หลิงฮันสูดลมพร้อมกับพ่นลมหายใจออกไปด้านหน้า
‘พรึบ’ ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิง และหลอมละลายดาบน้ำแข็งสองเล่มที่พุ่งทะยานเข้ามาจนระเหยเป็นไอน้ำในพริบตา
ใบหน้าของเป่ยเสวียนหมิงเริ่มแสดงออกถึงความระมัดระวัง
ในตอนแรกเขาคิดว่าหลิงฮันกับฟู่เกาหยุนจงใจหยอกล้อเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่า หลิงฮันนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
ไม่เพียงแค่เป่ยเสวียนหมิง แต่ฟู่เสี่ยวอวิ๋น เซียวเชิ่ง และจ่างซุนเหลียงก็ตกตะลึงเช่นกัน
“เจ้าบรรลุระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีพิเศษ!” เป่ยเสวียนหมิงตระหนักถึงความเป็นไปได้นี้ทันที หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แล้ว หลิงฮันจะสู้ข้ามระดับได้อย่างไร?
เหลือเชื่อ… รุ่นเยาว์ผู้นี้สร้างปาฏิหาริย์ที่มีเพียงทายาทของขุมอำนาจยักษ์ใหญ่เท่านั้นถึงจะทำได้สำเร็จ
ตัดขาดสวรรค์และปฐพี!
เป่ยเสวียนหมิงริษยาเป็นอย่างมาก เขาเองก็เคยพยายามตัดขาดสวรรค์และปฐพีมาก่อน แต่หลังจากล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่กล้านำชีวิตตนเองไปเสี่ยงอีกต่อไป
เขาคิดว่าปาฏิหาริย์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับขุมอำนาจระดับสามดาวหรือสี่ดาวมาตลอด แต่ความสำเร็จของหลิงฮันก็ได้ตบหน้าเขาอย่างจัง
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นจดจ้องด้วยแววตาเป็นประกาย ปาฏิหาริย์เช่นนั้นมีคนทำสำเร็จได้จริงๆ?
“บรรลุระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีพิเศษ?” เซียวเชิ่งและจ่างซุนเหลียงพึมพำด้วยความสับสน ด้วยการที่พวกเขามาจากขุมอำนาจเพียงสองดาว จึงไม่เข้าใจว่าการตัดขาดสวรรค์และปฐพีคืออะไร
“น้องข้า เจ้าควรเลือกแต่งงานกับหลิงฮันจะดีกว่านะ” ฟู่เกาหยุนเริ่มยุยง “อย่างที่เจ้าเห็นว่าน้องหลิงฮันนั้นมีพรสวรรค์สูงส่งกว่าตัวบัดซบนั่นขนาดไหน หากเจ้าพลาดบุรุษดีๆแบบนี้ไปล่ะก็ เจ้าอาจจะร้องไห้เสียใจไปตลอดชีวิต”
ฟู่เกาหยุนไม่ได้กระซิบกระซาบ เพราะงั้นเป่ยเสวียนหมิงจึงได้ยินคำพูดของเขาอย่างชัดเจน
ใบหน้าของเป่ยเสวียนหมิงเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาขมวดคิ้วด้วยความโกรธและนำดาบเงินเล่มสั้นที่มีความยาวเพียงราวๆสามนิ้วออกมา
ทันทีที่ดาบถูกนำออกมา อุณหภูมิรอบด้านก็ลดลงอย่างรวดเร็ว สองคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิอันเยือกเย็นมีเพียงฟู่เกาหยุนและจักรพรรดินีสองคน
ฟู่เกาหยุนและจักรพรรดินีทำการปลดปล่อยออร่าของตนเองออกมา เพื่อคุ้มกันให้กับฟู่เสี่ยวอวิ๋นและสตรีนกอมตะ ในขณะเดียวกัน เซียวเชิ่งกับจ่างซุนเหลียงที่ไม่อาจต้านทานความเย็นได้ก็ทำได้เพียงล่าถอยเว้นระยะออกห่าง
ทุกคนแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาอีกครั้ง เนื่องจากพวกเขาพบเห็นว่าจักรพรรดินีสามารถต้านทานอำนาจอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ของเป่ยเสวียนหมิงได้!
“นางเองก็บรรลุระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีเช่นกัน” ฟู่เกาหยุนอธิบายให้น้องสาวตนเองฟัง
ปากของฟู่เสี่ยวอวิ๋นอ้าค้างเป็นรูปวงกลม ส่วนเป่ยเสวียนหมิงเองก็เข่าแทบทรุก มีอัจฉริยะที่สร้างปาฏิหาริย์ได้ถึงสองคน!
จ่างซุนเหลียงและเซียวเชิงกลายเป็นแน่นิ่งไร้คำพูด ทั้งสองไม่รู้ว่าอะไรคือการตัดขาดสวรรค์และปฐพี แต่พวกเขามั่นใจว่าเป็นเพราะการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีนี้แน่นอน ที่ทำให้พวกหลิงฮันมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว
เป่ยเสวียนหมิงตั้งสติและรวบรวมพลังไปที่ดาบในมือ
ดาบที่เขาถืออยู่คือดาบเมฆาเยือกแข็ง อุปกรณ์ระดับกึ่งนิรันดร์สองดาว หากกระตุ้นใช้งานพลังของดาบเล่มนี้ออกมาเต็มที่ แม้แต่นิรันดร์สามหรือสี่นิพพานก็ต้องถูกสังหาร
ด้วยพลังบ่มเพาะของเป่ยเสวียนหมิงในตอนนี้ แม้จะยังไม่สามารถกระตุ้นใช้งานพลังของดาบเมฆาเยือกแข็งได้เต็มที่ แต่ก็ไม่ยากที่จะกระตุ้นพลังของดาบเพื่อรับมือนิรันดร์สองนิพพานขั้นสูงสุด หลิงฮันนั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่อีกฝ่ายจะสามารถต่อกรกับพลังของนิรันดร์สองนิพพานสูงสุดได้?
เป่ยเสวียนหมิงยกดาบชี้ขึ้นฟ้า ทันใดนั้นคมดาบก็ยืดยาวอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นดาบยักษ์ที่มีความยาวถึงสามร้อยกว่าเมตร อำนาจเหมันต์อันทรงพลังและตราประทับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันเย็นยะเยือกถูกปลดปล่อยออกมา
หลิงฮันถอนหายใจ ดาบอสูรนิรันดร์นั้นยังไม่ยกระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์กึ่งนิรันดร์เสียที ส่วนดาบไม้ผุพังเองก็มีขีดจำกัดสูงสุดอยู่ที่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบ ตอนนี้เขาไม่มีอาวุธชิ้นใดให้ใช้งานได้เลย
ความจริงต้นเหตุก็เพราะกายหยาบอันไร้เทียมทานของเขานั่นล่ะ ที่ทำให้เขาไม่มีความต้องการหาอาวุธที่ทรงพลังมาใช้
เขายกกำปั้นหนึ่งข้างขึ้นมาและโคจรอำนาจของวารีพลังหยินเร้นลับ ความเย็นก็ต้องปะทะความเย็น
ตูม!
ดาบและหมัดถูกปล่อยเข้าปะทะกัน ทั้งตัวดาบเมฆาเยือกแข็งและหมัดของหลิงฮันปรากฏชั้นน้ำแข็งขึ้นพร้อมกัน ชั้นน้ำแข็งค่อยๆแพร่ขยายลามไปถึงแขนของทั้งสองคน
หลิงฮันไม่หวาดหวั่นและปล่อยให้ชั้นน้ำแข็งแพร่กระจายสู่ร่างกาย แต่เป่ยเสวียนหมิงนั้นตรงกันข้าม เขารีบดึงดาบกลับและกระโดดล่าถอยทันที
เป่ยเสวียนหมิงรีบกระตุ้นพลังของดาบเหมันต์เยือกแข็ง ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ ชั้นน้ำแข็งที่แขนของเขาค่อยๆแตกออกเป็นชิ้นๆ เป่ยเสวียนหมิงถอนหายใจโล่งอกก่อนจะมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าตกตะลึง ภาพที่เขาเห็นคือหลิงฮันสะบัดแขนสลายชั้นน้ำแข็งบนแขนได้อย่างง่ายดาย
อะไรกัน!
สิ่งที่อยู่ในมือของข้าคืออุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ แต่เจ้ากลับใช้เพียงมือเปล่าปะทะกับข้า?
“ถึงคราวข้าเป็นฝ่ายบุกบ้าง!” หลิงฮันพุ่งทะยานปลดปล่อยการโจมตี
เป่ยเสวียนหมิงควบคุมดาบเมฆาเหมันต์ในใจและใช้มือทั้งสองปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของนิกายอาญาสิ้นแสง ทักษะระดับนิรันดร์ที่เขาฝึกฝนจึงมีมากมาย แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะใช้ทักษะอะไรออกมา ก็ไม่ส่งผลต่อหลิงฮันแม้แต่ทักษะเดียว
หากที่จะเป็นศัตรูของหลิงฮัน อีกฝ่ายต้องมีพลังบ่มเพาะเทียบเท่าฟู่เกาหยุนเป็นอย่างน้อย
หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างรุนแรงโดยที่เป่ยเสวียนหมิงทำตกเป็นฝ่ายป้องกันอยู่ฝ่ายเดียว
เซียวเชิ่ง จ่างซุนเหลียง และฟู่เสี่ยวอวิ๋นตกตะลึงจนไร้คำพูด ภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตรงหน้าน่าอัศจรรย์เกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการถึง
การทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานด้วยวิธีพิเศษทำให้แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?
ตูม!
หลิงฮันทำลายการป้องกันของเป่ยเสวียนหมิงด้วยหมัดและเริ่มทำการทุบตีอย่างโหดเหี้ยม
คิดว่าข้าไม่รู้ตัวรึว่าเจ้าหาโอกาสสังหารข้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง?
หากตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะก็ หลิงฮันคงไม่ไว้ชีวิตเป่ยเสวียนหมิงแล้ว แต่ถ้าหากเขาสังหารเป่ยเสวียนหมิงที่นี่ ผู้ที่รับผิดชอบย่อมต้องเป็นตระกูลฟู่ ซึ่งหลิงฮันไม่ต้องการทำเช่นนั้นกับฟู่เกาหยุน
หลิงฮันกระหน่ำปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่องจนใบหน้าของเป่ยเสวียนหมิงปูดบวมราวกับหัวหมู
“น้องข้า เจ้าไม่คิดใหม่จริงๆรึ?” ฟู่เกาหยุนยกศอกขึ้นมาสะกิดน้องสาว
ปากของฟู่เสี่ยวอวิ๋นกระตุกไม่หยุด เป่ยเสวียนหมิงที่เป็นถึงหนึ่งในราชาแห่งยุคแท้ๆแต่กลับไม่สามารถตอบโต้หลิงฮันได้แม้แต่น้อย นางตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
หลังจากทุบตีจนพอใจ ในที่สุดหลิงฮันก็หยุดมือ
ความจริงนั้น นอกจากใบหน้าที่ปูดบวมจนน่าอับอายแล้วเป่ยเสวียนหมิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกอัปยศอย่างถึงที่สุด
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเอง ร่างของชายชราผมขาวโพลนผู้หนึ่งก็ทะยานร่างเข้ามา
“โอ้ เจ้าหนู เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆด้วย” ชายชราที่ปรากฏตัวคือเซี่ยงเหยี๋ยน สายตาของเขาจดจ้องไปยังหลิงฮันด้วยความตื่นเต้น