พวกหลิงฮันสองคนผ่านการทดสอบแรกอย่างง่ายดาย โดยที่บุรุษถือกระบี่ด้านหลังพวกเขา ขาสั่นด้วยความหวาดผวา ในโลกนี้มีคู่รักที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?
หวังว่าข้าจะไม่ต้องพบเจอพวกเขาอีก
หลิงฮันและจักรพรรดินีพูดคุยกันถึงทักษะของราชานิรันดร์อวี้ซวีต่อ ทักษะที่หลิงฮันได้มานั้นไม่ใช่ทักษะที่สมบูรณ์ แต่เป็นเพียงส่วนสำคัญบางส่วนของทักษะ
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนความเห็นและดื่มชาจากใบต้นสังสารวัฏไปพร้อมๆกัน พวกเขาเดินเอื่อยเฉื่อยโดยไม่สนว่าถึงการทดสอบที่ต่อไปเมื่อไหร่
ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวันเศษๆ ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงจุดทดสอบที่สอง
ที่นี่มีผู้ทดสอบรวมตัวกันอยู่มากมาย เพียงแต่ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นเล่นหมากรุก
หลิงฮันชำเลืองมองและพบว่านี่ไม่ใช่หมากรุกทั่วไป หมากสีดำและขาวนั้นราวกับว่ามีชีวิต หมากทุกตัวปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา หากผู้เดินหมากมีจิตวิญญาณไม่แข็งแกร่งพออาจจะล้มลงหรือหมดสติได้
คนที่กำลังแข่งหมากรุกกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งเป็นรุ่นเยาว์ที่น่าจะเป็นผู้ร่วมทดสอบ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นชายชราชุดเทาที่ใบหน้าปรากฏรอยเหี่ยวย่นและมีผมขาวโพลน
ชายชราผู้นี้คือนิรันดร์สองนิพพาน!
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนแรกเขาคิดว่าอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำชิ้นนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ใส่พระราชวังชั่วคราวของฟู่เสี่ยวอวิ๋น แต่ดูเหมือนว่าความจริงจะไม่ใช่แบบนั้น
หากเป็นเพียงที่ใส่พระราชวังล่ะก็ ที่นี่จะมีนักปรุงยาระดับนิรันดร์ และนิรันดร์ระดับสองนิพพานอยู่ถึงสองคนได้อย่างไร?
เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ ฟู่เสี่ยวอวิ๋นอาจจะได้รับอนุญาติให้นำมาใช้ได้เป็นกรณีพิเศษเพื่อทดสอบรับคนเข้าตระกูล หากเป็นในเวลาปกติอุปกรณ์มิติชิ้นนี้สมควรถูกเก็บไว้เป็นสมบัติของตระกูลฟู่
‘อั่ก!’ ทันใดนั้นเอง จู่ๆรุ่นเยาว์ที่กำลังแข่งหมากรุกก็กระอักโลหิตออกมา เขามองไปยังชายชราด้วยสีหน้าซีดเผือดและกล่าว “ข้าอดทนได้นานเท่าไหร่?”
“ครึ่งก้านธูป” ชายชราชุดเทากล่าวอย่างไม่แยแสก่อนจะส่ายหัว “น่าเสียดาย เจ้าไม่ผ่านการทดสอบ”
หลิงฮันไถ่ถามคนรอบข้างและรู้ว่าหากต้องการผ่านการทดสอบ จำเป็นต้องถ่วงเวลาเล่นหมากรุกให้ครบหนึ่งก้านธูป
“ต่อไปใครจะทดสอบ?” ชายชราชุดเทากวาดสายตามองเหล่ารุ่นเยาว์ หลายคนที่ถูกจ้องมองรีบส่ายหัวทันที การทดสอบไม่ได้มีกฎว่าพวกเขาห้ามถอยหลังกลับ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือแค่ประทับตราลงบนกระดาษที่ได้รับมาเท่านั้น ซึ่งพวกเขาสามารถอ้อมไปยังเส้นทางอื่นได้
เหล่ารุ่นเยาว์ค่อยๆหันหน้าถอยหลังกลับ จากที่พวกเขาสังเกตมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ตามที่ทดสอบแข่งหมากรุกกับชายชรา ล้วนแต่กระอักโลหิตออกมาเพราะไม่สามารถทนได้ถึงหนึ่งก้านธูปสักคน
หลิงฮันที่ยังอยู่ก้าวเดินเข้าไปนั่งลงและกล่าว “ข้าจะเล่นกับท่านเอง”
ชายชราสะบัดมือนำหมากสีดำและขาววางเรียงบนกระดานพร้อมกับกล่าว “หมากของเจ้าคือสีดำ ข้าให้เจ้าเป็นฝ่ายเดินก่อน”
หลิงฮันไม่มัวพิธีรีตองและจับหมากสีดำเดินทันที
ชายชราจับหมากสีขาวเดินตอบโต้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน
หลังจากเดินหมากกันไปครู่หนึ่ง หมากสีดำของหลิงฮันนั้นยังคงเดินอย่างรวดเร็วตามเดิม แต่ในทางกลับกัน หมากสีขาวของชายชราเริ่มค่อยๆเดินช้าลงเรื่อยๆ
นี่ไม่ใช่การแข่งหมากรุกทั่วไป แต่เป็นการเผชิญหน้ากันด้วยจิตวิญญาณโดยมีตัวหมากเป็นอาวุธ ซึ่งจิตวิญญาณของแต่ละคนจะแข็งแกร่งขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
แน่นอนว่านิรันดร์หนึ่งนิพพานไม่มีทางมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเทียบเท่านิรันดร์สองนิพพานได้ ชายชราจึงตั้งกฎเอาไว้เพียงทนเล่นให้ครบเวลาหนึ่งก้านธูป
แต่ทว่าหลิงฮันนั้นไม่ใช่นิรันดร์หนึ่งนิพพานทั่วไป ในด้านความเชี่ยวชาญในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นั้น เขามีทั้งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่นิรันดร์สองนิพพานจะต้านทานไหว
หมากของชายชราถูกหมากของหลิงฮันกินจนหมดกระดานอย่างรวดเร็ว โดยที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงแม้แต่ครึ่งก้านธูป
เขามองไปยังหลิงฮันด้วยความตกตะลึง นี่ใครกำลังทดสอบใครกันแน่?
