เหอเส่าหลินไม่ใช่ราชาแห่งยุค เพราะงั้นจึงกล่าวได้ว่า การที่จะได้ทุบตีราชาแห่งยุคอย่างฟู่เกาหยุน คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต
เขามองไปยังฟู่เกาหยุนด้วยท่าทางองอาจ หากอีกฝ่ายฝ่ายถูกเขาทุบตีจนเสียหน้าล่ะก็ ต่อให้ในอนาคตฟู่เกาหยุนบรรลุเป็น ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณหรือระดับขอบเขตตำหนัก ความอัปยศในวันนี้ก็จะไม่มีวันเลือนหายไป
“ฮ่าๆ วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ไม่คาดคิดว่าโลกนี้จะมีอันธพาลที่ต่ำช้าขนาดนี้อยู่ด้วย” หลิงฮันส่ายหัวและก้าวเดินขึ้นหน้า
จักรพรรดินียืนพาดมือไว้ด้านหลังอย่างนิ่งเฉย สายตาของนางไม่ได้แยแสผู้คนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
“หลิงฮัน ไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้ยังไม่ถึงตาของเจ้า!”เป่ยเสวียนหมิงแสยะยิ้ม เจ้าคิดรึว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป?
“พอดีข้ารอไม่ไหวแล้ว!” หลิงฮันก้าวเดินต่อไปเนื่องจากเขาไม่สนใจจะดูการแสดงที่น่ารังเกียจจากเป่ยเสวียนหมิง เหนือสิ่งอื่นใดคือ ถึงแม้เขาจะตัดสายสัมพันธ์กับฟู่เกาหยุนแล้ว แต่อีกฝ่ายก็เฉยช่วยเหลือเขามาก่อน อย่างน้อยเกราะโลหิตมังกรที่จักรพรรดินีสวมใส่อยู่ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้
นอกจากนั้นฟู่เกาหยุนก็ไม่ใช่คนนิสัยแย่อะไรด้วย
“หยุด!” ผู้ติดตามคนหนึ่งด้านหลังเป่ยเสวียนหมิงก้าวเดินออกมา และยกหมัดโจมตีใส่หลิงฮัน ทั้งๆที่ลิ่วล้ออยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่หากต้องให้เจ้านายออกหน้า ลิ่วล้ออย่างพวกเขาจะไปเหลือความสำคัญอะไร?
‘ครืนนน’ หมัดถูกปลดปล่อยออกไปด้วยพลังทำลายอันน่าสะพรึง พร้อมกับตราประทับแห่งเต๋าที่ค่อยๆพรั่งพรูออกมา
ผู้ติดตามคนนี้คือนิรันดร์สามนิพพานสูงสุด ในความเป็นจริง ถึงแม้เขาจะอ่อนแอกว่าเหอเส่าหลิน แต่พลังต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเป่ยเสวียนหมิงเสียอีก
ด้วยหนึ่งหมัดนี้ หลิงฮันจะต้องถูกบดขยี้แน่นอน
หลิงฮันลงมือตอบโต้ เขายกมือขึ้นอย่างลวกๆและคว้าจับไปที่ข้อมือของผู้ติดตามคนนั้น ทำให้การโจมตีหยุดชะงักลง
เป่ยเสวียนหมิงตกตะลึงจนอ้าปากค้างทันที เท่าที่เขาจำความได้ หลิงฮันนั้นเป็นเพียงนิรันดร์หนึ่งนิพพานเท่านั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่รับการโจมตีของนิรันดร์สามนิพพานได้
สามนิพพาน!
เป่ยเสวียนหมิงรู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างจัง หลิงฮันบรรลุเป็นนิรันดร์สามนิพพานแล้ว!
เป็นไปได้อย่างไรกัน… เวลาเพิ่งผ่านมาเท่าไหร่เอง แต่พลังบ่มเพาะของหลิงฮันกลับบรรลุระดับสามนิพพาน ซึ่งเหนือกว่าเขาไปแล้ว ในโลกนี้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
“การทุบตีคนอื่นมันมีความสุขมากรึไง?” หลิงฮันเอ่ยถามผู้ติดตามที่ปล่อยหมัดใส่เขาด้วยสีหน้าเมินเฉย
‘เพี๊ยะ!’
หลิงฮันดึงแขนของอีกฝ่ายเข้าหาตัวและใช้มืออีกข้างตบเข้าที่ใบหน้า “ว่ายังไง? มีความสุขรึเปล่า?” เมื่อเอ่ยถามออกไป เขาก็ทำการตบอีกครั้ง
ผู้ติดตามผู้นี้ถูกตบจนใบหน้าฟกช้ำแต่หลิงฮันก็ยังไม่หยุด หลังจากตบต่อไปได้อีกสักพัก กล้ามเนื้อใบหน้าของอีกฝ่ายก็ฉีกขาด ฟันแต่ละซี่ค่อยๆแตกหักและมีกระดูกโผล่ออกมา
กับคนที่ตั้งใตสังหารเขาด้วยหมัดแล้ว หลิงฮันไม่คิดจะปรานี
“หยุดมือ!” เป่ยเสวียนหมิงคำราม
ถ้าหากคนของเขาถูกทุบตีแล้วเขาไม่เคลื่อนไหวล่ะก็ ในอนาคตใครจะอยากมาติดตามเขา?
‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ หลิงฮันตบใบหน้าของผู้ติดตามผู้นี้ต่ออีกสักพัก ก่อนจะลากร่างผู้ติดตามในมือเดินเข้าไปหาเป่ยเสวียนหมิง เผื่อบอกเป็นนัยๆว่าคนต่อไปคือเจ้า
“เหอเส่าหลิน!” เป่ยเสวียนหมิงรีบส่งเสียงขอความช่วยเหลือ
เหอเส่าหลินพยักหน้าและรีบกระโดดกลับมายืนหน้าเป่ยเสวียนหมิง เขาแสยะยิ้มพร้อมกับกล่าว “ราชาในระดับสามนิพพานงั้นรึ? เหอๆ ต่อหน้าข้า พลังของเจ้าไม่ต่างอะไรจากการผายลม!”
หลิงฮันลากผู้ติดตามในตรงไปหาเหอเส่าหลินโดยไม่กล่าวอะไร ในสายตาของเขา เหอเส่าหลินเป็นเพียงก้อนอากาศธาตุเท่านั้น ซึ่งไม่มีความจำเป็นให้เขาต้องเก็บมาใส่ใจ
“โอหัง!” เหอเส่าหลินเค้นเสียงคำรามอย่างเย็นชา และปล่อยหมัดขวาเข้าใส่ใบหน้าหลิงฮัน
‘ฟุบ’ หลิงฮันใช้อีกมือจับข้อมือของเหอเส่าหลินเอาไว้
สีหน้าของเหอเส่าหลินกลายเป็นแข็งค้าง
เป็นไปได้อย่างไร?
เป่ยเสวียนหมิงเองก็แสดงสีหน้าโง่งม เหอเส่าหลินคือจอมยุทธที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับผู้สืบทอดของขุมอำนาจทรงพลังในระดับสี่นิพพานสูงสุด เป็นไปได้อย่างไรที่การโจมตีของเขาจะถูกหลิงฮันหยุดเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย?
นี่มันราวกับว่าพลังต่อสู้ของทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว
“เจ้าเองก็อยากถูกทุบตีอย่างมีความสุขเหมือนกันสินะ?” หลิงฮันกล่าวพร้อมกับดึงร่างของเหอเส่าหลินเข้ามาใกล้
เหอเส่าหลินรีบโคจรพลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านแต่ก็ไม่เป็นผล และถูกหลิงฮันใช้มือข้างเดียวกับที่ดึงเขาเข้าไปตบเข้าที่ใบหน้าอย่างรุนแรง
นอกจากจะเจ็บปวดแล้ว ยังน่าอับอายเป็นอย่างมากด้วย ที่ต้องถูกตบต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
เมื่อสมใจแล้ว หลิงฮันก็สะบัดข้อมือทั้งสองข้าง ‘พรึบ พรึบ’ ร่างของเหอเส่าหลินและผู้ติดตามอีกคน ถูกโยนไปยังเป่ยเสวียนหมิงด้วยสภาพไร้สติ
เป่ยเสวียนหมิงเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว และสีหน้ากลายเป็นมืดมน
ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ผู้สืบทอดของนิกายอาญาสิ้นแสงเพียงคนเดียวที่เข้ามาที่นี่ แต่ด้วยการที่ผู้สืบทอดแต่ละคนเป็นศัตรูกัน มีรึที่เขาจะไปขอความช่วยเหลือได้?
สิ่งที่เขาทำได้คือทำเหมือนฟู่เกาหยุนเมื่อครู่นี้
“…ข้าขอยอมแพ้!” เป่ยเสวียนหมิงกัดฟันแค้นจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดบวม
หลังจากกล่าวประโยคนี้จบ เขาก็สะบัดมือส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามคนอื่นๆ แบกร่างเหอเส่าหลินกับผู้ติดตามอีกคนที่หมดสติอยู่ขึ้นมา
“คิดจะหนีรึ?” หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” เป่ยเสวียนหมิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมืดมน เขาเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคงไม่สามารถจากไปได้ง่ายๆ
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถึงเรื่องที่ข้าล่วงเกินจื่อเหอปิงอวิ๋นสินะ? เหอๆ ข้าจะบอกอะไรให้ฟัง เมื่อกี่วันที่ผ่านมานี้ ข้าด้สังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นไปแล้ว!”
‘ครืน’ สมองของเป่ยเสวียนหมิงตกตะลึงจนภายในหัวเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
โกหก… ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ!
หากหลิงฮันแค่บาดหมางกับจื่อเหอปิงอวิ๋น ตระกูลจื่อเหอคงไม่ทำอะไร แต่ถ้าจื่อเหอปิงอวิ๋นถูกสังหารล่ะก็ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อถึงตอนนั้น เกรงกว่าทุกคนในที่สุดคงติดร่างแหซวยไปกับหลิงฮันด้วย!
“จะ… เจ้าต้องพูดล้อเล่นแน่ๆ!”
หลิงฮันเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม “กับสวะไร้ค่าเช่นเจ้า ทำไมข้าจะต้องเสียเวลาไปพูดเล่นด้วย? เจ้าบอกสินะว่าข้าช่างกล้าจริงๆ? ฮ่าๆ เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าข้านั้นกล้าขนาดไหน”
เขาสะบัดนิ้ว ‘ฉัวะ’ ปราณดาบพุ่งทะลุกลางกะโหลกของเป่ยเสวียนหมิง พร้อมกับวนกลับมาเฉือนเข้าที่หลังลำคอ
‘ตุบ’ ขาของเป่ยเสวียนหมิงไร้เรี่ยวแรงและล้มลงกับพื้นในทันที ดวงตาของเขาค่อยๆหม่นแสงลงอย่างรวดเร็ว
ฟู่เกาหยุนและคนอื่นๆที่มองดูอยู่ตกตะลึงจนร่างแข็งค้าง จู่ๆฟู่เกาหยุนก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ครั้งหนึ่ง หลิงฮันเคยเอ่ยถามเขาว่า ‘ข้าขอสังหารเป่ยเสวียนหมิงได้หรือไม่’ ในตอนนั้นเขาคิดเพียงว่าหลิงฮันแค่พูดเล่นๆ แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาถึงรู้ว่าในตอนนั้นหลิงฮันตั้งใจจะสังหารเป่ยเสวียนหมิงจริงๆ!