ในที่สุดเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงก็เปิดออก
ในทุกๆสามสิบล้านปี ภายในเขตแดนจะเกิดภูเขาจะระเบิดครั้งรุนแรง ซึ่งทั้งทำให้ศิลาโลหิตมังถูกปล่อยออกมา แถมยังสลายแรงกดดันที่อยู่ด้านใน ทำให้ผู้คนสามารถเข้าไปได้
ร่างของใครหลายคนได้ทะยานลงจากเรือรบมายังด้านหน้าเขตแดนลี้ลับ หลายคนในเวลานี้ได้สวมใส่ชุดเกราะสีแดงเอาไว้ แต่ก็มีบางส่วนที่สวมใส่ชุดธรรมดา
เกราะสีแดงคือเกราะโลหิตมังกร หากไม่สวมใส่ชุดเกราะนี้จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงได้ บางคนที่เห็นว่ายังคงสวมใส่ชุดธรรมดาอยู่นั้น แท้จริงแล้วพวกเขาได้ใส่เกราะโลหิตมังกรเอาไว้ด้านใน
“อะไรกัน เกราะโลหิตมังกรของข้าหายไปไหน?” จู่ๆใครบางคนก็อุทานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“นายท่านหมาขอยืมไปใช้ก่อนชั่วคราว เอาไว้จะคืนให้ทีหลัง” สุนัขตัวดำเคลื่อนที่พลิ้วไหว โดยสวมใส่ชุดเกราะสีแดงแทนกางเกงในโลหะที่มันใส่ตามปกติ
เนื่องจากชุดเกราะถูกสร้างขึ้นในรูปทรงของมนุษย์ ตัวมันในตอนนี้จึงต้องเดินด้วยขาหลังสองขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วของมันลดลงแม้แต่น้อย
“คืนเกราะมังกรโลหิตของข้ามา!” ชายผู้นั้นร้องโอดครวญ และวิ่งไล่ตามสุนัขตัวดำ
“เห้อ ช่างเป็นคนที่ชี้เหนียวอะไรอย่างนี้!” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และเคลื่อนที่เข้าสู่เขตแดนลี้ลับอย่างรวดเร็ว
ชายผู้นั้นเค้นเสียงสบถในใจ และไม่กล้าไล่ตามเข้าไปภายในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงโดยไม่มีชุดเกราะ เขาทำได้เพียงกระทืบเท้าอย่างเกรี้ยวกราด
หลังจากรอคอยมานานถึงสามสิบล้านปีและได้สิทธิเข้าร่วมเขตแดนลี้ลับมาในที่สุด เขาดันโชคร้ายต้องมาถูกแย่งชิงเกราะโลหิตมังกรไปต่อหน้าต่อตา
ไม่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ต้องแย่งเกราะมาจากคนอื่น!
สายตาของเขาจดจ้องไปยังชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง และพุ่งทะยานร่างไปแย่งชิงเกราะทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมไม่ยินยอมและทำการสู้กลับ
คิดว่า ณ เวลานี้ที่ด้านหน้าเขตแดนลี้ลับมีคนอยู่เท่าใดกัน? ภายในพริบตา จอมยุทธหลายสิบคนก็โดนลูกหลงและเกิดการปะทะเป็นวงกว้างขึ้นทันที ‘ตูม ตูม ตูม’ ตราประทับแห่งเต๋าและคลื่นพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ระเบิดไปทั่วพื้นที่ จนสถานการณ์เริ่มยุ่งเหยิง
หลิงฮันต้องยอมรับเลยจริงๆว่า ความสามารถในการก่อปัญหาของสุนัขตัวดำนั้น ไร้ผู้ใดเปรียบจริงๆ
“หลิงฮัน ตายซะ!” สมาชิกตระกูลฟู่หลายคนปรากฏตัวและทำการโจมตีหลิงฮัน
ถึงแม้หลิงฮันกับฟู่เกาหยุนจะตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่คนของฟู่เซียวผิง ฟู่ปิงปิงและฟู่ทงไห่ก็ไม่คิดจะปล่อยหลิงฮันไป
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกายโหดเหี้ยมและคิดจะลงมือ แต่เมื่อลองคิดไปคิดมา เขากลับเลือกที่จะคว้ามือของจักรพรรดินีเอาไว้และพุ่งทะยานร่างเข้าสู่เขตแดนลี้ลับ
ยังไม่จำเป็นต้องสู้ในตอนนี้ เพราะหากจะเอาชนะคนเหล่านี้จะต้องเผาผลาญพลังมากเกินไป หรืออาจจะถึงขั้นต้องเปิดเผยไพ่ลับอย่างเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับออกไปด้วย
ในด้านของสตรีนกอมตะนั้น นางได้เข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬแล้ว เนื่องจากเกราะโลหิตมังกรมีเพียงสองชุด
จักรพรรดิหันหลังจ้องมองสมาชิกตระกูลฟู่ด้วยแววตาโหดเหี้ยม
กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดสังหารสามีของนาง?
เมื่อทักษะแสงอัสนีถูกโคจร หลิงฮันและจักรพรรดินีก็หายไปในหมอกอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขตแดนลี้ลับจะเปิดออกแล้ว แต่หมอกโดยรอบก็ยังไม่สลายไปอย่างสมบูรณ์ แต่เพียงแค่จางลงจากปกติเท่านั้น
ที่ด้านนอกเขตแดนลี้ลับ เชียนจ้าวเถี้ยน เป่ยหยิ่วย้ง เถิงเซินและผู้สืบทอดจากขุมอำนาจมากมาย รวมทั้งผู้ติดตามของพวกเขาได้มองตามหลังหลิงฮันด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
สิ่งที่พวกเขาคิดในตอนนี้คือ ถ้าหากสังหารหลิงฮันสำเร็จ พวกเขาก็อาจจะมีโอกาสได้สร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลจื่อเหอ ยิ่งถ้าหากจื่อเหอประทับใจในตัวพวกเขาจนยอมแต่งงานด้วยแล้ว ไม่ใช่ว่านั่นจะเป็นความสำเร็จสูงสุดในชีวิตเลยหรอกรึ?
พวกเขาทุกคนตัดสินใจหนักแน่นว่า ตราบใดที่พบเจอหลิงฮันในเขตแดนลี้ลับ พวกเขาจะลงมือสังหารอย่างไร้ความปรานี
“ไปกันเถอะ” หลายคนเริ่มพุ่งทะยานร่างเข้าสู่เขตแดนลี้ลับ หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง จื่อเหอปิงอวิ๋นก็เหาะเหินลงมาจากเรือรบตัวคนเดียว และเข้าสู่เขตแดนลี้ลับไปด้วยสีหน้าที่มั่นใจเต็มร้อย
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ลั่วจ่างเฟิงก็ปรากฏตัว ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่ดูราวกับว่า สถานการณ์ทุกอย่างได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“พวกเราก็ไปกันได้แล้ว” ฟู่เกาหยุนสะบัดมือส่งสัญญาณ ในขณะที่เห็นหลิงฮันเข้าสู่เขตแดนลี้ลับเฉียนหลงไป เขาก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า อีกฝ่ายจะใช้โอกาสนี้หลบหนีจากเงื้อมมือของตระกูลจื่อเหอพ้น
เฉิงจงและผู้ติดตามอีกหกคนพยักหน้าและเดินตามฟู่เกาหยุน
……
ณ เมืองหลีเฮิ่น
เมืองระดับสามดาวเมืองนี้ยังคงสงบสุขเหมือนเคย ทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่มีท่าทีผ่อนคลายเป็นอย่างมาก พวกเขาแต่ละคนนอนไขว่หว้างอย่างเพลิดเพลินใจ
“มะ… มีผู้บุกรุก!” จู่ๆเทหารยามคนหนึ่งก็อุทานออกมา เขาบังเอิญมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบเห็นกลุ่มเงาของอะไรบางอย่างกำลังลอยมายังเมืองหลีเฮิ่น
“ข้าจะรีบส่งสัญญาณรายงานฉุกเฉินเดี๋ยวนี้” ทหารยามคนหนึ่งรีบลุกลงจากก้อนหินที่ใช้นอน
ทหารยามคนอื่นๆแหงนหน้ามองท้องฟ้าต่อ และพบว่าเงาที่กำลังลอยเข้าใกล้เมืองนั้น แท้จริงแล้วคือมังกรอินทรีจำนวนหนึ่ง บนหลังของมังกรอินทรีแต่ละตัวมีจอมยุทธสตรีนั่งอยู่ โดยสตรีที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มนั้น สวมใส่ชุดเกราะสีทองราวกับเทพสงคราม
เพียงแค่จ้องมองแวบเดียว เหล่าทหารยามก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
จอมยุทธสตรีผู้นั้นช่างทรงพลัง!
“ไม่ทราบว่าพวกเจ้าเป้นใคร ถึงได้บุกมายังตระกูลฟู่ของข้า?” เสียงชราดังก้องกังวาลออกมาจากด้านในเมืองย่อยหลีเทียน
สตรีชุดเกราะทองสะบัดมือส่งสัญญาณเล็กน้อย ทันใดนั้นมังกรอินทรีที่นางขี่อยู่ก็หยุดเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ ที่เบื้องหลังของนาง มังกรอินทรีนับสิบตัวก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงเช่นกัน
“ในช่วงไม่นานนี้ มีชายหนุ่มชื่อหลิงฮัน ผ่านมายังเมืองหลีเฮิ่นแห่งนี้หรือไม่?” จอมยุทธสตรีเอ่ยปากถาม แม้เสียงที่นางใช้พูดจะไม่ดัง แต่ก็ทรงพลังพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าเป็นฝ่ายบุกรุกมายังตระกูลฟู่ของข้าแท้ๆ แต่กลับทำท่าทางราวกับเป็นใหญ่รึ? พวกเจ้าคิดว่าตระกูลฟู่สามารถรังแกได้ง่ายๆรึไงกัน?” ‘พรึบ’ ร่างของใครบางคนเหาะเหินออกมาจากเมือง และยืนอยู่กลางอากาศอย่างน่าเกรงขาม
คนผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลฟู่ ตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ!