หานหงเฟยออกจากเมืองไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจากไปเอง แต่ต้องยอมจากไปเพราะถูกตัวตนที่ทรงพลังจากนิกายจันทราหม่นแสงกดดัน
ซึ่งนั่นก็ช่วยไม่ได้ ที่นี่คืออาณาเขตของนิกายจันทราหม่นแสง พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงส่งนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณมาที่นี่? ต่อให้ตระกูลหานส่งนิรันดร์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะมา นิกายจันทราหม่นแสงก็ยังมีตระกูลฟู่อยู่เบื้องหลังอยู่ดี
ในเมื่อตระกูลติงไม่มีตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณอยู่แล้ว หลิงฮันจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร
เขาและจักรพรรดินีมุ่งหน้าสู่ตระกูลติงอีกครั้ง
“ปะ ปีศาจ! ปีศาจบุกมาแล้ว!” เมื่อเห็นหลิงฮันปรากฏตัว เหล่าทหารยามก็ร้องโอดครวญด้วยความหวาดผวา พวกเขาละทิ้งหน้าที่เฝ้ายามและเผ่นหนีทันที
หลิงฮันลูบคางและครุ่นคิด นี่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียว?
“เจ้าคนชั่ว นี่เจ้ายังกล้ามารนหาที่ตายถึงที่นี่อีกรึ?” ติงซานและติงซงปรากฏตัวพร้อมกัน
“คนชั่ว?” หลิงฮันหัวเราะ “พวกเจ้าที่สร้างอาวุธชั่วร้ายอย่างกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายขึ้นมา ยังมีหน้ามาเรียกผู้อื่นว่าคนชั่วงั้นรึ?”
“แต่เดิมตระกูลติงมีสมาชิกอยู่หลายพันคน แต่เจ้ากลับสังหารพวกเขาจนแทบไม่เหลือ!” ติงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังทำใจเชื่อไม่ได้ว่า รุ่นเยาว์ที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจะนำพาหายนะมาสู่ตระกูลได้ขนาดนี้
หลิงฮันชำเลืองตามองและกล่าว “ที่เขาว่ากันว่าการทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องตัดขาดความรู้สึกทางโลกนั้น ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเจ้าถูกตัดไปจะไม่ใช่ความรู้สึกแต่เป็นสามัญสำนึกแทน”
“ช่างปากดี!” ติงซานคำรามและปล่อยหมัดที่รุนแรงราวกับท้องฟ้าจะถล่ม
หลิงฮันยืนนิ่งโดยไม่หลบหลีกหรือตั้งท่าป้องกัน
“รนหาที่ตาย!” ติงซานคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ข้าเป็นถึงนิรันดร์สามนิพพานที่ทรงพลัง แต่เจ้ากลับอวดดีกล้าที่จะไม่หลบหลีกหรือป้องกันการโจมตีของข้างั้นรึ?
ติงซงที่ยืนอยู่ด้านข้างแสยะยิ้ม รุ่นเยาว์ผู้นี้คิดว่าตนเองไร้เทียมทานถึงขนาดที่จะสามารถรับมือกับการโจมตีของนิรันดร์สามนิพพานได้งั้นรึ?
หมัดของติงซานถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากหมัดถูกควบแน่นกลายเป็นโซ่จำนวนมากที่มีหนามอยู่รอบด้าน เขาตั้งใจจะใช้โซ่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เหล่านี้ทะลวงผ่านร่างหลิงฮัน เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุด
เขาไม่คิดจะให้หลิงฮันตายอย่างรวดเร็วและสบายเกินไป
หลิงฮันแสยะยิ้มและยกมือขวาคว้าไปยังร่างของติงซาน มือปราณก่อเกิดที่พุ่งออกไปนั้น ไม่เพียงผสานไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลา แต่ยังโคจรทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีไปพร้อมๆกันด้วย
ใบหน้าของติงซานแสดงออกถึงความรู้สึกตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด เนื่องจากเขาพบเห็นว่ามือปราณก่อเกิดขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามานั้น มีอำนาจแห่งห้วงเวลาที่ทรงพลังผสานเอาไว้ จนทำให้ดูราวกับว่าเป็นการโจมตีที่อยู่คนละห้วงเวลาและไม่อาจปัดป้องได้
เขาหวาดกลัวจนเผลอหยุดการโจมตีของตัวเองและเตรียมล่าถอย
“คิดหนี?” หลิงฮันหัวเราะ ‘ฝึบ’ มือปราณก่อเกิดของเขาคว้าจับหัวของติงซานเอาไว้แน่น
ติงซานตะเกียกตะกายพยายามดิ้นรนกวัดแกว่งมือและขาไปมา เพื่อหวังที่จะหลุดพ้นจากมือของหลิงฮัน
หลิงฮันเค้นเสียงอย่างไม่แยแส เขาขยับมือขวาเล็กน้อยเพื่อควบคุมมือปราณก่อเกิดให้ทำการบีบรัด เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่กระดูกทั่วร่างของติงซานก็แตกหัก มือและขาที่กวัดแกว่งดิ้นรนไปมาค่อยๆห้อยลงสู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ในขณะเดียวกัน ติงซงที่ยืนดูอยู่ด้านข้างรู้สึกหวาดผวาจนเหงื่อไหลทั่วร่างทันที
นิรันดร์ระดับสามนิพพาน เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮันแล้ว กลับไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!
