“เดินเข้าไปแบบนี้นั่นล่ะ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาใช้มือซ้ายและขวาโอบเอวของภรรยาทั้งสองเดินผ่าฝูงคนเข้าไปยังประตูหิน ด้วยออร่าอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกมาผู้คนรอบข้างจึงยอมหลีกทางให้เขาอย่างว่าง่าย
เพราะอย่างไรผู้คนที่มุงดูอยู่รอบด้านก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจึงไม่อาจต้านทานออร่าระดับโลกียนิพพานของหลิงฮันได้
“ขอบัตรเชิญด้วย” ยามเฝ้าประตูคือชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ด้วยพลังบ่มเพาะระดับหนึ่งนิพพานของเขาย่อมเพียงพอที่จะจัดการความวุ่นวานที่อาจเกิดขึ้น
สมกับเป็นตระกูลฟู่ที่ทรงอำนาจ แม้แต่ยามเฝ้าประตูก็ยังเป็นถึงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกข้าเพิ่งออกมาจากหุบเหวสืบสานนิพพานจึงไม่ได้รับบัตรเชิญ”
ชายวัยกลางคนมองมายังหลิงฮันด้วยแววตาสงสัย
เพิ่งกลับออกมา?
หุบเหวสืบสานนิพพานเพิ่งจะปิดตัวลงไป โดยเจ้าจะบอกว่าตนเองบังเอิญกลับออกมาได้ในเวลาพอเหมาะพอเจาะงั้นรึ? คิดหรือว่าข้าจะยอมเชื่อ?
ชายวัยกลางคนคิดว่าหลิงฮันสมควรเป็นจอมยุทธที่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานเมื่อนานมาแล้วแต่คิดจะฉวยโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงเพื่อหวังเข้าร่วมตระกูลฟู่
“ต้องขออภัยด้วย หากไม่มีบัตรเชิญข้าคงต้องขอให้เจ้ากลับไป” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิงฮันไม่ได้รู้สึกฉุนเฉียวอะไรและกล่าวกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “โปรดรายงานเรื่องของข้าไปบอกแม่นางฟู่เสี่ยวอวิ๋นรับรู้ด้วย”
นี่เจ้ามาที่นี่เพื่อไล่ตามธิดาฟู่เสี่ยวอวิ๋น
ชายวัยกลางคนเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที ฟู่เสี่ยวอวิ๋นคือตัวตนที่ในอนาคตจะบรรลุกลายเป็นนิรันดร์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ นางไม่ใช่สตรีที่คนอย่างเจ้าจะเอื้อมถึง
“หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระอยู่อย่าได้หาว่าข้าไม่สุภาพ” ชายวัยกลางคนเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าไม่ได้ยินรึไง เขาบอกให้เจ้าไสหัวไป!” เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลังฝูงชน
เมื่อทุกคนหันไปมองก็พบกับร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่ใบหน้าประดับเอาไว้ด้วยท่าทางหยิ่งยโสอวดดี
รุ่นเยาว์ผู้นี้มีชื่อว่าหนิงฮ่าว เขาคือหนึ่งในอัจฉริยะที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานสำเร็จ
โดยปกติแล้วด้วยพรสวรรค์ของหนิงฮ่าว เขาสมควรเป็นเพียงแค่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานทั่วไป แต่เนื่องจากอำนาจของสวรรค์และปฐพีเกิดการเปลี่ยนแปลง โชคชะตาของเขาจึงแปรเปลี่ยนและสามารถตัดขาดนิพพานได้อย่างสมบูรณ์
พวกจ่างซุนเหลียงกับเซียวเซิ่งก็เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานที่สมบูรณ์เหมือนกับเขาไม่ใช่รึไง? เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่หนิงฉ่าวผู้นี้จะรู้สึกว่าตัวเองสูงส่ง
และเมื่อเขาได้พบเห็นหลิงฮันกับจักรพรรดินีที่เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทียกตนข่มท่าน ทั้งสองเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานไร้ชื่อ มีรึจะมาเทียบกับนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานสมบูรณ์เช่นเขาได้?
เขาเองก็มีสตรีอยู่ข้างกายเช่นเดียวกัน สตรีของหนิงฮ่าวผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่งดงามและหยิ่งยโส มืออันเรียวบางของนางโอบกอดแขนของหนิงฮ่าวเอาไว้และเชิดหน้าเชิดตาจนจมูกแทบจะทิ่มท้องฟ้า
หลิงฮันหันหลัง เขาขมวดคิ้วก่อนจะกล่าว “ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังคุยกันอยู่? หุบปากหมาๆของเจ้าไปซะ”
ช่างกล้า!
“เจ้าอยากตาย?” ดวงตาของหนิงฮ่าวส่องประกายเย็นชาพร้อมกับกวาดมองสตรีนกอมตะและจักรพรรดินี มุมปากของเขายกขึ้นแสยะยิ้มและกล่าว “แม่นางทั้งสอง พวกเจ้าอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลฟู่? ไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่เลิกยุ่งกับบุรุษผู้นี้ข้าจะพาพวกเจ้าเข้าไป”
“พี่ชายฮ่าว แล้วข้าล่ะ?” สตรีที่อยู่ข้างกายหนิงฮ่าวฮึดฮัดไม่พอใจ ตามกฎของของงานเลี้ยง ผู้เข้าร่วมสามารถพาคนอื่นเข้าไปด้วยได้แค่คนเดียว
หนิงฮ่าวกระชากแขนกลับและกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไสหัวไป!”
