หานฉีตกตะลึงจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ที่นี่คือห้องสมบัติของตระกูลหานที่มีการคุ้มกันหนาแน่นที่สุด ไม่ต้องเอ่ยถึงการที่คนนอกจะเข้ามาที่นี่เลย ต่อให้เป็นสมาชิกตระกูลหาน ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาที่นี่
เหตุผลที่เขาสามารถเข้าที่นี่ได้เป็นเพราะ ตัวเขาคือบุตรคนเล็กสุดของประมุขตระกูลหาน
สิ่งที่หานฉีไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือ การที่เขาเปิดประตูตำหนักเข้ามาและได้พบเจอกับคนสามคนอยู่ภายในห้อง แถมหนึ่งในสามคนที่ว่าก็ยังเป็นหลิงฮันอีกด้วย
เป็น ไป ได้ อย่าง ไร!
ประโยคที่ผุดขึ้นมาในหัวเขามีเพียงคำห้าคำนี้
เขาใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะตั้งสติได้ และพบว่าทั้งสามคนดูดซับแก่นพลังของบ่อน้ำนิรันดร์ทั้งสิบไปหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
ใบหน้าของหานฉีเศร้าสลด คิดว่าเขาจะเจ็บปวดใจขนาดไหน ที่ต้องมาเห็นว่าบ่อสมุนไพรนิรันดร์อันล้ำค่าถูกคนที่เป็นศัตรูคู่แค้นขโมยไปต่อหน้าต่อตา
“จะ… จะ… เจ้า…” เขาชี้นิ้วไปยังหลิงฮันด้วยร่างกายที่สั่นเครือ ใบหน้าหานฉีในตอนนี้ซีดเผือดราวกับคนหายใจติดขัด
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมาเบาๆก่อนจะกล่าวกับสุนัขตัวดำ “เจ้ารู้อยู่แต่แรกแล้วรึว่าที่นี่คือสถานที่ของตระกูลหาน?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” สุนัขตัวดำกล่าว
หลิงฮันหัวเราะ “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าเห็นว่าเจ้าทำเรื่องดีๆ”
“ฮึ่ม! นายท่านหมาทำแต่เรื่องดีๆตลอดอยู่แล้ว! เจ้าไม่รู้รึไงว่านายท่านหมาถูกเรียกว่าพลเมืองดีตัวอย่าง” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างไม่รู้สึกละอายใจ
สุนัขตัวดำเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นอย่างมาก มันรู้ว่าคนที่เคยไล่ต้อนมันอยู่นานสองนานก่อนหน้านี้คือสมาชิกตระกูลหาน เพราะงั้นมันจึงได้วางแผนลอบเข้ามาปล้นชิงถึงภายในตระกูลหาน
“เจ้า… เจ้า… เจ้า…” หานฉียังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักราวกับสามารถหมดสติไปได้ตลอดเวลา
บ่อน้ำนิรันดร์ที่ถูกแย่งชิงไปนั้น ตระกูลหานต้องใช้เวลาเตรียมการอยู่นานไม่รู้กี่ร้อยล้านปี หากไม่ใช่เพราะบิดาของเขาเป็นประมุขตระกูลหานล่ะก็ เขาคงไม่ได้รับอนุญาติให้มาดูดซับพลังของบ่อนิรันดร์ทั้งๆที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน
นอกจากนั้นจำนวนของบ่อที่เขาสามารถดูดซับได้ก็คือบ่อเดียวเท่านั้น หากเขาฝ่าฝืนไปดูดซับแก่นพลังของบ่ออื่นๆ เขาคงถูกตระกูลลงโทษสถานหนัก ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจถึงขั้นถูกประหาร
แต่ทว่าตอนนี้บ่อนิรันดร์ทั้งสิบกลับถูกผู้อื่นแย่งชิงดูดซับไปจนหมดไม่เหลือแล้ว!
“พวกเจ้าต้องตาย!” หานฉีระเบิดอารมณ์ออกมาในที่สุด และนำธงสงครามออกมา ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ หอกน้ำแข็งถูกควบแน่นขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับเสาหินและพื้นของตระกูลได้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนาแน่น
หลิงฮันโคจรเพลิงเก้าสวรรค์และก้าวเดินขึ้นหน้า ‘พรึบ’ ไอความเย็นที่ปกคลุมอยู่รอบด้านถูกสลายหายไปในพริบตา
เขาพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลังและเดินเข้าใกล้หานฉีด้วยท่าทางสงบนิ่ง
หานฉีกัดฟันและพยายามกวัดแกว่งธงในมือเพื่อไม่ให้หลิงฮันเข้ามาใกล้
ซึ่งความพยายามของเขานั้นสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง ด้วยพลังของหานฉีในตอนนี้ ต่อให้ธงที่อยู่ในมือของเขาเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้
เมื่อเห็นหลิงฮันยิ่งเข้ามาใกล้ๆเรื่อยๆ หานฉีก็ไม่มีทางเลือกอื่นและหันหลังหวังจะหลบหนี
ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลหานที่มีตัวตนทรงพลังคอยดูแลสถานการณ์อยู่ทุกหนแห่ง กล่าวคือที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่หลิงฮันจะลงมือทำอะไรได้ตามใจชอบ
แต่ทันทีที่เขาหันหลัง หลิงฮันก็ทะยานร่างพุ่งเข้ามาคว้าลำคอของเขาเอาไว้
หานฉีตกตะลึงเป็นอย่างมาก นี่กายหยาบของเขาจะถูกทำลายอีกแล้ว?
