัก?
ยิ่งสู้ต่อใบหน้าของติงซิ๋งก็ยิ่งกลายเป็นบูดบึ้ง หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่กระบวนท่าเขาก็หันหลังและเผ่นหนี
หากยังสู้ต่อเขาจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่แน่ๆ ต้องรีบนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปรายงานติงเหยาหลง ติงซานและติงซง ในตระกูลติงมีเพียงสามคนนี้เท่านั้นที่จะสามารถกำราบหลิงฮันและจักรพรรดินีได้ หากยังปล่อยให้ทั้งสองคนเติบโตไปมากกว่านี้ เกรงว่าตระกูลติงจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป!
“ทำไมรีบร้อนนักล่ะ? พวกเรายังคุยเรื่องวันวานกันไม่จบเลย” หลิงฮันโคจรแสงอัสนี ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและเคลื่อนด้วยความเร็วที่เหนือกว่านิรันดร์สองนิพพานไปขวางทางติงซิ๋ง
“รนหาที่ตาย!” ถึงแม้ติงซิ๋งจะกำลังหลบหนี แต่เขาก็ยังมีความหยิ่งผยองของนิรันดร์สองนิพพาน เขาเค้นเสียงเย็นชาและผลักฝ่ามือโจมตีใส่หลิงฮัน
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาฝึกฝนคืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารี เมื่อผสานเข้ากับทักษะยุทธด้วยแล้ว สภาพแวดล้อมในระยะพันไมล์จึงถูกแช่แข็ง
หลิงฮันหัวเราะ คิดจะปะทะกับเขาด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์? เอาไว้บรรลุเป็นนิรันดร์สามนิพพานก่อนแล้วกัน!
‘ครืนน’ เขาโคจรเพลิงเก้าสวรรค์ คลื่นเปลวเพลิงเก้าคลื่นถูกปลดปล่อยออกมาและแปรสภาพกลายเป็นสัตว์อสูรนิรันดร์ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพลิง วิหคเพลิงอมตะและอื่นๆ
ออร่าอันร้อนระอุที่พรั่งพรูออกมาจากสัตว์อสูรทั้งเก้าส่งผลให้ความเย็นยะเยือกจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของติงซิ๋งสลายไปทันที
ติงซิ๋งปากกระตุก อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาถูกกำราบ? เป็นไปได้อย่างไร!
ต่อให้หลิงฮันจะมีพลังต่อสู้ที่ราวกับสัตว์ประหลาด แต่ก็ไม่มีทางที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของนิรันดร์หนึ่งนิพพานจะเหนือไปกว่าของนิรันดร์สองนิพพาน
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทางรู้ได้ว่าอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงที่หลิงฮันปลดปล่อยออกมานั้น ไม่ใช่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของตัวหลิงฮันเองแต่เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเพลิงเก้าสวรรค์
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าจะคืนการโจมตีของเจ้าคืนให้!”
เขาสลายอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์และโคจรวารีพลังหยินเร้นลับ พริบตานั้นเองอุณหูมิอันร้อนระอุก็หายไปและแทนที่ด้วยดาบเหมันต์จำนวนมาก บนดาบเหมันต์เหล่านี้ประดับเอาไว้ด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันเย็นยะเยือก
บ้าไปแล้ว!
สีหน้าของติงซิ๋งในตอนนี้ตกตะลึงราวกับเห็นผี
นั่นมันอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารี!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
เจ้าเพิ่งจะบรรลุระดับโลกียนิพพานแท้ๆ อย่างมากที่สุดอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเจ้าก็สมควรจะแข็งแกร่งอยู่ในระดับของหนึ่งนิพพาน แต่นอกจากเจ้าจะกำราบข้าด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงแล้ว อำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารีของเจ้าก็ยังน่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กันด้วย
เจ้าเอาเวลาจากไหนไปฝึกฝนกัน? นี่เจ้ากินยาพิสดารอะไรเข้าไปรึเปล่า?
พระเจ้าช่วย… เจ้ามันสัตว์ประหลาด!