ในฐานะกรรมการทดสอบ เขากลับพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ทดสอบเสียได้ แถมยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างหมดท่าอีกด้วย
“เจ้าผ่านการทดสอบ” ชายชรากล่าวอย่างเศร้าใจ เขานั้นมั่นใจในฝีมือหมากรุกของตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงได้ทำการทดสอบด้วยวิธีนี้ เขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าตนเองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
หลิงฮันจับมือจักรพรรดินีเดินผ่านไป ชายชราต้องการจะเอ่ยห้าม แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองพ่ายแพ้ให้หลิงฮันอย่างหมดสภาพ เขาก็ยอมปล่อยผ่านไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมา
แน่นอนว่าผู้ทดสอบคนอื่นๆย่อมไม่พอใจและประท้วง
“หากพวกเจ้าเอาชนะข้าได้ พวกเจ้าก็สามารถนำคนอื่นผ่านไปด้วยได้เช่นกัน” ชายชราชุดเทาเอ่ยกล่าว คำพูดของเขาทำให้ผู้ทดสอบทุกคนสงบปากทันที
หลิงฮันและจักรพรรดินีก้าวเดินขึ้นเขาต่อไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปอีกครึ่งวัน ทั้งสองคนก็เข้าใกล้ยอดเขาขึ้นไปทุกทีและมาถึงจุดทดสอบที่สาม ซึ่งมีผู้ทดสอบจำนวนมากรวมตัวกันอยู่
ณ จุดทดสอบที่สามนี้ไม่ใช่การทดสอบพลังต่อสู้หรือความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ผู้ทดสอบจะได้รับแผ่นกระดาษที่เขียนทักษะไม่สมบูรณ์เอาไว้ ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องเติมเต็มทักษะที่ว่าให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
การทดสอบนี้นับว่ายากลำบากมาก
จอมยุทธส่วนใหญ่โดยเฉพาะราชารุ่นเยาว์นั้น พวกเขาต่างเดินตามรอยเท้าของจอมยุทธรุ่นก่อนมาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้การจะให้พวกเขามาทำการแก้ทักษะให้สมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิมด้วยตนเองนั้น จึงเป็นงานที่สาหัสมาก
หลิงฮันเห็นว่าหม่าอิ่งและซ่งจี๋เองก็ติดอยู่ในการทดสอบนี้เช่นกัน ทั้งสองรีดเค้นใช้งานสมองทุกส่วนและไม่กล้าส่งกระดาษทักษะในมือคืนให้กรรมการทดสอบง่ายๆ พวกเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากทำพลาดก็จะสูญเสียโอกาสที่จะได้ผ่านขึ้นไปยังยอดเขา
หลิงฮันและจักรพรรดินีรับกระดาษทักษะมา เนื้อหาทักษะที่เขียนเอาไว้บนหน้ากระดาษมีหลายส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องเติมข้อความลงไปให้สมบูรณ์
“เจ้าตัวบัดซบ!” แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสียงคำรามของใครบางคนก็ดังขึ้น ร่างของชายชราผู้หนึ่งทะยานเข้ามาใกล้ และจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาอาฆาต
ชายชราผู้นี้เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานของตระกูลฉี เขาคือนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานที่ก่อนหน้านี้ในหุบเหวสืบสานนิพพาน ตัวเขาและรุ่นเยาว์ของตระกูลสามคนคิดจะปล้นชิงเรือไม้ของหลิงฮัน ซึ่งสุดท้ายรุ่นเยาว์ทั้งสามก็ถูกหลิงฮันสังหาร
ชายชราทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์สองนิพพานได้สำเร็จและมาเข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลฟู่
แต่เดิมกฎสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยง คือต้องเป็นจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับในหุบเหวสืบสานนิพพาน ไม่ว่าใครก็ตามที่ทะลวงผ่านระดับในหุบเหวสืบสานนิพพานย่อมมีสิทธิ์เข้าร่วม ซึ่งชายชราก็ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฏข้อนี้
เพราะเขาเป็นนิรันดร์สองนิพพาน จึงสามารถผ่านการทดสอบสองครั้งก่อนหน้านี้มาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ทว่าในครั้งที่สามนี้ การทดสอบกลับไม่ใช่การทดสอบพลังต่อสู้หรืออำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ชายชราจึงไม่อาจผ่านไปได้ง่ายๆ
ในทันทีที่เห็นหลิงฮันปรากฏตัว แววตาของเขาก็กลายเป็นแดงฉานและระเบิดจิตสังหารออกมาอย่างไม่ปิดบัง