“อะไรคือหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์?” หลิงฮันถาม
หอคอยน้อยหยุดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “มันคือหยกอันล้ำค่าที่เกิดจากการพัฒนาหลายร้อยล้านปีของศิลาต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ มันถูกรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือหยกสร้างและแก้ไขรากฐาน หยกชนิดนี้มีคุณสมบัติในการช่วยฟื้นฟูรากฐานการตัดผ่านนิพพานของจอมยุทธระดับโลกียนิพพาน ให้เปลี่ยนมาเป็นการตัดผ่านที่สมบูรณ์”
หลิงฮันประหลาดใจ “เจ้าหมายถึงว่า ต่อให้เป็นนิรันดร์ที่ไม่ได้ตัดขาดกับสวรรค์และปฐพี หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ก็สามารถช่วยให้กลายมาเป็นเช่นนั้นได้?”
“ไม่ผิด” หอคอยน้อยสั่นไหวราวกับพยักหน้า
หลิงฮันพยักหน้าตอบ แต่ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีว่าหากเป็นสมบัติแค่นั้น จื่อเหอปิงอวิ๋นกับลั่วจ่างเฟิงจะมาที่นี่ทำไม?
ทั้งสองคนต่างก็เป็นนิรันดร์ที่ขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะทุกระดับอย่างสมบูรณ์ แถมยังตัดขาดกับสวรรค์และปฐพีอีกด้วย มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาต้องใช้หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์
หอคอยน้อยเค้นเสียงฮีดฮัดสองครั้งก่อนจะกล่าวต่อ “หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ยังมีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งคือ หากจอมยุทธคนใดขัดเกลาทุกระดับพลังอย่างสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้ว มันจะมอบโอกาสทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ห้านิพพานให้แก่จอมยุทธผู้นั้น!”
“ว่าไงนะ!” หลิงฮันตกตะลึง
จากสิ่งที่สุนัขตัวดำเล่ามา มีเพียงแต่จอมยุทธที่ทะลวงเป็นนิรันดร์ห้านิพพานสำเร็จเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าหรือมหาปราชญ์สวรรค์ในอนาคต
หากเป็นแบบนั้นจริง ความล้ำค่าหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จะเพิ่มสูงขึ้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หากไม่ใช่เพราะสมบัติประเภทนี้สามารถใช้ได้แค่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่ตัวตนระดับราชานิรันดร์ก็ยังต้องแย่งชิงกัน
หลิงฮันเข้าใจทันทีว่า ทำไมผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์อย่างสองคนนั้นถึงได้มาที่นี่ ทั้งสองคนจะต้องมีเป้าหมายคือการบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานไม่ผิดแน่
“แต่ก็น่าแปลก ทำไมก่อนหน้าราชานิรันดร์ของทั้งสองขุมอำนาจ ถึงไม่เก็บสมบัติไปแต่แรกเลยล่ะ?” เขาพึมพำ
“การพัฒนาของศิลาต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ มีข้อกำจัดที่เข้มงวดมาก หากมันปรับตัวกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว ก็จะไม่สามารถหยิบจับมันไปไหนได้ เพราะไม่เช่นนั้น หากเก็บมันไประหว่างที่กำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนา คุณสมบัติต่างๆของมันจะไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป” หอคอยน้อยกล่าว
“แล้วเจ้าสัมผัสได้รึไม่ว่า หยกที่ว่ามันอยู่ตรงไหน?” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยความหวังเล็กน้อย
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว!” หอคอยน้อยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลิงฮันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้จื่อเหอปิงอวิ๋นกับลั่วจ่างเฟิงอาจจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะรู้ว่าต้องตามหาหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ที่ไหน แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นเขาแล้วที่พอจะได้เปรียบทั้งสองขึ้นมาบ้าง
หลิงฮันจับมือกับจักรพรรดินีเบาๆและกล่าว “ไปกันเถอะ”
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ เขาได้เล่าเรื่องของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ให้จักพรรดินีฟัง ก่อนจะกลับมาถามหอคอยน้อยอีกครั้ง “หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์สามารถใช้ได้กับคนกี่คนรึ?”
“ขึ้นอยู่กับขนาดของหยก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกินสองคน” หอคอยน้อยครุ่นคิดและกล่าว
ถึงแม้หลิงฮันจะรู้สึกเสียดายไปบ้าง แต่หากสมบัติล้ำค่าของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์สามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคน ก็ดูจะขัดแย้งกันเกินไปหน่อย
เขาได้แต่หวังว่าขนาดของหยกที่พบเจอ จะใหญ่พอให้เขากับจักรพรรดิใช้ด้วยกันได้
“นำทางไปเลย” หลิงฮันกล่าว
“มันอยู่ในภูเขาลูกนี้นี่ล่ะ ลองสุ่มๆหาดู ถ้าโชคดีเดี๋ยวเจ้าก็เจอเอง” หอคอยน้อยกล่าวอย่างขอไปที
หลิงฮันเค้นเสียง “หรือที่จริงแล้วเจ้าไม่รู้กันแน่ว่ามันอยู่ที่ไหน?”
