“เจ้าตัวบัดซบ หยุดมือเดี๋ยวนี้!” ติงจุ้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ทุกครั้งที่หลิงฮันลงมือ สมาชิกตระกูลติงจะถูกสังหารไปหลายสิบคน บางคนในหมู่สมาชิกที่ตายไปเป็นทายาทของเขาด้วยซ้ำ
เขาทะยานร่างปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮัน
“ผู้อาวุโสผู้เกรียงไกร!”
“ผู้อาวุโสของพวกเราไร้เทียมทานที่สุด!”
“สังหารผู้บุกรุกให้สิ้นซาก!”
เหล่าสมาชิกตระกูลติงที่ยังเหลือรอดโห่ร้อง
ติงจุ้นทำการปลดปล่อยทักษะกาลเวลา การโจมตีใดๆที่พุ่งมาหาเขาจะถูกลดทอนอายุจนสลายไป ซึ่งเขาจะใช้โอกาสนั้นในการสังหารศัตรู
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชายิ่งกว่าเดิม “วันนี้ ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับตระกูลหู”
‘ครืนน’ จิตวิญญาณของติงจุ้นสั่นสะท้านราวกับฟ้าผ่าพร้อมกับอุทานออกมา “จะ… เจ้าเป็นผู้เหลือรอดของตระกูลหู่!”
ถึงว่าทำไมหลิงฮันถึงได้ต่อต้านตระกูลติงนัก อีกฝ่ายถึงขนาดเสี่ยงชีวิตลากตระกูลหานเข้ามาเกี่ยวข้อง จนวิหารบรรพบุรุษตระกูลติงถูกทำลาย ที่แท้เจ้าหนูบัดซบตัวนี้ก็เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหูนี่เอง!
หลิงฮันไม่กล่าวอธิบายใดๆ ติงจุ้นจะเข้าใจผิดไปแบบไหนก็ช่าง เพราะไม่ว่าอย่างไรสุดท้าย อีกฝ่ายก็ต้องถูกเขาสังหารอยู่ดี
เขาเอื้อมมือไปคว้าลำคอของติงจุ้นที่พุ่งเข้ามา
ร่างของอีกฝ่ายที่ถูกมือของเขาบีบเอาไว้แน่นพยายามดิ้นทุรนทุราย โดยไม่หลงเหลือภาพพจน์ของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานอีกต่อไป
พลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันดั่งฟ้ากับเหว!
หลิงฮันออกแรงบิดที่มือ ‘แกร่ก’ กระดูกลำคอของติงจุ้นแตกหักอย่างง่ายดาย พร้อมกับแขนขาทั้งสี่ข้างที่ห้อยดิ่งลงกับพื้น
ติงจุ้นตายแล้ว… ร่างของเขาไม่หลงเหลือพลังชีวิตอีกต่อไป แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ถูกอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จากมือของหลิงฮันบดขยี้ โดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะลอยหนีออกมาจากกายหยาบ
หลิงฮันโยนร่างของติงจุ้นทิ้งอย่างไม่แยแส ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะปล้นชิงอุปกรณ์มิติของอีกฝ่ายมาด้วย
ผู้คนรอบด้านกลายเป็นนิ่งเงียบไร้คำพูด
นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานอย่างติงจุ้นถูกสังหารอย่างง่ายดายราวกับหมูหมา โดยที่ไม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว?
ขาของทุกคนสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว แม้พวกเขาจะต้องการหลบหนี แต่ก็ก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว
หลิงฮันไร้ความปรานี ‘ปัง’ เขาปล่อยหมัดออกไปหนึ่งหมัดเพื่อส่งสมาชิกตระกูลติงหลายสิบคนไปยังปรโลก
“โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!” สมาชิกบางคนที่จิตใจอ่อนแอ ทำการคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากหลิงฮัน
ซึ่งแน่นอนว่าหลิงฮันไม่สนใจแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาคือ วันนี้ตระกูลจะต้องพินาศ
เขาโจมตีอย่างไม่แยแส จนสมาชิกตระกูลติงรอบด้านถูกสังหารไม่เหลือ
หลิงฮันและจักรพรรดินีเดินหน้าต่อ เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเส้นทางภายในตระกูลติงนัก หลิงฮันจึงเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังวิหารบรรพบุรุษที่เขาเคยไปมาก่อน
“นั่นมันเจ้าบัดซบ!”
“รีบไปแจ้งให้ท่านประมุขทราบเร็วเข้า!”
“อ้ากกก!”
ตลอดเส้นทางของหลิงฮัน ไม่มีสมาชิกตระกูลติงคนใดเลยที่รอดชีวิต เวลาผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนก็มาถึงวิหารบรรพบุรุษของตระกูลติงในที่สุด
ตั้งแต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเวลาก็ผ่านพ้นไปแล้วสองปี แน่นอนว่าวิหารบรรพบุรุษย่อมถูกบูรณะสร้างใหม่อีกครั้งเป็นที่เรียบร้อย กำแพงวิหารสีทองส่องประกายเจิดจรัสอย่างสง่างาม
“พวกเดรัจฉานที่ทำชั่วในขณะที่ยังมีชีวิต มีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับเกียรติทั้งๆที่ตายไปแล้ว?” หลิงฮันแสยะยิ้มพร้อมกับปล่อยหมัดเริ่มการทำลายล้าง
‘ครืน ครืน ครืน’ ทั่วทั้งวิหารบรรพบุรุษสั่นสะเทือนแต่ก็ไม่พังทลาย
เหตุผลก็เพราะสถานที่แห่งนี้มีรูปแบบอาคมคุ้มกันติดตั้งเอาไว้ และหลิงฮันก็ไม่ได้มีพลังโจมตีที่รุนแรงเทียบเท่าหานลู่ที่เป็นถึงนิรันดร์สี่นิพพาน แต่ทันทีที่หลิงฮันโคจรเพลิงเก้า วารีพลังหยินเร้นลับ และทักษะอัสนีบาตชำระล้างโลกา พลังทำลายล้างของการโจมตีของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นพรวดพราด
ตามหลักแล้ว พลังทำลายของเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับพลังของพวกมัน ตราบใดที่พลังทั้งสองสัมผัสโดนเป้าหมาย อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลังก็จะบดขยี้ทุกอย่างจนสิ้นซาก!
ในความเป็นจริงอำนาจของอัสนีบาตชำระล้างโลกาก็ทรงพลังมากเช่นกัน เนื่องจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีนั้นเป็นอำนาจที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงที่สุดในโลก แม้ในตอนแรกอำนาจของอัสนีบาตชำระล้างโลกาจะถูกจำกัดเอาไว้เพียงแค่ในระดับสูงสุดของโลกบรรพกาล แต่หลังจากหลิงฮันเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน ขีดจำกัดของทักษะก็ถูกเปิดออกและสามารถยกระดับขึ้นไปได้อีก หากได้รับการขัดเกลาจากพลังของสวรรค์และปฐพีในดินแดนแห่งเซียน
“เกิดอะไรขึ้นกับวิหารบรรพบุรุษ!!”
“นี่ตระกูลติงของพวกเราไปทำบาปอะไรไว้กันแน่ เหตุการณ์เช่นนี้ถึงได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง?”
ใครหลายคนที่กำลังคารวะบรรพบุรุษอยู่ในวิหารบรรพบุรุษร้องโอดครวญก่อนจะปรากฏตัวออกมาและจ้องมองไปยังหลิงฮัน ดวงตาของพวกเขาแต่ละคนส่องประกายโหดเหี้ยมราวกับต้องการจะฉีกกระชากหลิงฮันเป็นชิ้นๆ
“เจ้าตัวบัดซบ!” ปรมาจารย์ที่ทรงพลังคนหนึ่งก้าวออกมา
เขาคือติงซวง นิรันดร์ระดับหนึ่งนิพพาน
ติงซวงผู้นี้คือสมาชิกตระกูบติงที่มีพรสวรรค์โดดเด่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาบรรลุเป็นนิรันดร์ได้รวดเร็วกว่าจอมยุทธทั่วไป รูปลักษณ์ของเขาจึงคงสภาพอยู่ในช่วงอายุสี่สิบปีเท่านั้น
ติงเซี่ยวเฉินเองก็ปรากฏตัว สายตาของเขาจดจ้องไปยังหลิงฮันที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ศัตรูคู่ชีวิตของเขาตรงหน้ามีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินจนเขาทำได้เพียงแหงนมอง ความเกลียดชังที่มีเขาทำได้เพียงแค่ระบายอยู่ในใจ โดยไม่กล้าแสดงออกมาให้อีกฝ่ายเห็น เนื่องจากทุกครั้งที่แสดงออกมา เขาจะต้องถูกหลิงฮันทุบตีจนหมดสภาพ
หลิงฮันโคจรพลังในใจและกล่าว “อสูรสงคราม จงออกมา!”
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเอง คลื่นแสงสามคลื่นก็ลอยพุ่งออกมาจากร่างของเขา
คลื่นแสงสีขาวควบแน่นแปรสภาพกลายเป็นพยัคฆ์ คลื่นแสงสีแดงควบแน่นกลายเป็นวิหค คลื่นแสงสีฟ้าควบแน่นกลายเป็นอสูรอาชาอัสนี
สัตว์อสูรเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดจาก ‘ทักษะสิบอสูรสงคราม’ ทักษะระดับราชานิรันดร์ที่เขาได้รับจากความทรงจำของราชานิรันดร์ว่านโซ่ว!
เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาฝึกฝนบางส่วนของทักษะสิบอสูรสงครามได้สำเร็จ และสามารถเรียกสัตว์อสูรสงครามออกมาได้สามตัว ซึ่งเขาได้ใช้เพลิงเก้าสวรรค์ วารีพลังหยินลี้ลับ และอำนาจสายฟ้าของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เป็นแก่นพลังงาน
ทันทีที่สัตว์อสูรสงครามทั้งสามตัวปรากฏออกมา พวกมันก็ส่งเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า จนทำให้เหล่าจอมยุทธที่อ่อนแอเยี่ยวไหลรดกางเกง
ติงซวงตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขามีความรู้ว่าไม่ว่าสัตว์อสูรตนใดในสามตนนี้จะลงมือ เขาก็ไม่อาจหนีพ้นความตายไปได้
เขาจ้องมองสำรวจหลิงฮันอยู่นานครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าจะเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่าปิดไม่มิด “ระดับโลกียนิพพาน! จะ… จะ… เจ้าบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้ว!”
สวรรค์ช่างไม่มีตา! เหตุใดตัวบัดซบที่สมควรตายหลายพันรอบเช่นนี้ ถึงบรรลุระดับโลกียนิพพานได้สำเร็จกัน!