จักรพรรดินีและสตรีนกอมตะพยักหน้า หลิงฮันก้าวเดินไปยังมุมบนสุดของโต๊ะวางอาหารอันยาวเหยียด
เขาหยิบจานขึ้นมาและตักอาหารอย่างไม่เกรงใจ
คนอื่นๆอาจจะตักกินทีละเล็กน้อย แต่สำหรับเขาการจะได้กินอาหารระดับสูงเช่นนี้บ่อยๆนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นบนจานของเขาจึงเต็มไปด้วยอาหารที่ตักมากองพูนราวกับภูเขา
การกระทำของหลิงฮันส่งผลให้คนรอบข้างแสดงท่าทีเหยียดหยาม ‘นี่เจ้าไม่ได้กินอาหารมานานขนาดไหนกันถึงได้ตะกละขนาดนี้?’
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่สนใจ ในโลกแห่งวรยุทธ ศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่ได้รับจากคนอื่นแต่มาจากความสามารถของตัวเอง ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรขอแค่ตัวเขารู้สึกพึงพอใจก็พอ
“พี่ชายหลิว ดูบุรุษผู้นั้นสิ เขาทำตัวตะกละตะกลามราวกับกลัวว่าจะมีใครมาขโมยอาหารของเขาเลย!” สตรีผู้หนึ่งจ้องมองหลิงฮันอย่างเย็นชาและกล่าวดูถูก นางเป็นสตรีสวมชุดสีแดงสดและมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างพอเรียกได้ว่างดงาม
บุรุษที่มากับนางจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เหยียดหยามไม่ต่างกันพร้อมกับกล่าว “นี่จะต้องเป็นครั้งแรกที่เขาเคยกินอาหารระดับสูงเช่นนี้เป็นแน่”
“ช่างไรมารยาทจริงๆ” สตรีผู้นั้นเค้นเสียงดูถูก
นางเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้นและพึ่งพาบุรุษที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานข้างกายมาเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ นางคิดว่าตัวเองสูงส่งจนลืมความจริงที่ว่าหลิงฮันนั้นเป็นถึงตัวตนะระดับโลกียนิพพานที่อยู่เหนือกว่านาง
หลิงฮันไม่สนใจคำพูดนินทาของทั้งสอง อาหารในงานเลี้ยงมีแต่อาหารชั้นยอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของสัตว์อสูรระดับสร้างสรรพสิ่งจำนวนมากหรือผลสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำระดับสิบเก้าและยี่สิบ หากต้องการกินอาหารระดับนี้นอกงานเลี้ยงคงสิ้นเปลืองศิลาดวงดาวจำนวนไม่น้อย
ด้วยดวงตาอันเฉียบแหลม อาหารทั้งหมดที่เขาตักใส่จานจึงมีเพียงอาหารที่ดีที่สุด
สตรีชุดแดงและบุรุษที่ต่อหลังหลิงฮันรู้สึกไม่พึงพอใจ อาหารบนจานของหลิงฮันในตอนนี้กองพะเนินรวมกันจนมีความสูงถึงเจ็ดหรือแปดฟุตแล้ว
ทั้งสองไม่มีทางเลือกและทำการแซงแถวขึ้นไปด้านหน้าหลิงฮัน หากไม่ทำเช่นนี้อาหารดีๆจะไม่มีทางตกมาถึงมือพวกเขาแน่นอน
หลิงฮันหัวเราะ แต่ในขณะที่เขากำลังจะเดินกลับไปหาภรรยาทั้งสองนั่นเอง คนรับใช้คนหนึ่งก็เดินยกหม้อต้มขนาดเล็กหม้อหนึ่งเข้ามา ในขณะที่คนรับใช้ผู้นี้กำลังเดินมายังโต๊ะอาหาร สายตาของแขกทุกคนในงานต่างจดจ้องไปที่เขา
มันคืออาหารแบบใดกัน?
เมื่อคนรับใช้วางหม้อต้มลงบนโต๊ะและยังไม่ทันจะไปเปิดฝา กลิ่นอันหอมหวานและและควันที่เต็มไปด้วยตราประทับแห่งเต๋าก็ลอยเล็ดลอดออกมาจากภายในหม้อ
คนรับใช้กล่าว “นี่คือโสมเมฆานิรันดร์ที่นำมาต้มกับโลหิตวิหควายุ ขอเชิญแขกทุกท่านลองชิม”
สมุนไพรนิรันดร์ที่ผสมรวมกับโลหิตสัตว์อสูรนิรันดร์!
ถึงแม้ว่าโสมเมฆานิรันดร์จะเป็นสมุนไพรนิรันดร์ระดับหนึ่ง แต่สำหรับจอมยุทธระดับหนึ่งนิพพานแล้ว มันถือว่าเป็นยาบำรุงที่ล้ำค่ามาก ยิ่งเมื่อนำมาต้มรวมกับโลหิตของวิหควายุด้วยแล้ว ประสิทธิภาพของมันจึงเลิศล้ำเกินพรรณนา
ไม่น่าแปลกที่ซุปหม้อนี้ดึงดูดความสนใจของแขกจำนวนมาก
พริบตาเดียวด้านหลังของหลิงฮันก็มีแขกจำนวนมากมาต่อแถวหยาวเหยียด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่ซุปหม้อเพียงแค่นี้จะเพียงพอต่อแขกทุกคน สำหรับใครที่ต่อแถวช้าอาจจะต้องยอมทำใจอดกิน
สตรีกับบุรุษที่เมื่อครู่แซงแถวและเยาะเย้ยหลิงฮันรีบกลับมาต่อหลังหลิงฮันอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เขานำมือยกหม้อขึ้นมาและเดินจากไป
เจ้า…
“หยุด!” สตรีกับบุรุษคู่นั้นคำรามอย่างโหดเหี้ยม เจ้าจะไร้ยางอายเกินไปรึเปล่า ซุปสมุนไพรและโลหิตสัตว์อสูรนิรันดร์ที่ล้ำค่าขนาดนั้นเจ้าคิดจะกินทั้งหมดเพียงคนเดียว?
