สาวงามทุกคนล้วนแต่มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง
ยิ่งเป็นสตรีที่งามล่มเมืองอย่างธิดาโร๋วด้วยแล้ว ความมั่นใจในตัวเองของนางจึงสูงส่งมาก และไม่มีทางยอมรับว่าความงดงามของนางนั้นด้อยกว่าใคร
เพียงแต่ว่าทันทีที่เห็นจักรพรรดินี ความมั่นใจอันล้นเหลือของนางก็ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป และยอมรับอย่างง่ายดายว่าอีกฝ่านนั้นงดงามยิ่งกว่านาง
ทุกอย่างของจักรพรรดินีล้วนแต่สมบูรณ์แบบไปหมด
ยิ่งกว่าอันกลิ่นอายของนางก็ยังน่าเกรงขามราวกับเทพธิดาผู้สูงส่ง จนทำให้ใครก็ตามที่มองไปยังนางไม่กล้าแสดงท่าทีสูงส่ง
“พะ… พี่สาว!” ธิดาโร๋วเผลอเรียกจักรพรรดินีว่าพี่สาวโดยไม่รู้ตัว
จักรพรรดินีพยักหน้าและกล่าว “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่สาวแล้ว เจ้าก็ต้องมาเป็นสะใภ้ของตระกูลหลิง”
เอ่อ… เจ้าจะเอาแต่ใจแบบนั้นก็ไม่ถูกรึเปล่า?
ธิดาโร๋วรีบสะบัดมือ “เดี๋ยวก่อน แม่นาง…”
“ข้าบอกให้เรียกว่าพี่สาว!” จักรพรรดิทักท้วง
ธิดาโร๋วกลายเป็นไร้คำพูด ต่อให้เจ้าจะงดงามดั่งนางฟ้า แต่ก็ไม่อาจทำตัวเอาแต่ใจแบบนั้น!
หลิงฮันฝืนยิ้มและกล่าว “พวกข้าแค่อยากจะขอผ่านทางไปเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ธิดาโร๋วหวาดกลัวทั้งหลิงฮันและจักรพรรดินีพอๆกัน แต่ตอนนี้นางกลายมาเป็นรู้สึกหวาดกลัวจักรพรรดินียิ่งกว่าแล้ว แน่นอนว่านางไม่มีทางร่วมเดินทางไปกับทั้งสองคนเด็ดขาด นางรีบอ้าแขนทำท่าทางสื่อว่าให้พวกหลิงฮันก้าวนำไปก่อนเลย
หลิงฮันคว้ามือของจักรพรรดินีและเดินหน้าต่อ เพียงแต่ว่าทันใดนั้นจักรพรรดินีก็พูดบ่นออกมา “สามี นางมีกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักร เจ้าจะปล่อยนางไปไม่ได้!”
ด้วยนิสัยอันหยิ่งยโสของนาง แน่นอนว่านางไม่มีทางกระซิบกระซาบเสียงเบา น้ำเสียงของจักรพรรดินีดังจนธิดาโร๋วสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ธิดาโร๋วแทบจะทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าของนางกระตุกเล็กน้อยราวกับว่าไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมาดี
หลิงฮันทำได้เพียงหันไปยิ้มให้กับอีกฝ่าย และรีบพาจักรพรรดินีเดินจากไป
“อันธพาลชั่ว!” ธิดาโร๋วสบถออกมา
ข้าไปเกี่ยวอะไรด้วยกัน?
หลิงฮันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องที่จะนำนางมาครอบครองนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลยแท้ๆ แต่เหตุใดเขาถึงกลายเป็นอันธพาลชั่วได้?
หลิงฮันอยากจะทวนคืนความยุติธรรมให้แก่ตนเอง แต่จู่ๆเขาก็เกิดเปลี่ยนใจและเลือกที่จะคว้ามือจักรพรรดินีเดินจากไป
เมื่อเห็นทั้งสองจากไปแล้ว ธิดาโร๋วก็โล่งอกเล็กน้อย ตัวของนางนั้นหลงทางอยู่ในป่าแห่งนี้มากว่าสามวันแล้ว แต่ก็ยังหาทางออกไม่พบเสียที ถึงแม้จอมยุทธระดับนิรันดร์จะมีอายุขัยไร้ขีดจำกัด แต่นางก็ไม่อยากสูญเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
นอกจากนั้น ระยะเวลาที่เขตแดนลี้ลับเฉียนหลงจะเปิดออกก็คือราวๆสิบปีเท่านั้น หากเลยเวลาที่ว่าไปแล้ว ภูเขาไฟจะกลับมาสงบอีกครั้ง และภายในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะอบอวลไปด้วยออร่าอันทรงพลัง
นางครุ่นคิดและมีลางสังหรณ์ว่าพวกหลิงฮันนั้นอาจจะพบเจอทางออกแล้ว ถึงแม้นางจะคิดว่ามันดูบุ่มบ่ามไปบ้าง แต่ในเมื่อนางเองก็ไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหนดี แล้วทำไมไม่ไล่ตามคนอื่นไปเสียล่ะ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็เดินตามหลังพวกหลิงฮันไปทันที เพียงแต่ว่าระยะทางที่นางเว้นห่างกับทั้งสองนั้นค่อนข้างไกลพอสมควร แต่ก็ยังอยู่ในระยะของสัมผัสสวรรค์
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน จู่ๆบุรุษผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวเยื้องๆด้านข้างนาง
“หืม? ธิดาโร๋ว!” บุรุษผู้นั้นอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย
บุรุษผู้นั้นคือเป่ยหยิ่วย้ง
ธิดาโร๋วพยักหน้าให้อีกฝ่าย แต่ก็ไม่หยุดฝีเท้าเพราะกลัวว่าหลิงฮันจะเดินพ้นออกจากระยะสัมผัสสวรรค์ของนาง
เป่ยหยิ่วย้งรีบเดินตามนางทันที ไม่ว่าใครเมื่อพบเจอสตรีที่งดงามอย่างธิดาโร๋วก็ต้องสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเองเป็นธรรมดา
ซึ่งเรื่องบังเอิญก็เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา หลังจากเดินไปได้อีกสักพัก พวกเขาก็พบเจอคนตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นหลินฟาง เชียนจ้าวเถี้ยน เถิงเซิน และค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลิงฮันสังเกตเห็นว่าคนที่ตามหลังเขามาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จงใจเดินเบี่ยงไปยังเส้นทางที่ผิด เขาเชื่อว่าหากวาสนาที่รออยู่ถูกโชคชะตาตัดสินแล้วว่าจะเป็นของเขา คนอื่นๆก็ย่อมไม่มีทางขโมยไปด้วย
หลังจากเดินต่อไปได้อีกพัก ที่เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏต้นดอกท้อต้นหนึ่ง
ในสถานที่แห่งนี้การจะพบเจอต้นดอกท้อนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ว่าต้นดอกท้อต้นนี้นั้นต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องจากมันตั้งอย่างสันโดษอยู่เพียงต้นเดียวและมีโพรงอยู่กลางลำต้น ซึ่งใหญ่พอที่จะให้คนลอดเข้าไป
นี่คือจุดหมายของวาสนาอันยิ่งใหญ่รึ?
