แน่นอนว่าฟู่เกาหยุนย่อมไม่เชื่อว่าสตรีชุดขาวจะกลับมา
แต่ถึงแม้จะไม่เชื่อเขาก็ไม่ได้กล่าวออกไปตรงๆและทำเพียงฝืนยิ้มให้กับหลิงฮัน
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์ที่ฟู่เกาหยุนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สตรีชุดขาวปรากฏตัวอีกครั้ง!
ครั้งนี้ใบหน้าของนางประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มแสนงดงาม ทันทีที่เห็นหลิงฮัน นางก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “จิ่งเยว่ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการล่วงเกินนายน้อยไป ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ตราบใดที่นายน้อยให้อภัย ต่อให้ต้องคุกเข่าข้าก็ยอม!”
ดวงตาและปากของฟู่เกาหยุนเปิดกว้างด้วยความตะลึง
สตรีผู้นี้คือสตรีรับใช้คนสนิทของธิดาโร๋ว ต่อให้อยู่ต่อหน้าผู้สืบทอดตระกูลฟู่เช่นเขา นางก็ยังมีท่าทีไม่แยแส ใครจะไปคาดคิดว่าสตรีที่หยิ่งทะนงผู้นี้จะยินยอมถึงขนาดคุกเข่าเพื่อขออภัยหลิงฮัน?
ฟู่เก่าหยุนไม่ใช่คนโง่ เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าการจะแก้ไขฟื้นฟูทักษะที่ไม่สมบูรณ์จะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วธิดาโร๋วคงไม่ยอมให้คนรับใช้ของตนมาคุกเข่าขออภัยเช่นนี้
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ท่าทางของเจ้าในตอนนี้ถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่ไหนล่ะความจริงใจที่บอกว่าจะยอมคุกเข่า?”
“นายน้อย… ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!” สตรีชุดขาวคุกเข่าลงกับพื้นและโค้งร่างส่วนบน
ก่อนหน้านี้ที่นางกลับไปยังเรือรบของนิกายซู่หนู่ นางถูกธิดาโร๋วตำหนิอย่างรุนแรง และโดนกำชับมาอย่างหนักแน่นว่าต้องเชิญชวนหลิงฮันมาให้ได้
“นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ โปรดยอมยกโทษให้ตัวตนต่ำต้อยเช่นข้าสักครั้ง!”
หลิงฮันไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยิ่งอีกฝ่ายถึงขนาดยอมคุกเข่าก้มหัวเพื่อขออภัยด้วยแล้ว เขาจึงไม่คิดจะถือสาเอาความอีกต่อไป เขาลืมตาลุกขึ้นยืนและกล่าว “ตกลง งั้นก็ไปพบคุณหนูของเจ้ากัน”
จักรพรรดินีเองก็ตั้งใจจะติดตามไปด้วย นางต้องการเห็นธิดาโร๋วที่ทุกคนเรื่องลือกัน ว่าจะงดงามแค่ไหนหากเทียบกับนาง
สตรีชุดขาวตั้งใจจะห้ามจักรพรรดินี แต่เมื่อมองไปยังหลิงฮันแล้ว นางก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่โต้แย้งอะไร
ทั้งสี่คนทำการเหาะเหินไปยังเรือรบของนิกายซู่หนู่ด้วยกัน
บนเรือรบแม้จะมีศิษย์สตรีเรือตรวจการอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มาขวางทางพวกหลิงฮัน เพราะกลุ่มของพวกเขามีสตรีชุดดาวเดินนำอยู่ หลังจากมาถึงเรือรบแล้ว ทั้งสี่คนก็เดินมายังห้องพักเรือที่ใหญ่ที่สุด
“โปรดรอสักครู่” สตรีชุดขาวกล่าวก่อนจะเคาะประตู
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงอันเฉื่อยชาก็ดังขึ้น “เข้ามาได้”
เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากประตูห้อง ถึงแม้จะไม่ดังมากแต่ก็ก้องกังวาลและน่าเย้ายวนจนสามารถทำให้จิตใจผู้คนหวั่นไหว
ขนาดยังไม่ทันได้เห็นหน้า แต่เพียงแค่เสียงยังทำให้ผู้คนหลงใหลได้ นี่แสดงให้เห็นว่าสตรีที่อยู่ภายในห้องนี้มีความงามที่น่าดึงดูดขนาดไหน
สตรีชุดขาวผลักเปิดประตูและทำท่าทางเรียนเชิญให้พวกหลิงฮันเข้าห้อง
ฟู่เกาหยุนเป็นคนแรกที่เดินเข้าไป ตามมาด้วยหลิงฮันที่เดินเคียงคู่เข้าไปพร้อมกับจักรพรรดินี ทันที่พวกเขาเข้าไป ภาพแรกที่พบเห็นก็คือสตรีผู้หนึ่งที่นอนอยู่บนเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่
สตรีผู้นี้สวมชุดกระโปรงยาวสีครีมและมีผิวที่ขาวกระจ่างใส รูปลักษณ์อันงดงามของนางเมื่อเทียบกับจักรพรรดินีแล้วค่อนข้างด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ดวงตาที่ส่องประกายอย่างมีเสน่ห์ของนางราวกับมีมนต์สะกดที่สามารถทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว
เพียงแค่ชำเลืองมอง หลิงฮันก็รับรู้ได้ว่าสตรีผู้นี้เป็นสตรีที่ทรงเสน่ห์อย่างมาก ถึงแม้นางรูปลักษณ์ของนางจะไม่ได้งดงามเทียบเท่ากับฮูหนิวหรือจักรพรรดินี แต่ด้วยทักษะยั่วยวนที่นางบ่มเพาะได้ทำให้เสน่ห์ของนางถูกยกระดับขึ้นมา ความงดงามโดยรวมจึงไม่ถือว่าด้อยกว่าฮูหนิวและจักรพรรดินีเท่าไหร่นัก
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมฟู่เกาหยุนหรือราชาคนอื่นๆต้องการครอบครองสตรีผู้นี้ ถ้าหากหลิงฮันในตอนนี้ไม่ได้มีภรรยาล่ะก็ บางทีเขาอาจจะต้องการครอบครองสตรีผู้นี้เช่นกัน
หลิงฮันละสายตาออกมาจากธิดาโร๋วและนั่งลงพร้อมกับจักรพรรดินี
ธิดาโร๋วที่เห็นท่าทางของหลิงฮันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเห็นบุรุษที่มีท่าทีไม่สนใจนางมาก่อน แต่บุรุษเหล่านั้นมีใครบ้างที่ไม่สนใจนางจริงๆ? คนเหล่านั้นก็แค่จงใจแสร้งทำเป็นไม่สนใจนาง เพื่อดึงดูดความสนใจของนางเท่านั้น ซึ่งนางเคยพบเห็นบุรุษประเภทนั้นมาเยอะแล้ว
แต่ในกรณีของหลิงฮันนางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสแสร้ง เนื่องจากดวงตาของเขาไม่ปรากฏร่องรอยของความลุ่มหลงอยู่เลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับฟู่เกาหยุน ถึงแม้ฟู่เกาหยุนจะเป็นราชาแห่งยุคสมัย แต่เขาก็ไม่อาจเก็บซ่อนตัณหาภายในจิตใจได้อย่างสมบูรณ์
“ท่านคือคุณชายหลิงฮันสินะ?” ใบหน้าของธิดาโร๋วเผยรอยยิ้มที่ไม่ได้หยิ่งทะนงเหมือนจักรพรรดินี หรือไม่ได้น่าเอ็นดูเหมือนกับฮูหนิว แต่เป็นรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ในแบบของนางเอง
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ข้าคือหลิงฮัน”
“เห็นคุณชายฟู่บอกว่าคนที่แก้ไขทักษะให้สมบูรณ์ได้คือคุณชายหลิง เรื่องนี้เป็นความจริงรึ?” นางเอ่ยถามอีกครั้ง
หลิงฮันคร้านจะเสียเวลาเล่นลิ้นกับนาง จึงได้กล่าวออกไปตรงๆ “หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยแก้ไขทักษะทุกส่วนให้สมบูรณ์ก็นำทักษะออกมาให้ข้าดู แล้วข้าจะช่วยศึกษาทักษะให้อย่างค่อยเป็นค่อยไป”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ธิดาโร๋วก็แสดงท่าทีลังเล
ทักษะที่ว่านั้น นางได้รับมาด้วยความบังเอิญ และด้วยการที่มันเป็นทักษะที่ไม่สมบูรณ์นางจึงไม่กล้าผลีผลามฝึกฝนมันเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย
แม้คำอธิบายของทักษะจะไม่สมบูรณ์ แต่นางมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่ามันจะต้องเป็นทักษะที่ล้ำค่าแน่นอน
เหตุผลที่นางยอมให้คนอื่นได้เห็นทักษะที่ไม่สมบูรณ์นั้นเป็นเพราะ กระดาษที่แจกจ่ายออกไปเขียนเอาไว้เพียงส่วนเดียวของทักษะ ซึ่งไม่มีทางที่จะคาดเดาเนื้อหาส่วนอื่นได้
แต่ไม่ว่าทักษะจะล้ำค่าขนาดไหน หากนางไม่สามารถใช้งานได้และเก็บเอาไว้เฉยๆ มันก็ไม่มีค่าอะไรอยู่ดี
เพราะงั้นนางจึงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน “ตกลง!” นางพยักหน้ากล่าวและมองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทางขุ่นเคืองเล็กน้อย เนื่องจากบุรุษผู้นี้ตัดบทพูดกับนางไปอย่างห้วนๆ และข้ามไปสนใจเรื่องการแก้ไขทักษะเลย!
ช่างเป็นบุรุษหัวทึ่มที่ไร้อภิรมย์ในความรักจริงๆ!