หลิงฮันไม่คิดจะสังหารอีกฝ่ายให้เปลืองแรง เพราะเขารู้ดีว่าหานฉีต้องมีอำนาจของตัวตนที่ทรงพลังคอยคุ้มครองอยู่แน่นอน เขาผนึกพลังบ่มเพาะของหานฉีและโยนร่างไปให้กับสุนัขตัวดำ พร้อมกับกล่าว “มีวิธีทำให้เขาทรมานโดยไม่ต้องสังหารรึเปล่า?”
สุนัขตัวดำครุ่นคิดก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายด้วยความตื่นเต้น “ให้เป็นหน้าที่ของนายท่านหมาเอง!” แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆใบหน้าของมันก็เปลี่ยนไป “ไม่ได้การแล้ว เจ้าหนูนี้ไปสัมผัสโดนรูปแบบอาคมคุ้มกันเข้า ปรมาจารย์ของตระกูลหานจึงกำลังรุดหน้ามาที่นี่ รีบแบกร่างของเขาแล้วเผ่นกันเร็วเข้า!”
หลิงฮันพยักหน้า ถึงแม้พวกเขาจะปล้นชิงสำเร็จเพียงสองตำหนักและยังเหลือห้องสมบัติอยู่อีกมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับมือกับปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะได้
ต้องล่าถอยสถานเดียว
พวกเขามุ่งหน้ากลับไปยังเส้นทางเก่า หลังจากสุนัขตัวดำซ่อมแซมรูปแบบอาคมทั้งหมดแล้ว ตระกูลหานย่อมไม่รู้ว่าพวกเขาลอบเข้ามาจากเส้นทางไหน
หรือก็คือพวกเขายังสามารถใช้เส้นทางเดิมเพื่อกลับมาที่นี่ได้อีก
พวกเขาเดินทางกลับมายังหลุมสุนัขตรงพุ่มไม้อันเดิม ที่บริเวณท้องฟ้าพวกเขาพบเห็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังเหาะเหินลอยไปมา และใช้สัมผัสสวรรค์กวาดผ่านทั่วพื้นที่ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตระกูลหานรู้ตัวแล้วและกำลังตามหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเอาเป็นเอาตาย
สุนัขตัวดำติดตั้งรูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายชั่วคราวเพื่อส่งร่างของทุกคนหลบหนีออกจากอาณาเขตของตระกูลหาน ก่อนจะเดินทางกลับไปยังรูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายอันเก่าและใช้มันเคลื่อนย้ายกลับสู่เมืองธุลีจันทรา
หลังจากกลับมาถึงรูปแบบอาคมชั่วคราวที่ติดตั้งเอาไว้ใกล้เมืองธุลีจันทรา สุนัขตัวดำก็ขอตัวพร้อมกับแบกร่างของหานฉีไปด้วย เวลาผ่านไปราวๆครึ่งวันมันถึงจะกลับมาโดยที่ร่างของหานฉีไม่อยู่แล้ว “นายท่านหมานำร่างของหมอนั่นไปฝังไว้ในหลุมลึกใต้พุ่มไม้ที่เชื่อมไปยังใต้เมืองแล้ว ขอรับประกันได้เลยว่าต่อให้ตระกูลหานพลิกดินแดนแห่งเซียนเพื่อค้นหา ก็ไม่มีทางพบเจอตัวเขา”
หลิงเผยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะนึกได้ว่าเป็นอย่างที่สุนัขตัวดำกล่าว ปรมาจารย์ระดับนิรันดร์คนใดจะยอมเสียศักดิ์ศรีโดยการขุดดินเพื่อตามหาคน? ส่วนทางด้านหานฉีที่บรรลุเป็นนิรันดร์แล้วนั้น ต่อให้เขาจะมีอายุขัยไม่จำกัด แต่ก็คงไม่อาจได้เห็นดวงตะวันอีกครั้ง
หลังจากหมดธุระที่ต้องทำแล้ว หลิงฮันกับจักพรรดินีก็เก็บตัว เพื่อย่อยซึมซับแก่นพลังที่ดูดมาจากบ่อน้ำนิรันดร์
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ทั้งสองคนก็ปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ ‘ครืนน’ หลังจากการปรากฏตัวของทั้งสอง เมฆสายฟ้าก็ก่อตัวรวมกัน
พวกเขากำลังจะทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์สองนิพพาน!
ทั้งสองคนทำการรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ด้วยพลังต่อสู้อันไร้เทียมทานของทั้งสอง พวกเขาจึงผ่านพ้นมาได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันและจักรพรรดินีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่าตัวเองจะสามารถบรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ความดีความชอบทั้งหมดก็ต้องยกให้กับต้นสังสารวัฏ หากไม่ใช่เพราะต้นสังสารวัฏพวกหลิงฮันคงไม่สามารถย่อยซึมซับพลังที่อยู่ในร่างกายได้ทันเวลา
เวลาผ่านไปอีกครู่หนึ่ง จู่ๆสุนัขตัวดำก็ปรากฏตัว มันเองก็บรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานแล้วเช่นกัน
หลังจากได้เห็นความสามารถอันท้าทายสวรรค์ของสุนัขประหลาดตัวนี้มาแล้ว หลิงฮันก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไป
“หานหงเฟยออกจากเมืองธุลีจันทราไปแล้ว ถึงเวลากลับไปสะสางกับตระกูลติงเสียที” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขารู้ว่าตระกูลติงนั้นเป็นตระกูลที่ไม่มีความดีใดๆหลงเหลืออยู่เลย แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะโหดเหี้ยมถึงขนาดสร้างกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายขึ้นมา
เพื่อที่จะสร้างอาวุธที่ชั่วร้ายขนาดนั้น ไม่รู้ว่ามีกี่ร้อยล้านชีวิตที่ต้องตายไป