“มีอะไรรึ?” หลิงฮันหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร
“นำหม้อกลับมาวางที่เดิม!” ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยากก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงระดับสูงแบบนี้ แต่พวกเขาก็ทนต่อการกระทำของหลิงฮันไม่ได้
เมื่อเทียบกับอาหารอื่นๆทั้งหมดที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ในงาน ความล้ำค่าของอาหารเหล่านั้นเทียบเท่าซุปหม้อนี้ไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบ
“ทำไมกัน?” หลิงฮันกล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อ
“เจ้าไม่อาจนำซุปนั่นไปเป็นของตัวเองได้!” สตรีและบุรุษคู่นั้นคำราม แขกคนอื่นที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังเองก็พยักหน้าเห็นพ้อง
“แค่ซุปหม้อเดียวพวกเจ้าไม่เคยกินกันรึไง? เหตุใดถึงต้องหงุดหงิดขนาดนั้น?” หลิงฮันแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
แค่ซุปหม้อเดียว?
เจ้าคิดว่าซุปหม้อนี้เป็นซุปธรรมดา? ความล้ำค่าของมันสูงเกินกว่าที่คนจากขุมอำนาจหนึ่งดาวจะมีโอกาสได้ลิ้มลอง… ต่อให้เป็นรัชทายาทของขุมอำนาจสองดาวอย่างจ่างซุนเหลียงหรือเซียวเชิ่น ก็สามารถกินอาหารที่ล้ำค่าขนาดนี้ได้เฉพาะงานเฉลิมฉลองวันสมภพของประมุขพวกเขาเท่านั้น
“เอาหม้อกลับมาวางเดี๋ยวนี้!” สตรีชุดแดงกล่าวอย่างโหดเหี้ยม นางต้องการกินซุปในหม้อนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากซุปที่ทำจากสมุนไพรนิรันดร์และโลหิตของสัตว์อสูรนิรันดร์นั้น จะช่วยให้โอกาสสำเร็จในการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานของนางเพิ่มขึ้นหลายส่วน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อืม ถ้าคิดว่าพวกเจ้ากินได้ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
เขานำหม้อกลับไปวางและยืนแน่นิ่ง
สตรีและบุรุษผู้นั้นรีบเอื้อมมือมาเปิดฝาหม้อทันที แต่เพียงแค่มือของทั้งสองสัมผัสโดนฝาหม้อ พวกเขาก็ต้องร้องโอดครวญอย่างทรมาน เมื่อยกมือขึ้นมาดูทั้งสองพบว่ามือของตนเองนั้นพองบวมราวกับขาหมูและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แขกคนอื่นๆที่ต่อแถวอยู่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าสตรีและบุรุษตรงหน้าขยับออกจากแถวแล้ว พวกเขาจึงฉวยโอกาสพยายามจะจับหม้อเพื่อตักซุป
แต่ทว่าไม่ว่าใครก็ตามที่จับฝาหม้อล้วนแต่ต้องมือพองบวมอย่าทรมาน แม้แขกบางส่วนจะลองใช้ทักษะเข้าช่วยแล้วฝาหม้อก็ยังร้อนเกินกว่าที่พวกเขาจะเปิดได้อยู่ดี
หลังจากแขกหลายสิบคนลองเปิดฝาหม้อแล้วไม่สำเร็จ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังหลิงฮันด้วยความสงสัย พวกเขารู้ว่าหลิงฮันจะต้องทำอะไรบางอย่างกับหม้อแน่นอน แต่ก็ไม่อาจอธิบายได้ว่าเขาทำอะไรลงไป
แขกหลายคนสามารถคาดเดาได้ว่า พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นจะต้องทรงพลังมากจนพวกเขามองไม่ออก เพราะงั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงทำใจและหันหลังจากไปทีละคน
หลิงฮันยิ้ม เขายกหม้อขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะสลายพลังของเพลิงเก้าสวรรค์และเดินกลับไปหาจักรพรรดินีกับสตรีนกอมตะ
เมื่อหันไปมองภรรยาทั้งสอง หลิงฮันก็พบว่าพวกนางถูกกำลังห้อมล้อมไปด้วยบุรุษมากกว่าสิบคน
เขาไม่รู้สึกประหลาดใจเท่าไหร่ ในกรณีของจักรพรรดินีนั้นถึงแม้นางจะไม่เผยใบหน้าที่แท้จริงให้ใครเห็น แต่รูปร่างอันสมบูรณ์แบบของนางก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้บุรุษทุกคนลุ่มหลงเพียงแรกเห็น ยิ่งเมื่อตอนนี้นางบรรลุระดับโลกียนิพพานด้วยแล้ว บุรุษคนใดบ้างจะไม่ต้องการมีคนรักที่เป็นตัวตนระดับนิรันดร์เหมือนกัน?
“น้องชาย เจ้าคิดว่าวิธีของเจ้าจะทำให้สตรีทั้งสองสนใจได้งั้นรึ?” ในขณะที่หลิงฮันกำลังเดินเข้าไปหาพวกนาง จู่ๆบุรุษคนหนึ่งก็เอ่ยทักเขาและชี้นิ้วไปยังกองภูเขาอาหารที่อยู่ในมือ