แล้วแบบนี้จะจัดการมันได้อย่างไร?
ณ เวลานี้หลิงฮันไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลยแม้แต้น้อย สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาก็คือการได้ปะทะกับมนุษย์กระดาษที่อยู่ตรงหน้า หากได้ประมือกับศัตรูที่ทรงพลัง ความเข้าใจในอำนาจแห่งเต๋าของเขาก็จะยกระดับขึ้น แถมภายใต้แรงกดดันที่รุนแรง ยังเป็นการรีดเค้นศักยภาพออกมาอีกด้วย
จิตวิญญาณสู้รบของหลิงฮันลุกโชน นอกจากเพลิงเก้าสวรรค์กับวารีพลังหยินเร้นลับแล้ว เขากระหน่ำปลดปล่อยทักษะระดับนิรันดร์ทั้งหมดออกมาด้วยพลังเต็มที่ ในแง่ของพลังต่อสู้นั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรูระดับแบ่งแยกวิญญาณครึ่งก้าวก็จริง แต่ด้วยกายหยาบที่ทรงพลัง ต่อให้จะได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ เขาก็ยังสามารถหันกลับมาสู้ต่อได้ในทันที
นะ… นี่เจ้าเป็นสัตว์ประหลาดรึไงกัน?
ใบหน้าของหนานกงถิงเปลี่ยนเป็นสีเขียวโดยไม่รู้ตัว
เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ก็ไม่มีทางน่าสะพรึงกลัวไปกว่าหลิงฮัน
เพียงแต่ว่าระดับแบ่งแยกวิญญาณก็ยังคงเป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณครึ่งก้าวอยู่ดี ต่อให้ความสามารถในการฟื้นฟูของหลิงฮันจะรวดเร็วราวกับปีศาจ แต่บาดแผลก็ไม่สามารถรักษาตัวไล่ตามการโจมตีที่ทรงพลังของมนุษย์กระดาษได้ทัน บาดแผลตามร่างกายของเขาค่อยๆสาหัสขึ้นเรื่อนๆ
หนานกงถิงถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าในที่สุดหลิงฮันก็จะถูกจัดการเสียที
เขาไม่คาดคิดว่าการจะกำราบหลิงฮันจะใช้เวลาขนาดนี้
ยิ่งเวลายืดยาวเท่าไหร่ พลังงานที่กักเก็บเอาไว้ภายในมนุษย์กระดาษก็จะถูกเผาผลาญมากยิ่งขึ้น และจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปในอนาคต
แต่จะอย่างไรเขาก็ยังได้ต้นอสูรปีศาจขาวและสตรีที่งดงามหาผู้ใดเปรียบมาครอบครองอยู่ดี
ถือว่าคุ้มค่าอยู่!
บาดแผลของหลิงฮันเริ่มสาหัสขึ้นเรื่อยๆ กล้ามเนื้อและผิวหนังของเขาฉีกขาดจนกระดูกปรากฏออกมาให้เห็น โชคดีที่กระดูกคือส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในกายหยาบของเขา มันจึงไม่เกิดการแตกหักใดๆ
หลิงฮันกล่าว “เลิกเล่นกันเสียที!”
หนานกงถิงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม จะเล่นหรือไม่เล่น เจ้าคิดว่าตนเองเป็นคนกำหนดหรือยังไง?
หลิงฮันโคจรพลังในใจ พริบตาหลังจากนั้น สัตว์อสูรสงครามทั้งสิบก็ปรากฏตัวออกมาและพุ่งโจมตีหนานกงถิง ในขณะที่เขายังคงปะทะกับมนุษย์กระดาษต่อไป
หนานกงถิงเค้นเสียงเย็นชาและรีบปลดปล่อยทักษะนิรันดร์เพื่อต่อต้านสัตว์อสูรสงครามทั้งสิบ
เพียงแต่ว่าสัตว์อสูรสงครามแต่ละตัวนั้น มีพลังสูงถึงระดับสี่นิพพานสูงสุด ยิ่งพวกมันโจมตีพร้อมกับสิบตัวด้วยแล้ว มีรึที่หนานกงถิงจะไม่หวาดกลัว?
หลังจากปะทะกันไปได้ไม่กี่กระบวนท่า หนานกงถิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส สภาพของเขากล่าวได้ว่าย่ำแย่ยิ่งกว่าหลิงฮันเสียอีก
หลิงฮันโคจรหยดวารีนิรันดร์ บาดแผลทั้งหมดถูกฟื้นสภาพกลับมาสมบูรณ์ในพริบตา และใช้ไพ่ลับทั้งหมดอย่างเพลิงเก้าสวรรค์กับวารีพลังหยินเร้นลับออกมา
เมื่อมีอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสองมาช่วยเกื้อหนุน สถานการณ์ของเขาก็ดีขึ้นบ่าง แต่ก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี
ในทางกลับกัน ทางด้านของหนานกงถิงนั้นไม่สามารถต้านทานไหวอีกต่อไป
ตัวเขาเป็นเพียงนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้นเท่านั้น ต่อให้จะมีศักยภาพอยู่ในระดับราชา แต่ก็ยังอ่อนแอกว่าสัตว์อสูรสงครามหลายเท่า
หนานกงถิงรีบออกคำสั่งให้มนุษย์กระดาษกลับมาช่วยเหลือเขา เพราะหากยังปล่อยเอาไว้แบบนี้ เขาต้องถูกสัตว์อสูรสงครามฆ่าตายแน่
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เขาใช้กายหยาบอันไร้เทียมทานพัวพันรั้งมนุษย์กระดาษเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสไปช่วยเหลือหนานกงถิง
อั่ก!
หลิงฮันกระอักโลหิตออกมา ไม่ว่าอย่างไรการจะเผชิญหน้ากับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณครึ่งก้าวก็ยังเป็นเรื่องยากลำบากเกินไปอยู่ดี
ขนาดเขาที่มีกายหยาบอันไร้เทียมทานยังตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ถ้าหากเป็นลั่วจ่างเฟิงหรือจื่อเหอปิงอวิ๋นล่ะก็ ทั้งสองคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว
หลังจากการปะทะผ่านไปครู่หนึ่ง และหลิงฮันกระอักโลหิตออกมาถึงสิบสามครั้ง จู่ๆมนุษย์กระดาษก็หยุดการโจมตี
หนานกงถิงถูกอสูรสงครามทั้งสิบสังหารไปเรียบร้อยแล้ว
มนุษย์กระดาษชะงักแน่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จู่ๆร่างของมันจะลายขึ้นฟ้าและมุ่งหน้าไปยังทางเข้าเขตแดนลี้ลับด้วยความเร็วสูง
เมื่อไม่มีผู้ใดคอยคุม มันจึงกลับไปยังนิกายอาญาสิ้นแสง
เพียงแต่ว่าระยะทางจากที่นี่ไปจนถึงนิกายอาญาสิ้นแสงนั้นห่างไกลเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าพลังงานของมนุษย์กระดาษจะหมดก่อนที่จะกลับไปถึงนิกายอาญาสิ้นแสงหรือไม่
หลิงฮันคร้านจะสนใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรหลังจากที่ออกจากเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง เขาก็ตั้งใจจะไปดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันตกอยู่แล้ว คิดว่านิกายอาญาสิ้นแสงจะไล่ตามเขาเขตมหาสมุนไร้พรมแดนไปแก้แค้นเขาได้?
เขาทำการตรวจสอบแหวนมิติบนร่างของหนานกงถิง ซึ่งก็สมกับที่เป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจสามดาวจริงๆ ความมั่งคั่งของอีกฝ่ายทำให้หลิงฮันยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
การสังหารและปล้นชิง คือหนทางร่ำรวยที่รวดเร็วที่สุดจริงๆ
หลิงฮันนำแก่นหัวใจพฤกษาออกมาจากร่างของต้นอสูรปีศาจขาว แก่นหัวใจที่ว่าคือผลึกใสที่มีขนาดเท่ากำปั้นและมีหมอกควันหมุนวนอยู่ภายใน หมอกควันเหล่านั้นคือปราณพิฆาตอันหนาแน่น ที่หลังจากดูดซับไปแล้วจะทำให้มีโอกาสรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารได้
“ฮันน้อย เจ้ามานี่หน่อย!” จู่ๆสุนัขตัวดำก็โบกมือเรียกหลิงฮัน
“นี่เจ้าคิดเรื่องพิเรนอะไรได้อีกแล้วสินะ?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี
สุนัขตัวดำทำสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าว “เจ้าหนู เจ้าตั้งเป้าหมายไว้สูงเท่าใด?”
“… ข้าไม่คุ้นกับท่าทางจริงจังของเจ้าเอาเสียเลย” หลิงฮันหัวเราะ
“ข้ากำลังจริงจังอยู่” สุนัขตัวดำกล่าวเสียงหนักแน่น
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “แน่นอนว่าต้องเป็นราชานิรันดร์อยู่แล้ว” “เหอๆ ราชานิรันดร์รึ ฟังดูแล้วนั่นอาจจะเป็นเป้าหมายที่สูงส่งก็จริง แต่ความจริงแล้วนั้น…” สุนัขตัวดำยืนสองข้าและพาดอุ้งเท้าหน้าทั้งสองไว้ด้านหลัง “เจ้าคิดว่าหลังจากเวลาผ่านพ้นมาหลายยุคหลายสมัย ในดินแดนแห่งเซียนนี้สมควรจะมีราชานิรันดร์อยู่เท่าใด?”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าราชานิรันดร์มีอยู่มากมายราวกับหมูหมางั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“ถึงแม้จะไม่ขนาดที่เจ้าว่า แต่จำนวนของราชานิรันดร์นั้นมีอยู่มากมายเกินกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้มาก” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยอารมณ์เฉื่อยชา “หลังจากบรรลุราชานิรันดร์ จะเป็นการตัดขาดกับบาปเคราะห์แห่งสวรรค์ และสามารถมีชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ไปทุกยุคสวรรค์ได้อย่างแท้จริง”
“หากเป็นเช่นนั้นทำไมจำนวนของราชานิรันดร์ถึงได้มีน้อยนักล่ะ?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ
สุนัขตัวดำมีสีหน้าหม่นหมองและกล่าว “นั่นเพราะพวกเขาตายกันไปหมดแล้ว!”
หลิงฮันชะงักแน่นิ่งโดยไม่รู้ตัว เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกไปเองไม่ใช่รึไงว่า บาปเคราะห์แห่งสวรรค์จะไม่มีผลต่อราชานิรันดร์? แต่เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงพูดย้อนแย้งเสียเองว่า ราชานิรันดร์ตายกันไปหมดแล้ว?
“เจ้าหนู เจ้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าอยากจะสื่ออีกรึ?” สุนัขตัวดำส่ายหัว “เหตุผลที่เหล่าราชานิรันดร์ในอดีตสิ้นชีพ ไม่ใช่เพราะบาปเคราะห์แห่งสวรรค์ แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ!”
“เจ้าเริ่มทำให้ข้าสับสนแล้ว!” หลิงฮันแบมือหยักไหล่