ที่นี่มีผู้ครอบครองแก่นกำเนิดนิรันดร์อยู่ถึงสี่คน!
น่าอัศจรรย์…
“ลั่วจ่างเฟิง!” ใครบางคนจู่ๆก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ราชาเช่นพวกเขาสมควรไม่หวั่นเกรงใครแท้ๆ แต่เหตุใดเสียงของผู้นั้นถึงได้สั่นเครือนด้วยความตกตะลึงกัน?
“จ่างเฟิง? ลั่วจ่างเฟิง? หรือว่า!” หลังจากที่คนอื่นๆครุ่นคิดอยู่สักพัก พวกเขาเองก็เผยท่าทางตกตะลึงออกมาตามๆกัน
ลั่วจ่างเฟิง ผู้สืบทอดแห่งตำหนักเมฆาอัสนี… ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
ไม่คาคคิดว่าเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง จะสามารถดึงดูดตัวตนอย่างผู้สืบทอดขุมอำนาจ ระดับราชานิรันดร์ได้!
“จื่อเหอปิงอวิ๋น!” ใครอีกคนมองไปยังสตรีงดงามชุดแดงและกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
ตระกูลจื่อเหอคือขุมอำนาจที่คงอยู่มานานไม่รู้กี่ล้านปี โดยที่ผู้ก่อตั้งตระกูลยังคงมีชีวิตอยู่ และผู้ก่อตั้งคนนั้นคือตัวตนระดับราชานิรันดร์!
ถูกแล้ว ตระกูลจื่อเหอก็เป็นขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์
เหลือเชื่อ เป็นเพราะผู้สืบทอดจากขุมอำนาระดับราชานิรันดร์มาที่นี่ถึงสองคนพร้อมกันนี่เอง เรือรบระดับสี่ดาวถึงได้ถูกส่งออกมา
ในดินแดนแห่งเซียนนั้น ไม่มีเรือรบระดับห้าดาวเนื่องจากไม่มีใครสามารถสร้างมันขึ้นมาได้
ลั่วจ่างเฟิงกวาดสายตามองฝูงชนและยิ้ม “ทุกๆคน แม่นางปิงอวิ๋นและข้าคงไม่ได้มารบกวนพวกเจ้าหรอกนะ?”
“มะ… ไม่เลย!” ทุกคนรีบส่ายหัว
ต่อให้การปรากฏตัวของทั้งสองจะเป็นการรบกวนจริง แต่ใครกันจะกล้าพูดออกไป?
“ข้าได้ยินมาว่าเขตแดนลี้ลับกำลังจะเปิดออกที่นี่ ซึ่งข้ากับแม่นางปิงอวิ๋นบังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดี พวกข้าก็เลยคิดว่าอยากเข้าไปหาประสบการณ์ที่ด้านในเขตแดนลี้ลับดู” ลั่วจ่างเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางเป็นกันเองของลั่วจ่างเฟิง ความรู้สึกตึงเครียดของทุกคนก็ค่อยๆหายไป
ลั่วจ่างเฟิงดูแล้วเหมือนจะเป็นคนที่เข้าหาง่าย ในขณะที่จื่อเหอปิงอวิ๋นนั้นตรงกันข้าม นางเผยสีหน้าเย็นชาที่ทำให้ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้
“นั่นรึธิดาโร๋ว?” ลั่วจ่างเฟิงมองไปยังธิดาโร๋ว แม่แต่คนที่เป็นถึงผู้สืบทอดขุมอำนาระดับราชานิรันดร์เช่นเขาก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึง
“ธิดาโร๋วช่างงดงามอย่างแท้จริง ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของแม่นางมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งการได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองในวันนี้ ทำให้รู้เลยว่าธิดาโร๋วงดงามดั่งคำร่ำลือจริงๆ”
ธิดาโร๋วยิ้มตอบกลับพอเป็นพิธี นางไม่ใช่คนที่เมื่อมีใครยกยอปอปั้นแล้วจะวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของคนผู้นั้น
ลั่วจ่างเฟิงดูสนใจในตัวธิดาโร๋วเป็นอย่างมาก คำพูดที่เขาเอ่ยกับฝูงชนนั้น อย่างน้อยสามในสิบประโยคล้วนแต่เอ่ยถึงธิดาโร๋ว
ลั่วจ่างเฟิงยิ้มและเอ่ยกล่าว “ในเมื่อเขตแดนลี้ลับก็ยังไม่เปิดออก พวกเราไม่มาประลองแลกเปลี่ยนวรยุทธกันหน่อยรึ?”
เจ้าก็เอากับเขาด้วยรึ?
เหล่าฝูงชนนึกถึงหลิงฮันขึ้นมาทันที เนื่องจากที่พวกเขามาท้าประลองหลิงฮันในตอนนี้ก็เป็นเพราะธิดาโร๋วเป็นสาเหตุ การที่ลั่วจ่างเฟิงกล่าวว่าต้องการประลองนั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการแสดงพลังให้ธิดาโร๋วเห็น
หากพูดถึงขุมอำนาจเบื้องหลัง ไม่มีใครในที่นี้ที่เทียบชั้นกับลั่วจ่างเฟิงได้ แต่หากเป็นพลังล่ะก็พวกเขาสามารถเทียบได้!
ในฐานะราชาแห่งยุค ในหมู่พวกเขาใครกันจะคิดว่าตนเองอ่อนแอกว่าคนอื่น?
