ได้ยินมางั้นรึ?
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “เหอๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าเองก็มีชื่อเสียงพอสมควร”
“ข้าไม่ได้ชมเจ้า!” ฟู่เจิ้งถงแย้งทันที เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่คำพูดของหลิงฮันทำให้เขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ได้ง่ายเหลือเกิน
“ใครกันที่เป็นคนนำเรื่องของข้าไปซุบซิบนินทา?” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฟู่เจิ้งถงแสยะยิ้มไปยังหลิงฮันก่อนจะกล่าว “ผู้สืบทอดของนิกายอาญาสิ้นแสง!”
เป่ยเสวียนหมิงงั้นรึ?
หากเป็นเป่ยเสวียนหมิง เรื่องราวก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เป่ยเสวียนหมิงนั้นเคยถูกเขาทุบตีจนหมดสภาพมาก่อน ซึ่งหมอนั่นก็คงจะมาทำการยุยงฟู่เจิ้งถงให้มาขวางทางเขาที่หน้าประตูสำนักในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่าที่ฟู่เจิ้งถงอาจจะกำลังเบื่อพอดี จึงได้หาเรื่องเม่าไต้ หรือว่าฟู่เจิ้งถงรู้อยู่ก่อนแล้วกันแน่ว่าเม่าไต้เป็นมิตรสหายกับหลิงฮัน จึงได้จงใจหาเรื่อง
แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ที่เม่าไต้ต้องมาเคราะห์ร้ายในวันนี้ ก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ
“เจ้าเป็นลิ่วล้อของเป่ยเสวียนหมิง?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หมอนั่นถูกข้าทุบตีหมดสภาพจนไม่กล้ามาล้างแค้นด้วยตัวเองเลยรึไง ถึงได้ส่งขยะไร้ข้าเช่นเจ้ามาสร้างปัญหาให้ข้าแทน?”
ขยะไร้ค่างั้นรึ?
ฟู่เจิ้งถงแทบจะระเบิดโทสะออกมา
“หลิงฮัน เจ้าคิดว่ามีฟู่เกาหยุนคอยหนุนหลังแล้วจะสามารถทำตัวอวดดีได้?” ฟู่เจิ้งถงกล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม แต่เมื่อสายตาของเขากวาดมองไปยังจักรพรรดิและสตรีนกอมตะ แววตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเขาตกตะลึงในความงดงามของจักรพรรดินี ในด้านของสตรีนกอมตะ ถึงแม้นางเองก็งดงามเช่นกัน แต่ความงามระดับนี้ยังพอพบเจอได้อย่างน้อยสิบคนในเมืองหนึ่งเมือง ยิ่งกว่านั้นนางก็ยังไม่บรรลุระดับโลกียนิพพานด้วย เขาจึงไม่ค่อยรู้สึกสนใจเท่าไหร่
แต่กับจักรพรรดินีนั้นไม่ใช่ แม้รูปลักษณ์ของนางจะถูกปกปิดเอาไว้ แต่เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบและกลิ่นอายอันสูงส่ง รวมถึงพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมาก่อนจะกล่าว “ฟู่เกาหยุนไม่ใช่ผู้สืบทอดของตระกูลฟู่หรอกรึ?”
“ก็แค่หนึ่งในผู้มีคุณสมบัติ!” ฟู่เจิ้งถงกล่าวเหยียดหยาม
“ถ้างั้นเจ้าก็เป็นผู้แย่งชิงตำแหน่งผู้นำด้วยสินะ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม คำพูดที่เขาเอ่ยถามออกไปนั้นเขาเพียงแค่ต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายเท่านั้น หากคนที่ตัดผ่านนิพพานได้ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ มีคุณสมบัติจะกลายเป็นประมุขตระกูลฟู่ในอนาคตล่ะก็ ตระกูลฟู่คงกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะใส่ไปแล้ว
คราวนี้ฟู่เจิ้งถงไม่ได้แสดงท่าเกรี้ยวกราดออก แต่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นคาดหวัง “แน่นอนว่าคนที่มีคุณสมบัติไม่ข้า แต่เป็นนายน้อยไห่! เขาคือผู้สืบทอดที่ในอนาคตจะได้เป็นผู้นำของตระกูลฟู่ หากฟู่เกาหยุนที่มีดีแค่ทักษะบรรเลงพิณได้เป็นผู้นำตระกูลฟู่ล่ะก็ ตระกูลฟู่ก็มีแต่จะได้รับความอัปยศ!”
ดูเหมือนว่าเนื่องจากตำแหน่งประมุขตระกูลจะเป็นอะไรที่น่าดึงดูดมากเกินไป ตระกูลฟู่จึงแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย
หลิงฮันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่า ที่ฟู่เจิ้งถงมาดักสร้างปัญหาให้แก่เขานั้น ไม่ใช่เพราะคำยั่วยุของเป่ยเสวียนหมิงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเขามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฟู่เกาหยุนอีกด้วย
“ข้าไม่สนใจเรื่องภายในของตระกูลฟู่ ใครจะได้รับตำแหน่งประมุขก็ไม่เกี่ยวกับข้า” หลิงฮันส่ายหัว “เพียงแต่ว่าในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายคิดจะท้าทายข้าก่อน หากข้าไม่ทุบตีเจ้าให้ราบคาบ ข้าคงไม่อาจสงบจิตสงบใจได้”
“ฮ่าๆๆ นิรันดร์หนึ่งนิพพานเช่นเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหน?” ฟู่เจิ้งถงหัวเราะ เจ้าหนูนี่คิดว่าตัวเองจะสามารถกร่างไปทั่วได้ เพียงเพราะมีพรสวรรค์เล็กน้อยรึไงกัน?
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “จะมัวพล่ามไร้สาระอยู่ทำไม รีบๆลงมือได้แล้ว เจ้าอาจจะไม่รู้แต่ข้าน่ะชอบทุบตีคนแบบเจ้าเป็นอย่างมาก”
“โอหัง!” ฟู่เจิ้งถงคำรามพร้อมกับพุ่งทะยานปลดปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮัน
‘ครืนนน’ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูออกมาจากร่างของฟู่เจิ้งถง และควบแน่นกลายเป็นโซ่สีดำราวกับแมงมุมที่กำลังพ่นใยขนาดใหญ่
หลิงฮันทะยานร่างขึ้นหน้าเพื่อที่จะรับมือกับอีกฝ่ายซึ่งๆหน้า
พลังต่อสู้ของจักรพรรดินีในตอนนี้นั้นด้อยกว่าเขา นางสามารถต่อกรกับนิรันดร์สามนิพพานได้ แต่ไม่ใช่กับนิรันดร์สี่นิพพาน นอกเสียจากว่าพลังบ่มเพาะของนางจะบรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานขั้นสูงสุด นางถึงจะรับมือกับนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้นได้
หลิงฮันเอื้อมมือออกไปคว้าโซ่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์และออกแรงดึง ร่างของฟู่เจิ้งถงที่ควบคุมโซ่อยู่ เดินกะโผลกกะเผลกไปมาจนทรงตัวไม่ไหว
“นิรันดร์สองนิพพาน!” ฟู่เจิ้งถงตกตะลึงและอุทานออกมา หลังจากหลิงฮันลงมือ เขาถึงเพิ่งรับรู้ถึงพลังบ่มเพาะของหลิงฮัน ซึ่งไม่มีทางมองผิดแน่นอน หากอีกฝ่ายเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานล่ะก็ เขายอมตัดหัวตัวเองเอามาใช้เตะแทนลูกบอลเลย!
เป่ยเสวียนหมิงช่างเชื่อถือไม่ได้ยิ่งนัก ไหนหมอนั่นบอกว่าหลิงฮันเพิ่งทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานสำเร็จ ในหุบเหวสืบสานนิพพานกัน? เห็นได้ชัดว่าหลิงฮันไปที่นั่นเพื่อทะลวงผ่านระดับสองนิพพาน ไม่ใช่เพื่อไปตัดนิพพานครั้งแรก
เขาไม่มีทางเชื่อเป็นอันขาด หากจะบอกว่าหลิงฮันใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากตอนนั้น ยกระดับจากนิรันดร์หนึ่งนิพพาน เป็นนิรันดร์สองนิพพานได้
“นิรันดร์สองนิพพานแล้วจะทำไม?” ฟู่เจิ้งถงพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกลับมาเผยท่าทีเหยียดหยามและเข้าปะทะกับหลิงฮัน
ตัวเขาคือนิรันดร์สี่นิพพาน ต่อให้หลิงฮันเป็นราชาในระดับสองนิพพานก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่
ปัง!
การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน ร่างของทั้งสองฝ่ายสั่นสะท้านก่อนที่จะกระโดดล่าถอยเว้นระยะห่างพร้อมกัน และหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
การโจมตีเมื่อครู่พวกเขาเสมอกัน
ครั้งนี้ใบหน้าของฟู่เจิ้งถงเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด นี่มันเหลือเชื่อเกินไป… นิรันดร์ระดับสองนิพพานสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างไร? ตัวเขาคือนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้น ต่อให้หลิงฮันมีพลังบ่มเพาะระดับสองนิพพานขั้นสูงสุด ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่สมควรเป็นเช่นนี้
แม่เจ้า… หมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกัน?!