หากไม่รู้ก็แค่บอกมาว่าไม่รู้ จะไปยากตรงไหนกัน
“… ข้าสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ในระยะใกล้ๆเท่านั้น” ครั้งนี้หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ
หลิงฮันพยักหน้า ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องสุ่มๆหาดูก่อน
ทั้งสองคนออกเดินหน้าโดยด้านหลังมีธิดาโร๋วที่กำลังยืนลังเลอยู่ นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจตามพวกหลิงฮัน ซึ่งด้วยความงามของนาง เป่ยหยิ่วย้งและคนอื่นๆจึงไล่ตามนางมาด้วย
ลั่วจ่างเฟิงแสยะยิ้ม พวกขยะเหล่านี้คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติจะมาแย่งชิงหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์กับเขางั้นรึ? รอให้เขาหาหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์พบก่อนเถอะ เขาจะกลับมาช่วงชิงสตรีงดงามทั้งสองไปเป็นของตนให้ได้ เขาไม่เชื่อว่าด้วยสถานะผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ของเขา จะมีสตรีคนไหนกล้าปฏิเสธความรักจากเขา
จื่อเหอปิงอวิ๋นเองก็ไม่รีรอ นางทำการออกสำรวจภูเขาด้วยตัวคนเดียว
หลิงฮันหันไปมองด้านหลังก่อนจะเผยสีหน้าประหลาดใจ นี่ธิดาโร๋วผู้นี้เสพติดการไล่ตามเขาไปแล้วรึไงกัน?
หลิงฮันส่ายหัวถอนหายใจ แต่จะอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังหาตำแหน่งที่ซ่อนของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ไม่พบ การที่ใครจะไล่ตามเขามาหรือไม่นั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาใส่ใจ
ภายในภูเขาลูกนี้นั้น สภาพแวดล้อมโดยรอบล้วนแต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้สีเขียวที่มีความสูงทั่วไป ซึ่งในขณะที่หลิงฮันกำลังเดินอยู่นั่นเอง จู่ๆกอหญ้าที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็ขยับไปมา
หลิงฮันจับมือของจักรพรรดินีเอาไว้แน่นและหยุดฝีเท้า โดยที่กอหญ้าเบื้องหน้าก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ
กอหญ้านี่มันคืออะไรกัน? สัตว์อสูรงั้นรึ?
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเองกอหญ้าก็ได้แยกกระจายตัวออกจากกัน เพราะมีใครบางคนกระโดดออกมาจากด้านใน ร่างที่ปรากฏตัวจากกอหญ้าคือบุรุษตัวเตี้ยคนหนึ่ง ที่มีความสูงเพียงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น อีกฝ่านไม่ใช่เด็กแน่นอน เพราะที่ใบหน้ามีหนวดเคราประดับเอาไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” คนแคระที่ปรากฏเอ่ยกล่าว
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
หลังจากสิ้นคำพูดของคนแคระคนแรก ร่างของคนแคระคนอื่นๆก็กระโดดออกมาตามๆกัน ซึ่งรวมแล้วพวกเขามีอยู่ด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคน ในมือของพวกเขาถือท่อนไม้สั้นเอาไว้ โดยที่ท่อนไม้ที่ว่านั้นหากเป็นคนปกติคงใช้เพียงแค่มือข้างเดียว แต่กับคนแคระเหล่านี้ พวกเขาต้องใช้มือถึงสองมือในการถือและยกขึ้นชี้ใส่หลิงฮันกับจักรพรรดินี
หลิงฮันเผยรอยยิ้มและกล่าว “ก็ได้ๆ ข้าหยุดนิ่งให้แล้วตกลงไหม?”
คนแคระทั้งเจ็ดคนมองหน้ากัน ก่อนจะกล่าว “พวกเจ้าเป็นใครกัน แล้วมาที่นี่เพื่ออะไร?”
“พวกเจ้าคือคนยักษ์ในตำนานสินะ? เพราะดูจากรูปลักษณ์แล้ว พวกเจ้าสองคนทั้งตัวสูงและมีใบหน้าที่อัปลักษณ์!” คนแคระผู้หนึ่งกล่าว
“ช่างหน้าเกลียดเสียจริงๆ!”
“ข้านับถือใจพวกเจ้าจริงๆ ที่ไม่ฆ่าตัวตายหลังจากรับรู้ว่าตนเองอัปลักษณ์ขนาดไหน!”
“หากต้องอัปลักษณ์แบบพวกเจ้าล่ะก็ ข้าขอไม่ออกไปข้างนอกให้ใครเห็นจะดีกว่า!”
เหล่าคนแคระทุกคนเผยท่าทางหวาดผวา