ลั่วจ่างเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งทะลวงผ่านระดับสามนิพพานมาได้ไม่นาน เพราะงั้นคนที่จะท้าประลองข้าได้จึงต้องเป็นนิรันดร์สามนิพพานและสี่นิพพาน”
เหล่าฝูงชนหลายคนรู้สึกหึกเหิมและอยากท้าประลอง
“ข้ามีชื่อว่าเชียนจ้าวเถี้ยน ระดับพลังบ่มเพาะคือนิรันดร์สามนิพพานขั้นสูงสุด นายน้อยจ่างเฟิงโปรดชี้แนะข้าด้วย!” เชียนจ้าวเถี้ยนเป็นคนแรกที่ท้าประลอง ก่อนหน้านี้เขาถูกจักรพรรดินีทำให้อัปยศเป็นอย่างมาก จึงอยากกู้หน้าคืนให้เร็วที่สุด
ลั่วจ่างเฟิงพาดมือไว้ด้านหลังและกล่าว “ลงมือได้”
เชียนจ้าวเถี้ยนไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เพราะว่าถึงแม้เขากับลั่วจ่างเฟิงจะมีพลังระดับสามนิพพานเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานขั้นต้น ในขณะที่เขาเป็นนิรันดร์สามนิพพานขั้นสูงสุด การที่อีกฝ่ายทำท่าทางไม่แยแสเช่นนั้น จะไม่หยิ่งทะนงตนเกินไปหน่อยรึ?
เชียนจ้าวเถี้ยนคำรามเสียงเบาพร้อมกับโคจรทักษะ เขาอ้าปากกว้างปลดปล่อยห้วงดาราจักรออกมาจากปาก ดวงดาวนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยนกลายเป็นคมดาบพุ่งทะยานเข้าใส่ลั่วจ่างเฟิง
ร่างของลั่วจ่างเฟิงสั่นไหวเล็กน้อยและปล่อยหมัดเข้าใส่ห้วงดาราจักร ‘ตูม’ ห้วงดาราจักรถูกบดขยี้ในพริบตา และคลื่นหมัดที่ยังไม่สลายไปได้พุ่งกระแทกใส่หน้าของเชียนจ้าวเถี้ยนจนลอยกระเด็นขึ้นฟ้า
ลั่วจ่างเฟิงเก็บหมัดและกล่าวอย่างไม่แยแส “ต่อไปเป็นใคร?”
ขะ… แข็งแกร่ง!
ทุกคนตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้เห็นหมัดเมื่อครู่ อย่างที่รู้กันว่าเชียนจ้าวเถี้ยนนั้นคือราชาแห่งยุค ในระดับพลังเดียวกันเขาสมควรไร้เทียมทานแท้ๆ ซึ่งต่อให้พบเจอศัตรูที่เป็นราชาเหมือนกัน ก็ต้องแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันก่อนอย่างน้อยหลายหมื่นกระบวนท่า ถึงจะเห็นความแตกต่างว่าใครแข็งแกร่งกว่า
แต่ทว่า ลั่วจ่างเฟิงที่ดูโจมตีลวกๆกลับสามารถโค่นเชียนจ้าวเถี้ยนนั้นได้ในหนึ่งกระบวนท่า
ความต่างของพลังขนาดนี้มันอะไรกัน?
เหตุใดลั่วจ่างเฟิงถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
จักรพรรดินีขมวดคิ้ว เพลิงสู้รบของนางลุกโชน
ลั่วจ่างเฟิงบรรลุนิรันดร์ด้วยการตัดขาดสวรรค์และปฐพี เพราะงั้นพลังต่อสู้ของเขาจึงแข็งแกร่งจนสามารถสู้ข้ามระดับได้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ครอบครองแก่นกำเนิดนิรันดร์ด้วยแล้ว หากกระตุ้นใช้งานอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ พลังต่อสู้ของเขายังจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นไปกว่านี้ได้อีก
ณ เวลานี้ ไม่มีใครผลีผลามเสนอตัวขอท้าประลองอีกต่อไป
ถึงแม้ลั่วจ่างเฟิงกับพวกเขาจะเป็นราชาแห่งยุคเหมือนกัน แต่พลังต่อสู้กับห่างชั้นราวกับสวรรค์และปฐพี
นี่น่ะรึจอมยุทธที่ถูกบ่มเพาะโดยขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
ดวงตาของสตรีมากมายส่องประกาย ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียน ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่ต้องหลงไหลและเคารพผู้แข็งแกร่ง
ทางด้านของธิดาโร๋วเผยแววตาที่แสดงถึงความเลื่อมใส
ความเป็นจริงนั้นหากจะมีใครเอาชนะใจนางได้ล่ะก็ คนผู้นั้นจะต้องสามารถเอาชนะนางได้ในระดับเดียวกันเป็นอย่างน้อย
แต่นางที่เป็นราชาแห่งยุคและยังมีแก่นกำเนิดนิรันดร์ด้วยแล้ว ต่อให้เป็นฟู่เกาหยุนหรือราชาแห่งยุคคนอื่นๆก็ทำได้เพียงศิโรราบต่อหน้าหน้า
จากที่เห็นเมื่อครู่นี้ พลังต่อสู้ในระดับเดียวกันของลั่วจ่างเฟิงจะต้องแข็งแกร่งกว่านางมากแน่นอน ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะทำให้จิตใจของนางเริ่มหวั่นไหว