หลิงฮันจ้องมองฟู่ทงไห่อยู่ครู่หนึ่ง
กล่าวกันตามตรงแล้ว บุรุษผู้นี้มีกลิ่นอายน่าดึงดูดที่น่าเกรงขามมาก และสามารถผูกมัดจิตใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าจิตใจของเขานั้นแม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจบ่งการได้ มีรึที่เขาจะถูกใครชักจูง?
ต่อให้เป็นความสัมพันธ์ของเขากับฟู่เกาหยุนก็ยังเป็นเพียงมิตรสหาย ไม่ใช่เจ้านายและผู้ติดตาม
แต่เรื่องนี้ต่อให้เล่าไปจะมีใครเชื่อกัน?
ฟู่ทงไห่คนหนึ่งที่ไม่คิดเช่นนั้น เพราะงั้นเขาถึงพยายามทำทุกวิถีทางในการโน้มน้าวหลิงฮัน โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านอกจากการโน้มนาวจะไม่มีทางสำเร็จแล้ว มันยังจะทำให้หลิงฮันเกิดความรู้สึกรังเกียจเสียด้วยซ้ำ
หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไร ข้าแค่อยากใช้ชีวิตของข้าอย่างสงบสุขอยู่เงียบๆเท่านั้น เพราะเหตุนั้นเกรงว่าข้าคงไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของพี่ชายไห่ได้”
วาจาประดุจผายลม!
แล้วที่เจ้าบอกกับหลิวฮวายยวี่ล่ะมันคืออะไร? เจ้าบอกว่าอยากเป็นราชานิรันดร์ไม่ใช่รึไง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าไม่มีความทะเยอทะยานงั้นรึ?
สีหน้าของฟู่ทงไห่อึมครึมเป็นอย่างมาก หากเขาชักชวนหลิงฮันมาเป็นพวกได้ไม่สำเร็จ ตำแหน่งประมุขตระกูลจะต้องตกเป็นของฟู่เกาหยุนแน่นอน
ไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้!
เขากล่าวยื่นข้อเสนอต่างๆมากมาย โดยที่ยอมแม้กระทั่งนำหลิวฮวายยวี่มาเป็นข้อต่อรอง ตราบใดที่หลิงฮันพยักหน้าตกลง การที่เขาจะมอบสตรีงดงามอย่างนางให้ไปเป็นนางสนมก็ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หลิงฮันเกิดความรู้สึกเหยียดหยามต่อฟู่ทงไห่ทันที อีกฝ่ายต้องมีนิสัยแบบใดที่ถึงขนาดยกผู้ติดตามของตนเองให้กับคนอื่นได้ราวกับเป็นสิ่งของ
แต่ในมุมมองของฟู่ทงไห่นั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับตำแหน่งผู้นำตระกูล เพื่อที่จะได้ครอบครองตำแหน่งนี้ ไม่มีอะไรที่เขายอมเสียสละไม่ได้ หากในอนาคตเขาได้เป็นผู้นำตระกูลเมื่อใด ผลประโยชน์ที่เขาได้รับกลับคืนมาจะมากกว่าเดิมนับพันนับหมื่นเท่า
หลิงฮันไม่มีความคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ใดๆกับฟู่ทงไห่ แถมตอนนี้ในจิตใจของเขายังเกิดความรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายไปด้วยแล้ว เขากล่าวออกไปอย่างไม่แยแส “ข้าชักจะเหนื่อยแล้ว ขอเชิญพี่ชายไห่กลับไปด้วย”
สีหน้าของฟู่ทงไห่เปลี่ยนเป็นเย็นชาจนถึงขีดสุด ในที่ชีวิตนี้เขาไม่เคยถูกใครไล่ให้กลับไปมาก่อน
ที่ผ่านๆเขามักจะเป็นเพียงฝ่ายเดียว ที่สามารถทำการขับไสไล่ส่งให้คนอื่นๆไปให้พ้นๆหน้าได้ เป็นไปได้อย่างไรที่วันหนึ่งเขาจะกลายมาเป็นผู้ถูกขับไล่เสียเอง?
ฟู่ทงไห่แสยะยิ้มอย่างเหยียดหยามในใจ หลิงฮันจะต้องถูกฟู่เกาหยุนชี้นำอยู่แน่นอน ไม่รู้ว่าฟู่เกาหยุนจ่ายเงินจำนวนมหาศาลขนาดไหนไป ถึงได้ทำให้หมอนี่อยู่ภายใต้คำสั่งของตนได้
เขาตัดสินใจทันทีว่าต้องทำการตรวจสอบการใช้จ่ายของฟู่เกาหยุนอย่างถี่ถ้วน หากพบว่าฟู่เกาหยุนใช้เงินของตระกูลในการโน้มน้าวหลิงฮันล่ะก็ อีกฝ่ายจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน หรือดีไม่ดี ฟู่เกาหยุนอาจจะถูกตัดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดเลยด้วยซ้ำ!
เขามองไปยังหลิงฮันและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชายฮัน เจ้าคิดจะไปเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงสินะ?”
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ไม่ผิด”
“ในฐานะที่ในอดีตข้าเคยมีประสบการณ์จากที่นั่นมาก่อน ข้าขอเตือนน้องชายฮันอย่างหนึ่งว่า ภายในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงมีภัยอันตรายซุกซ่อนอยู่มากมาย หากไม่ระวังตัวให้ดี เจ้าอาจจะนำชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่นได้!” เขากล่าวและตบไหล่หลิงฮัน แม้คำพูดและการกระทำของเขาจะดูเหมือนพยายามเตือนหลิงฮัน แต่แท้จริงแล้วมันคือคำข่มขู่
หลิงฮันหัวเราะ ในเมื่ออีกฝ่ายเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยอีกต่อไป “ชีวิตของข้าพบเจอภัยอันตรายอยู่ตลอดเวลา พี่ชายไห่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“งั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” ฟู่ทงไห่หันหลังจากไป ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและตัดสินใจส่งคนเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงเพื่อสังหารหลิงฮัน
ภายในเขตแดนลี้ลับนั้น ตราบใดที่ไม่มีพยานรู้เห็น ใครจะไปสนใจว่ามีใครตาย?
ยิ่งกว่านั้น เป่ยเสวียนหมิงก็ยังรอจัดการกับหลิงฮันอยู่ด้วยเช่นกัน อีกฝ่ายกล่าวเอาไว้ว่าต้องการสั่งสอนหลิงฮันด้วยมือตัวเอง เพราะงั้นแล้วไม่ใช่ว่าภายในเขตแดนลี้ลับคือสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดหรอกรึ?
นิกายอาญาสิ้นแสงมีปรมาจารย์อยู่มากมาย
ถึงแม้คนของนิกายอาญาสิ้นแสงหลายคนจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอด แต่พวกเขาก็มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธที่สูงส่ง และขัดเกลาพลังบ่มเพาะในระดับโลกียนิพพานมานานแล้วไม่รู้กี่ร้อยล้านปี
เหล่าคนประเภทนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก พลังต่อสู้ของพวกเขาอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้สืบทอดบางคนด้วยซ้ำ!
ฟู่ทงไห่เชื่อว่าปรมาจารย์เช่นนั้นที่จะตามเป่ยเสวียนหมิงเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับด้วยต้องมีอยู่มากมาย เพราะงั้นหากหลิงฮันไปพบเจอกับเป่ยเสวียนหมิงภายในเขตแดนลี้ลับ หลิงฮันจะต้องตายอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นก็ยังมีตระกูลเซียวและตระกูลหานอีก!
ฟู่ทงไห่นึกขึ้นมาได้ว่าหลิงฮันเป็นตัวปัญหาขนาดไหน อีกฝ่ายเป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแท้ๆ แต่กลับล่วงเกินขุมอำนาจสองดาวและสามดาวไปแล้วมากมาย การที่หลิงฮันยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงวันนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว
“แต่ปาฏิหาริย์นั่นก็ถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว เนื่องจากครั้งนี้ข้าผู้นี้จะเป็นคนจัดการเอง!” ฟู่ทงไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“แต่ต่อให้ข้าไม่ลงมือ ข้าก็ไม่คิดว่าอีกสองคนจะยอมนิ่งเฉยเช่นกัน” มุมปากของฟู่ทงไห่ยกขึ้น
สองคนที่เขาเอ่ยถึงย่อมหมายถึงผู้สืบทอดอีกสองคนอย่างฟู่เซียวผิงและฟู่ปิงปิง เป็นไปได้รึที่ทั้งสองคนจะไม่รีบลงมือ?
ทั้งสองสมควรตระหนักได้เช่นกันว่า ณ เวลานี้ทุกคนไม่สามารถเอาชนะฟู่เกาหยุนได้ ในเมื่อโน้มน้ามหลิงฮันให้เข้าร่วมฝ่ายตนไม่สำเร็จ ก็เหลืออยู่วิธีเดียวคือต้องสังหารหลิงฮันในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง
“หลิงฮัน… หากครั้งนี้เจ้ายังรอดชีวิตไปได้ ข้าจะขอเปลี่ยนแซ่ไปเป็นของเจ้าเลย!” เขาเหลือบตามองไปยังที่พักด้านหลัง ก่อนจะสะบัดมือและเดินจากไป
ภายในที่พัก หลิงฮันกำลังนั่งใช้มือลูบคางและครุ่นคิดด้วยความรู้สึกสงสัย
เขาไม่เคยคิดที่จะทำอะไรให้เป็นที่โดดเด่นภายในตระกูลฟู่แท้ๆ เป้าหมายของเขาในการมาอยู่ที่นี่คือตามหาสถานที่ตั้งของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เพียงอย่างเดียว แต่เหตุเรื่องราวปัญหาต่างๆถึงได้เกิดขึ้นมากมายอย่างไร้เหตุขนาดนี้?
น่าแปลกนัก
“ไม่ต้องไปคิดมากหรอก เจ้าที่เป็นตัวปัญหาอย่างแท้จริงนั้น หากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสิถึงจะเรียกว่าแปลก” สตรีนกอมตะสวรรค์เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางชินชา
หลิงฮันจับภรรยาของตนเข้ามากอดในอ้อมแขนและกล่าว “เจ้าพูดแบบนั้นกับคนที่เป็นสามีได้อย่างไร?”
สตรีนกอมตะยิ้ม การที่ได้เป็นภรรยาของบุรุษเช่นนี้ก็มีข้อดีคือนางไม่จำเป็นต้องกังวลว่าชีวิตจะไม่มีสีสัน เพราะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา