ลั่วจ่างเฟิงในตอนนี้มีท่าทางหดหู่เป็นอย่างมาก
เขาคิดว่าคนที่เป็นผู้นำในการค้นหาหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จะต้องเป็นเขาแท้ๆ โดยที่คนที่มีคุณสมบัติจะมาแย่งชิงหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์กับเขาได้ ก็คงมีเพียงจื่อเหอปิงอวิ๋นแค่คนเดียว
แต่ทว่า ตั้งแต่ตอนที่ออกมาจากตำหนักเฉินหลงนั้น ไม่เพียงแค่ทางเข้าของสถานที่แห่งนี้จะถูกหลิงฮันและคนอื่นพบเจอตัดหน้าไปก่อน แต่ตอนนี้ขนาดคนที่พบเจอที่ซ่อนสมบัติเป็นคนแรกก็ยังไม่ใช่เขาแต่เป็นหลิงฮัน
หากเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาไม่บังเอิญเจอจื่อเหอปิงอวิ๋นระหว่างทางล่ะก็ เขาคงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จะซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งนี้ แถมยังต้องใช้สมบัติขุนเขาในการเปิดทางเข้าอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าทำไมจื่อเหอปิงอวิ๋นถึงได้บอกข้อมูลอันล้ำค่าขนาดนี้ให้แก่เขา และคิดว่าอีกฝ่ายคงจะโกหก แต่จื่อเหอปิงอวิ๋นกลับเลือกที่จะยืนยันคำพูดโดยการแสดงความทรงจำบางส่วนให้เขาเห็น ซึ่งเป็นความทรงจำของข้อมูลที่นางรีดเค้นมาจากพวกคนแคระ
ด้วยเหตุนี้แล้ว ถึงแม้ลั่วจ่างเฟิงจะยังรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบถ้ำแห่งนี้ทุกๆวัน และวันนี้หลิงฮันก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่พร้อมกับสมบัติขุนเขาอย่างไม่คาดคิด
ฮ่าๆ ทีนี้หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จะต้องตกเป็นของข้าแน่!
กับหลิงฮันแล้ว ลั่วจ่างเฟิงรู้สึกว่าตนเองเป็นตัวตนที่สูงส่งกว่ามาก เพราะก่อนหน้านี้ เขาจำได้ดีว่าหลิงฮันเป็นฝ่ายยอมถอยหลังเพื่อหลบทางให้เขาแต่โดยดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อีกฝ่ายหวาดกลัวในสถานะผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ของเขา!
“ยังไม่ไสหัวไปอีกรึ!” เขากล่าวอย่างองอาจ
หลิงฮันเหล่ตามองไปยังลั่วจ่างเฟิง หมอนี่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งอยู่เพียงผู้เดียวรึไง? เขาหัวเราะและกล่าวกลับไป “งั้นเจ้าก็แสดงให้ข้าเห็นก่อนสิ ว่าการไสหัวไปต้องทำอย่างไร ถ้าเจ้าทำได้ดี เดี๋ยวข้ามีรางวัลให้”
ร่างของลั่วจ่างเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติกลับมาได้
ฮึ่ม เจ้ากล้าล้อเล่นกับข้างั้นรึ?
“ช่างกล้านัก!” ลั่วจ่างเฟิงแสยะยิ้มและไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใดๆออกมา ตัวตนที่มีสถานะสูงส่งเช่นเขาไม่มีความจำเป็นต้องเก็บคำพูดของจอมยุทธไร้ชื่อมาใส่ใจ
เขาเค้นเสียงและกล่าว “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะ…”
‘พรึบ’ ยังไม่ทันที่ลั่วจ่างเฟิงจะพูดจบ หลิงฮันก็ผลักฝ่ามือออกไปโดยเล็งเป้าหมายเอาไว้ที่ศีรษะของอีกฝ่าย
ลั่วจ่างเฟิงไม่สบอารมณ์ขึ้นมาโดยพลัน นี่เจ้ากล้าถึงขนาดเป็นฝ่ายโจมตีข้าก่อนเลยรึ?
งั้นก็ตายซะ!
ลั่วจ่างเฟิงชูสองนิ้วขึ้นมาและตวัดเข้าใส่หลิงฮัน ‘ครืน’ ที่ปลายนิ้วทั้งสองของเขาปรากฏเงาดวงดาราที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันน่าสะพรึง
ตูม!
การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกัน หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างร่างกายสั่นสะท้านอยู่ชั่วขณะ พวกเขาก็ล่าถอยกันออกห่างจากกันสองสามก้าว
การแลกเปลี่ยนกระบวนท่าครั้งนี้ ทั้งสองเสมอกัน!
ใบหน้าของลั่วจ่างเฟิงแสดงออกถึงความตกตะลึง
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นมาแล้วก็จริงว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่ทรงพลังขนาดไหน แต่หากเป็นในด้านของพลังต่อสู้ล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรพลังของหลิงฮันก็น่าจะอ่อนแอกว่าเขาอย่างน้อยหนึ่งดาว โดยเฉพาะตอนนี้ที่พลังบ่มเพาะของเขาบรรลุเป็นนิรันดร์สามนิพพานขั้นสูงสุดแล้ว พลังต่อสู้ของเขาสมควรที่จะกำราบจอมยุทธระดับได้ทุกคน!
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันกลับสามารถตอบโต้การโจมตีของเขาได้!
จากการผันผวนของออร่าที่พรั่งพรูออกมา เขามั่นใจว่าพลังบ่มเพาะของหลิงฮันต้องยังอยู่แค่ในระดับสามนิพพานขั้นต้นไม่ผิดแน่
แต่ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสามนิพพานขั้นต้น อีกฝ่ายจะสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างไร? อย่างที่รู้กันว่าตัวเขานั้นเป็นถึงราชาในหมู่ราชา ที่ไม่ใช้แค่ไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกันเท่านั้น แต่ยังสามารถต่อกรกับราชาในระดับที่สูงกว่าได้หนึ่งระดับ
เขาคืออัจฉริยะที่สามารถคว้าชัยชนะจากจอมยุทธที่ระดับพลังสูงกว่ามาโดยตลอด แต่ทว่าสถานการณ์ตอนนี้กลับกลายเป็นตาลปัตรแทน ซึ่งมันทำให้ความภาคภูมิใจของเขาพังทลายป่นปี้
ธิดาโร๋วที่อยู่ด้านข้างเองก็เผยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่แพ้กัน
ทั้งๆลั่วจ่างเฟิงมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าแท้ๆ แต่หลิงฮันก็ยังสามารถโจมตีเสมอได้ ถ้าหากทั้งสองมีพลังบ่มเพาะเท่ากันล่ะก็ ไม่ใช่ว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าหรอกรึ?
บุรุษผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก เขาสามารถเหนือกว่าได้แม้กระทั่งผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
“ศักยภาพระดับจักรพรรดิ?” ลั่วจ่างเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความอิจฉา
ศักยภาพระดับราชาคือจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้ไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน และราชาในหมู่ราชาคือจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งจนสามารถสู้ข้ามระดับได้หนึ่งขั้น
แต่สำหรับศักยภาพระดับจักพรรรดินั้น จอมยุทธผู้นั้นจะสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ถึงสองขั้น!
ในความเป็นจริง แค่จำนวนของราชาทั่วไปก็พบเห็นได้ยากยิ่งแล้ว โดยปกติจะมีเพียงแค่ขุมอำนาจระดับสามหรือสี่ดาวเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนจอมยุทธให้มีศักยภาพขนาดนี้ได้ ส่วนราชาในหมู่ราชานั้น จะพบเห็นได้เพียงแค่ในขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์เท่านั้น หรือบางทีหากโชคดี ขุมอำนาจระดับสี่ดาวก็อาจจะมีอัจฉริยะระดับนี้ปรากฏให้เห็นสักคน
แต่จักรพรรดิน่ะรึ?
