“เจ้าคิดว่าตัวเองทำถูกรึไงที่กลั่นแกล้งผู้อื่นเช่นนี้? เจ้าไม่กลัวว่าบาปกรรมจะทำให้บุตรของเจ้าที่เกิดมาไม่มีรูก้นรึยังไง?” เสียงอันเหยียดหยามดังขึ้น พร้อมกับสตรีงดงามผู้หนึ่งที่เดินออกมาจากฝูงชน
นางคือซือถูเซี่ยวเจิน
ในความเป็นจริงต่อให้ไม่มองทุกคนก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เพราะสตรีที่พูดจาโผงผางเช่นนี้มีเพียงไม่กี่คน
“แม่นางเซี่ยวเจิน!” เหล่าคนที่เห็นซือถูเซี่ยวเจินรีบกล่าวทักทายทันที
ซือถูเซี่ยวเจินนั้นถึงแม้นางจะเป็นเพียงนิรันดร์หนึ่งนิพพาน แต่ด้วยการที่เป็นหลานสาวของปรมาจารย์นักปรุงยาสามดาว ทำให้สถานะของนางสูงส่งเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่านางปรากฏตัวแทรกแซงการประลองครั้งนี้ ฟู่ซือหย่วนก็ขมวดคิ้วเคร่งเครียด
“สาวน้อย เจ้าจะมายุ่งเรื่องนี้ไปทำไมกัน?” ฟู่ซือหย่วนยิ้มเป็นมิตรและกล่าวออกไปด้วยท่าทางของผู้อาวุโส ซึ่งไม่เข้ากับรูปลักษณ์อันเยาว์วัยเอาเสียเลย
“สาวน้อยงั้นรึ?” ซือถูเซี่ยวเจินแสยะยิ้ม “เฒ่าชรา คนหน้าตาอัปลักษณ์เช่นเจ้ามีสิทธิ์มาเรียกข้าอย่างสนิทสนมเช่นนั้นรึไง?”
ฟู่ซือหย่วนเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที เขาเคยได้ยินมาเพียงว่าสตรีผู้นี้ปากเสียขนาดไหน แต่ก็เพิ่งเคยมีประสบการณ์ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก
แต่ต่อให้เขาจะไม่สบอารมณ์ขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าซือถูถังเอ็นดูหลานสาวคนนี้ขนาดไหน ต่อให้ตนเองจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม แต่ใครกันจะกล้าลงมือกับหลานสาวของเขา?
ฟู่ซือหย่วนฝืนยิ้ม เขาส่ายมือและกล่าว “สาวน้อย นี่เป็นการประลองที่ยุติธรรม”
“ยุติธรรม? เหอๆ ยุติธรรมงั้นรึ!” ซือถูเซี่ยวเจินยิ้มอย่างมืดมน
“หลิงฮัน เจ้ามากับข้า!” นางกล่าวกับหลิงฮัน “ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครจะกล้าแตะต้องเจ้า?”
หลิงฮันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที การที่สตรีผู้นี้มีความยุติธรรมอันแรงกล้านั้นเขาชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาก็คือเขาต้องการจะประลองเพื่อดูดกลืนดวงวิญญาณวารี
“เอาน่า ก็แค่การประลองเท่านั้น” เขาสะบัดมือให้กับซือถูเซี่ยวเจิน ณ เวลานี้แรงกระตุ้นที่วารีพลังหยินเร้นลับส่งผ่านมาถึงเขาค่อยๆรุนแรงขึ้นทุกที
ซือถูเซี่ยวเจินชะงักแน่นิ่งก่อนจะกล่าว “นี่เจ้าโง่รึเปล่า เจ้าคิดว่าวารีผลึกตะวันดาราใต้เป็นเพียงสมบัติระดับนิรันดร์ทั่วไปหรืออย่างไร?”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าไม่เคยเห็นของแบบนั้นมาก่อน เพราะงั้นก็เลยอยากจะลองมีประสบการณ์ได้ต่อสู้กับมันดูบ้าง”
“เจ้ามันช่างไร้สมอง!” ซือถูเซี่ยวเจินชี้นิ้วใส่หลิงฮันพร้อมและกล่าว “ก็แล้วแต่เจ้า! ข้าไม่ยุ่งเรื่องของเจ้าแล้ว” นางหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับเค้นเสียงฮึดฮัด
ผู้คนโดยรอบเริ่มเกิดความสงสัย ซือถูเซี่ยวเจินยื่นมือเข้าไปช่วยเจ้าแล้ว เหตุใดถึงไม่รับไว้แต่โดยดีกัน?
หมอนี่มีสมองรึเปล่า?
แม้แต่ฟู่ซือหย่วนเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาไม่เชื่อว่าคนที่สามารถบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานได้จะเป็นคนโง่ แต่ถึงยังงั้นเขาก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่า หลิงฮันไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าสามารถรับมือกับวารีผลึกตะวันดาราใต้ได้
ฟู่ซือหย่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร
ศักดิ์ศรีที่เสียไปเพราะเคยพ่ายแพ้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทวงคืนกลับมา
ฟู่เจิ้งถงคำรามและพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮันเนื่องจากทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
‘โฮกกก’ มังกรวารีส่งเสียงคำรามและเริ่มโจมตี ด้วยการที่ตัวมันเกิดมาจากดวงวิญญาณที่สวรรค์และปฐพีเป็นผู้ให้กำเนิด ถึงแม้มันจะได้รับความเสียหายจนไร้สติปัญหา แต่พลังของมันก็ยังแข็งแกร่งเทียบเท่าตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ
น่าเสียดายที่ขีดจำกัดของมันอยู่ที่ระดับแบ่งแยกวิญญาณ และไม่อาจพัฒนาขึ้นสู่ระดับขอบเขตตำหนักอมตะได้ ไม่เช่นนั้นความล้ำค่าของมันคงจะมากกว่านี้หลายเท่า
แต่เกรงว่าถ้าหากมันสามารถพัฒนาพลังเป็นระดับนั้นได้จริง ฟู่เจิ้งคงไม่ได้รับอนุญาติให้นำมาใช้แน่ เพราะอาจจะตกเป็นเป้าหมายของขุมอำนาจระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ได้
มังกรวารีทำการโจมตีด้วยพลังทำลายที่ไม่อาจต้านทาน
หลิงฮันโคจรทักษะแสงอัสนีเพื่อหวังจะพุ่งทะยานเข้าปะทะกับฟู่เจิ้งถงโดยตรง แต่มังกรวารีกลับทรงพลังเกินไป พลังของมันเทียบเท่าได้กับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ หลิงฮันไม่อาจผ่านการขัดขวางของมันไปได้และต้องหันไปรับการโจมตีของมังกรวารีแทน
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงก็เกิดขึ้น หลิงฮันสามารถรับมือกับการโจมตีของมังกรวารีได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าการโจมตีของมังกรวารีนั้นไม่ได้มีพลังทำลายอยู่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่มีพลังทำลายระดับสร้างสรรพสิ่ง
เป็นไปได้อย่างไร!
ทุกคนตกตะลึงจนไร้คำพูด พวกเขาไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาแลกการโจมตีกับมังกรวารี เขาได้ทำการดูดซับพลังและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์บางส่วนจากมันมาเป็นของตัวเอง ซึ่งทำให้ปราณก่อเกิดของเขายกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับจอมยุทธระดับนิรันดร์แล้ว การสะสมปราณก่อเกิดไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไป เนื่องจากการสะสมปราณก่อเกิดนั้น ขอเพียงแค่มีเวลาก็สามารถทำได้แล้ว สำหรับนิรันดร์ที่มีอายุขัยไร้ขีดจำกัด เรื่องเวลาพวกเขาย่อมมีเหลือเฟือ
สิ่งที่สำคัญจริงๆคือการทำให้แก่นกำเนิดพลังของตนเองแข็งแกร่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นหลิงฮัน หากเขาต้องการทำความเข้าใจพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เพื่อทะลวงผ่านระดับล่ะก็ อย่างน้อยในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์วารี เขาไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรมากนัก เพราะแก่นกำเนิดพลังของเขาอย่างเพลิงเก้าสวรรค์ และวารีพลังหยินเร้นลับมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อยู่ในระดับของราชานิรันดร์อยู่แล้ว
กล่าวคือ ในระดับพลังก่อนถึงราชานิรันดร์ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของหลิงฮันจะรวดเร็วกว่าคนอื่นหลายพันเท่า!
หลิงฮันทำการดูดซับพลังของมังกรวารีอย่างต่อเนื่องผ่านการแลกเปลี่ยนการโจมตี แม้การต่อสู้จะดูเหมือนกำลังดุเดือด แต่แท้จริงแล้ว มังกรวารีนั้นค่อยๆอ่อนพลังลงเรื่อยๆ
หากวารีผลึกตะวันดาราใต้ตนนี้มีสติปัญญาล่ะก็ มันคงไม่สู้กับหลิงฮันอย่างสิ้นคิดและยอมโดนดูดพลังแบบนี้แน่
พลังของมังกรวารีเริ่มลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่หลิงฮันนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และรู้สึก กระปรี้กระเปร่าอย่างมาก
“หยุดมือ!” ฟู่ซือหย่วนแทรกแซงการประลอง เขาขมวดคิ้วและกล่าวกับฟู่เจิ้งฉง “เจ้าลองโจมตีข้าด้วยพลังเต็มที่สิ”
ฟู่เจิ้งฉงที่กำลังตกตะลึงจนตัวแข็งค้างอยู่ได้สติขึ้นมา
มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เป็นไปได้อย่างไรที่วารีผลึกตะวันดาราใต้จะไร้ประโยชน์ถึงขนาดกำจัดนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานไม่ได้
เขาควบคุมมังกรวารีให้โจมตีเข้าใส่ฟู่ซือหย่วน
‘ตูม’ มังกรวารีควบแน่นอำนาจของสวรรค์และปฐพีเป็นคลื่นวารีขนาดใหญ่ แต่หลังจากที่มันโจมตีออกไป ฟู่ซือหย่วนก็แสดงท่าทีตกตะลึงออกมา แม้การโจมตีของมังกรวารีจะดูทรงพลัง แต่พลังทำลายของมันก็อยู่แค่ในระดับของโลกียนิพพานสี่นิพพานขั้นต้นเท่านั้น
เขา ‘เข้าใจ’ ทันทีว่าทำไมหลิงฮันถึงสามารถรับมือกับมังกรวารีได้ ที่แท้พลังของมังกรวารีก็เป็นของปลอม!
วารีผลึกตะวันดาราใต้ “…..”