หลิงฮันประหลาดใจเป็นอย่างมาก จากการวิเคราะห์ของเขาแล้ว สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นตำแหน่งของวาสนาอันยิ่งใหญ่เป็นแน่ โดยที่ต้นดอกท้อเพียงต้นเดียวที่แตกต่างออกไปตรงหน้านี้ ก็คือหลักฐานยืนยันว่าการวิเคราะห์ของเขานั้นถูกต้อง เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ล่ะจะต้องทำอะไรต่อ?
……
ลั่วจ่างเฟิงกำลังถือแผนที่อยู่ในมือ ซึ่งภาพที่แสดงบนแผนที่นั้น มีจุดตำแหน่งสองจุดกำลังส่องแสงอยู่ หนึ่งจุดแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนอีกจุดกำลังเคลื่อนที่
จุดแสงที่แน่นิ่งอยู่คือตำแหน่งของจุดหมายในแผนที่ ส่วนจุดแสงที่เคลื่อนไหวคือตำแหน่งของเขา
“เมื่อสิบล้านปีก่อน ประมุขนิกายได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้และพบเจอศิลาต้นกำเนิดวิถีสวรรค์”
“หลังจากเวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้แล้ว ศิลาต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ที่ว่าสมควรจะพัฒนากลายเป็นหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะเก็บเกี่ยวมัน!”
“ท่านประมุขนั้นรักข้าเป็นอย่างมาก จึงได้มอบแผนที่ที่ระบุตำแหน่งของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์เอาไว้ให้แก่ข้า หากเดินตามแผนที่ไป หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จะต้องตกมาอยู่ในมือของข้าแน่นอน!”
“เพียงแต่ว่า ในช่วงเวลานั้นประมุขของตระกูลจื่อเหอเองก็เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อแย่งชิงแร่โลหะนิรันดร์เช่นกัน เพราะงั้นอีกฝ่ายก็คงรู้เป็นแน่ว่าที่นี่มีหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์
“เพียงแต่ว่าสมบัติอย่างหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์นั้น ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณขึ้นไป ท่านประมุขถึงได้ส่งข้ามาที่นี่เพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการทดสอบ”
“เพราะงั้น ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องนำหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์มาครอบครองให้ได้!”
ลั่วจ่างเฟิงดวงตาส่องประกาย “หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์มีประสิทธิภาพช่วยรักษาบาดแผลที่เกิดจากเต๋าแห่งสวรรค์ก็จริง แต่สำหรับข้านั้นไม่ใช่ หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์คือสมบัติที่จะมอบโอกาสในการบรรลุห้านิพพานให้แก่ข้า!”
“ระดับโลกียนิพพานห้านิพพาน… มันคือระดับพลังที่แม้แต่ท่านประมุขก็ไม่อาจเอื้อมถึง”
มือของลั่วจ่างเฟิงที่ถือแผนที่อยู่สั่นเครือ ระดับโลกียนิพพานห้านิพพานคือตำนานในหมู่ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา คิดว่ามีทายาทของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์คนไหนบ้างที่บรรลุได้?
ตราบเท่าที่เขารู้นั้น ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว!
แต่หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์นั้น เป็นสมบัติที่สามารถผลิกผันโชคชะตาได้อย่างท้าทายสวรรค์!
เขาที่เป็นราชาในหมู่ราชาจากการตัดผ่านสวรรค์และปฐพีอยู่แล้ว ตราบใดที่ได้ดูดซับพลังอำนาจของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ เขาจะกลายเป็นผู้มีคุณสมบัติในการบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานได้แน่นอน ถึงแม้คุณสมบัติที่ว่าจะเพิ่มขึ้นมาเพียงนิดเดียว แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามองเห็นความหวังอันริบหรี่
“ปัญหาที่น่าเป็นกังวลเป็นเพียงอย่างเดียวคือจื่อเหอปิงอวิ๋น นางจะต้องเล็งหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์เอาไว้เหมือนกันแน่”
ลั่วจ่างเฟิงพึมพำในขณะที่กำลังก้มมองดูแผนที่
แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองไปเบื้องหน้า ใบหน้าของลั่วจ่างเฟิงก็แสดงออกถึงความรู้สึกตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
แม่เจ้า… เหตุใดที่นี่ถึงมีคนอยู่มากมายเพียงนี้?