เหอๆ เกรงว่าจอมยุทธที่มีศักยภาพขนาดนั้น คงมีให้เห็นแค่ในขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
อย่างเช่น… ขุมอำนาจของราชานิรันดร์ระดับเก้า!
ถึงแม้ที่ตำหนักเมฆาอัสนีจะมีตัวตนระดับราชานิรันดร์ปกครองอยู่ แต่ราชานิรันดร์ผู้นั้นก็เป็นเพียงราชานิรันดร์ระดับสอง ซึ่งห่างไกลจากราชานิรันดร์ระดับเก้าดั่งฟ้ากับเหว
แต่ตอนนี้ กลับมีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่อาจจะเป็นจักรพรรดิปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา…
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” ลั่วจ่างเฟิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าคือหลิงฮัน จอมยุทธไร้ค่าผู้หนึ่งที่เจ้าไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ”
ไม่ใช่ตัวตนที่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจงั้นรึ?
ลั่วจ่างเฟิงเพ่งสายตาจ้องมองไปยังหลิงฮัน ในโลกนี้มีอัจฉริยะที่สามารถขัดเกลาตนเองให้เป็นจักรพรรดิได้ โดยพึ่งพาเพียงแค่พรสวรรค์และความเพียรพยายามของตนเองอยู่จริงๆรึ?
“ในเมื่อเจ้าเป็นเพียงจอมยุทธไร้ค่า งั้นก็ตายไปซะ!” ลั่วจ่างเฟิงสะบัดแขน ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ ทันใดนั้นจู่ๆที่แขนทั้งสองข้างของเขาก็มีแสงสว่างสีทองหลั่งไหลออกมา ตราประทับแห่งเต๋าค่อยๆก่อตัวและผสานรวมกันเป็นเกราะแขนสองข้าง
ถ้าหากจื่อเหอปิงอวิ๋นมีตราประทับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของราชานิรันดร์ล่ะก็ สิ่งที่เขามีก็คือเกราะแขนคู่ชิ้นนี้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้โดยราชานิรันดร์ของตำหนักเมฆาอัสนี ทำให้มีออร่าของราชานิรันดร์หลงเหลืออยู่ ถึงออร่าที่ว่าจะหลงเหลือพลังอยู่เพียงเศษเสี้ยว แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้กำราบจอมยุทธระดับโลกียนิพพานทุกคน
หลิงฮันจ้องมองเกราะแขนของลั่วจ่างเฟิงก่อนจะหัวเราะออกมา ยอดเยี่ยม… อุปกรณ์ชิ้นนี้สามารถนำมาใช้ขัดเกลาพลังให้กับดาบอสูรนิรันดร์ได้
“ต่อหน้าอำนาจของราชานิรันดร์ ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่ต่างจากมดปลวก!” ลั่วจ่างเฟิงคำรามเสียงสูง
“พูดมากอยู่ได้ รับหมัดของข้าไปซะ!” หลิงฮันลงมือโจมตี กำปั้นทั้งสองของเขาถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจของแก่นกำเนิดพลังทั้งสอง ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ต้านทานออร่าของราชานิรันดร์
“ช่างไม่ประมานตน!” ลั่วจ่างเฟิงแสยะยิ้มและปล่อยหมัดทั้งสองจู่โจมเช่นกัน ที่เกราะแขนทั้งสองข้างของเขา ตราประทับเต๋าอันไร้ที่สิ้นสุดค่อยๆหลั่งไหลออกมา โดยที่ออร่าของพวกมันทรงพลังพอที่จะบดขยี้สิ่งมีชีวิตระดับโลกียนิพพานได้ทั้งมวล
ตูม!
การโจมตีของทั้งสองคนเข้าปะทะกัน ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านก่อนจะล่าถอยหลังและเสมอกันอีกครั้ง