สตรีผู้นั้นชะงักร่างแข็งค้างไปชั่วขณะก่อนจะสบถออกมา “ดี… หนิงฮ่าว คนนิสัยเช่นเจ้าย่อมไม่มีวันได้ดีในชีวิตนี้!”
ใบหน้าของหนิงฮ่าวกลายเป็นมืดมนและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา สตรีผู้นี้กล้าสาปแช่งเขาต่อหน้าสาธารณะชน?
“ไสหัวไป!” จักรพรรดินีไม่สบอารมณ์และผลักฝ่ามือออกมา
‘ครืนน’ ปราณก่อเกิดควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือคลื่นพลังที่เล็กและเรียวงามจู่โจมเข้าใส่ใบหน้าหนิงฮ่าว
หนิงฮ่าวแสยะยิ้ม เห็นแก่เรือนร่างอันงดงามข้าเลยให้โอกาสเจ้า แต่สุดท้ายเจ้ากลับลืมตัวว่าตนเองเป็นใคร? เขายกฝ่ามือขึ้นมาและผลักออกไปเพื่อตอบโต้การโจมตีของจักรพรรดินี
‘ครืนน’ ฝ่ามือคลืนพลังของเขามีขนาดใหญ่และประดับไว้ด้วยตราประทับแห่งเต๋าอันทรงพลังของระดับโลกียนิพพาน
เมื่อฝ่ามือคลื่นพลังของทั้งสองเข้าปะทะกัน ฝ่ามือขนาดเล็กของจักรพรรดินีได้ถูกฝ่ามือขนาดใหญ่ของหนิงฮ่าวกลบจนมองไม่เห็น แต่พริบตาต่อมานั่นเอง จู่ๆฝ่ามือขนาดใหญ่ก็แหลกสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ราวกับว่าไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน
มือปราณก่อเกิดอันเรียวบางของจักรพรรดิปรากฏสู่สายตาอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่หนิงฮ่าว
ใบหน้าของหนิงฮ่าวเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
การที่ฝ่ามือคลื่นพลังของเขากับของสตรีตรงหน้าปะทะกันแต่มีเพียงฝ่ามือของเขาที่สลายไปอย่างสมบูรณ์นั้นหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ?
มันหมายความว่าพลังต่อสู้ของเขากับนางแตกต่างกันเกินไป!
ตูม!
ใบหน้าของหนิงฮ่าวถูกซัดอย่างรุนแรงและสลบเหมือดทันที
“ฮึ!” สตรีที่มากับหนิงฮ่าวเดินเข้าไปถุยน้ำลายใส่หนิงฮ่าวก่อนจะหันกลังเดินจากไป
จักรพรรดินีมีพลังต่อสู้ไร้เทียมทานในระดับสองนิพพาน หลิงฮันจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เขายิ้มไปยังชายวัยกลางคนและกล่าว “ช่วยให้พวกข้าผ่านไปได้รึไม่?”
ชายวัยกลางคนชะงักแข็งค้าง เขาเองก็เป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานเช่นกันจึงรู้ดีว่าหนิงฮ่าวนั้นไม่ได้อ่อนแอและค่อนข้างแข็งแกร่งด้วยซ้ำ แต่ถึงจะอย่างนั้นอีกฝ่ายกลับถูกซัดจนสลบในพริบตา
เขารีบเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและกล่าว “เชิญทั้งสามคน!”
คนเหล่านี้ไม่มีทางโกหกแน่ว่าเพิ่งกลับออกมาจากหุบเหวสืบสานนิพพาน เพราะหากไม่ใช่การตัดนิพพานจากเขตแดนลี้ลับที่มีอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพีที่หนาแน่นแล้ว ย่อมไม่มีทางมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้
หลิงฮันพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปยังประตูหินพร้อมกับจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะ เมื่อพวกเขาผ่านประตูเข้ามาทิวทัศน์ที่เห็นก็เปลี่ยนไป ด้านหน้าพวกเขาปรากฎภูเขาและธารน้ำราวกับเป็นโลกขนาดย่อมๆ
“เรียนเชิญทั้งสามคนทางนี้” ภายในโลกขนาดย่อมมีคนรอต้อนรับพวกเขาอยู่
หลิงฮันและภรรยาทั้งสองเดินตามคนนำทางมายังพระราชวังที่งดงาม
“แขกผู้มีเกียรติทั้งสาม งานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นในพระราชวังแห่งนี้ ขอเชิญพวกท่านตามอัธยาศัย” คนต้อนรับหันหลังเดินกลับไปยังทางเดิมเพื่อรอนำทางแขกคนอื่นๆ
แต่ในขณะที่หลิงฮันกำลังจะก้าวเดินเข้าสู่พระราชวังนั่นเอง จู่ๆเขาก็ทำจมูกฟุดฟิดและเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังลานที่พักแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านข้างพระราชวัง