เหตุการณ์นี้สมควรจะเกิดขึ้นกับคู่ต่อสู้ที่เป็นนิรันดร์สี่นิพพานเท่านั้น!
“นะ… นิรันดร์สองนิพพาน!” ในที่สุดติงซงก็สังเกตเห็น มุมปากของเขากระตุกไปมาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป…
หลิงฮันเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแท้ๆ แต่หลังจากเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน อีกฝ่ายกลับบรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานเสียแล้ว?
สัตว์ประหลาด! รุ่นเยาว์ผู้นี้ต้องเป็นสัตว์ประหลาดไม่ผิดแน่!
นี่ตระกูลติงไปเป็นศัตรูกับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ปล่อยเขาซะ!” แม้ทั่วร่างจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ติงซงก็พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่สมองของเจ้ามีปัญหารึเปล่า?”
ติงซงเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าหลิงฮันไม่มีวันปล่อยติงซานแน่นอน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะให้เขาพูดอะไรนอกจากประโยคเมื่อครู่?
“หากเจ้ายอมปล่อยเขา ตระกูลติงจะยอมสงบศึกและถือว่าพวกเราสองฝ่ายไม่มีความบาดหมางกันอีกต่อไป!” เขากล่าวพร้อมกับกัดฟัน
ณ เวลานี้ไม่มีอะไรเลยที่เขาสามารถทำได้ ขนาดตัวตนระดับตัดวิญญาณหยางก็ยังทำได้เพียงจ้องมองหลิงฮันหลบหนีไปโดยไม่อาจทำอะไรได้ ยิ่งเจ้าหนูนี่สามารถบ่มเพาะพลังได้ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวด้วยแล้ว หากไม่ยอมสะสางความบาดหมาง ตระกูลติงคงได้พังทลายจริงๆแน่
“สงบศึก?” หลิงฮันอุทานอย่างประหลาดใจก่อนจะหัวเราะ ตระกูลติงคิดว่าตนเองเป็นเหยื่อเพียงฝ่ายเดียวหรืออย่างไร?
นอกจากตระกูลติงจะชั่วร้ายถึงขนาดวางแผนทำลายตระกูลหูเพื่อแย่งชิงทักษะแล้ว ตระกูลติงยังโหดเหี้ยมถึงขั้นใช้ชีวิตของคนนับไม่ถ้วนมาหล่อหลอมสร้างกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายขึ้นมาอีกด้วย
หลิงฮันหัวเราะพร้อมกับจับหัวของติงซานแน่นด้วยมือปราณก่อเกิดทั้งสองข้าง เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยเสียงกระโหลกที่แหลกละเอียดของติงซานก็ดังออกมา หลิงฮันโยนร่างของติงซานเข้าใส่ติงซง จนทำให้ติงซงลอยกระเด็นไปกว่าสองสามฟุตถึงจะตั้งหลักได้
ติงซงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบก็รับรู้ได้ทันทีว่าติงซานนั้นได้ตายไปแล้ว แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็แหลกสลายไม่เหลือ
ร่างของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความความเกรี้ยวกราดและความหวาดกลัว
ครั้งหนึ่งรุ่นเยาว์ตรงหน้าเคยเป็นเพียงหนอนแมลงที่พวกเขาสามารถสังหารได้ตามใจนึก แต่ ณ เวลานี้หนอนแมลงที่ว่ากลับแข็งแกร่งขึ้นจนมีพลังพอที่จะสังหารพวกเขาได้แล้ว!
“ผู้อาวุโสติงซง!” สมาชิกตระกูลติงจำนวนหนึ่งปรากฏตัว พวกเขาคือนิรันดร์หนึ่งและสองนิพพานของตระกูลติงที่เพิ่งกลับตระกูลมา เพราะไม่จำเป็นต้องตามหาหลิงฮันอีกต่อไป
พวกเขามาถึงช้าเพียงก้าวเดียว ก็พบว่าติงซานกลายเป็นศพไปเสียแล้ว
นิรันดร์สามนิพพานเสียชีวิตไปอย่างเงียบเชียบโดยที่ไม่มีการผันผวนของการต่อสู้เกิดขึ้นเลยงั้นรึ?
“ติงเหยาหลง หากเจ้าไม่รีบปรากฏตัว ตระกูลติงของเจ้าจะไม่หลงเหลือผู้สืบสกุลแม้แต่คนเดียว!” หลิงฮันโคจรพลังในใจและเรียกสัตว์อสูรสงครามทั้งสามตัวออกมาเริ่มเข่นฆ่าสังหาร
เพียงพริบตาเดียว ทั่วทั้งตระกูลติงก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโอดครวญ