“หัวหน้า พวกเราออกมาตามหามาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ข้าว่าเขาคงไม่…” สตรีชุดเกราะเงินผู้หนึ่งกล่าวกับหัวหน้ากองก๋วนด้วยท่าทางลังเล
ตั้งแต่ตอนที่พัดหลงกันหลิงฮัน พวกนางก็ออกตามหาตำแหน่งของเขามาตลอด ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีอยู่แล้วว่า ภายใต้คลื่นพลังที่ทรงพลังขนาดนั้น หลิงฮันไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าฮูหนิวนั้นยึดติดกับหลิงฮันเป็นอย่างมาก พวกนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกตามหาเขาด้วยความหวังลมๆแล้งๆจนถึงทุกวันนี้
หัวหน้ากองก๋วนแน่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะกัดฟันและนำวัสดุบางอย่างออกมาและติดตั้งเป็นรูปแบบอาคมขนาดเล็ก
พริบตานั้นเอง รูปแบบอาคมก็ส่องแสงสว่างทำหน้าที่เป็นกระจก ภายในกระจกมีร่างของสตรีงดงามผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมา ทันทีที่ร่างของสตรีผู้นั้นปรากฏ นางก็รีบกระโดดชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “พวกเจ้าเจอหลิงฮันของหนิวรึยัง?”
เมื่อมองไปยังท่าทางตื่นเต้นของฮูหนิว หัวหน้ากองก๋วนก็เหงื่อตก “เรียนประมุขหญิงน้อย คือว่าข้าพบเจอตัวหลิงฮันแล้ว แต่…”
“ไหนๆ หลิงฮันอยู่ที่ไหน?” ฮูหนิวหันมองซ้ายขวาราวกับเด็กน้อย โดยไม่หลงเหลือความสูงศักดิ์สิทธิ์ของ ผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเก้าเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งหมดก็เป็นเพราะบุรุษผู้นั้น!
โชคดีที่ตอนนี้บุรุษผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ถึงแม้ประมุขหญิงน้อยจะโศกเศร้าไปสักพัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
“ประมุขหญิงน้อย ในระหว่างทางที่พวกเขาเดินทางกลับ พวกเราบังเอิญถูกลูกหลงจากการปะทะระหว่างตัวตนที่ทรงพลังเข้า ทำให้หลิงฮัน… ถูกสังหารไปแล้ว!” หัวหน้ากองก๋วนกัดฟันในขณะที่กล่าวออกไป
ฮูหนิวชักงักไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด “ไร้สาระ หลิงฮันของหนิวจะตายได้อย่างไร! พวกเจ้ารีบไปตามหาหลิงฮันกลับมาให้หนิวเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นหนิวจะโยนร่างของพวกเจ้าให้หมียักษ์กิน!”
หัวหน้ากองก๋วนเหงื่อไหลท่วมศีรษะ คนที่ตายไปแล้ว นางจะไปหาเจอได้อย่างไร?
ฮูหนิวมั่นใจเป็นอย่างมากว่าหลิงฮันจะต้องมีชีวิตอยู่ เนื่องจากนางรู้ถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ หลังจากที่นางเติบโตจนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นางก็ทำการตรวจสอบถึงต้นกำเนิดของหอคอยทมิฬ และพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะงั้นนางจึงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ว่าหลิงฮันจะถูกสังหารง่ายๆ
“ไม่ว่าอย่างไรหลิงฮันก็ไม่มีทางตาย หากพวกเจ้าหาเขาไม่เจอ ก็ไม่ต้องกลับมา!” ฮูหนิวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “ไม่สิ ข้าออกไปตามหาหลิงฮันเองดีกว่า! แล้วก็ตัวตนที่ทรงพลังอะไรนั่นรอหนิวก่อนเถอะ หนิวจะไปอัดทั้งสองคนนั่นให้เละเลย!”
“ประมุขหญิงน้อยห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด!” ไม่ใช้แค่หัวเราะหน้ากองก๋วน แต่สตรีชุดเกราะเงินคนอื่นก็อุทานออกมาเช่นกัน
การที่จะให้ประมุขหญิงน้อยออกเดินทางมายังโลกภายนอกนั้นอันตรายเกินไป ถ้าหากศัตรูของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์รู้เรื่องนี้เข้า และแอบลอบสังหารนางระหว่างทางล่ะ จะทำอย่างไร?
“ประมุขหญิงน้อยไม่ต้องกังวล พวกเราจะตามหาหลิงฮันให้พบอย่างแน่นอน!” หัวหน้ากองก๋วนคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น ต่อให้หลิงฮันตายไปแล้วจริงๆ นางก็จะยอมเสียเวลาตระเวนตามหาต่อไปอีกหลายหลานแสนปี
ฮูหนิวส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้อง หนิวจะออกตามหาด้วยตัวเอง”
หัวหน้ากองก๋วนและสตรีชุดเกราะเงินคนอื่นๆเหงื่อนไหลท่วมตัว
ถึงแม้พลังบ่มเพาะของนางจะสูงกว่าฮูหนิว แต่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ก็ยังเป็นขุมอำนาจที่ให้ความสำคัญกับชนชั้นสถานะ เหตุผลที่คำใช้เรียกฮูหนิวไม่ผู้สืบทอด แต่เป็นประมุขหญิงน้อยนั้นเป็นเพราะว่า ในอนาคตนางคือผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เพียงหนึ่งเดียว
เพราะงั้นมีรึที่พวกนางจะกล้ากล่าวห้ามฮูหนิว?
พวกนางได้แต่หวังเอาไว้ในใจว่า ผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ยอมให้ฮูหนิวทำเรื่องเอาแต่ใจ
……
อ่านนิยาย
หลิงฮันเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียวในโลกภายนอก เนื่องจากจักรพรรดินีกำลังเก็บตัว เพื่อทะลวงผ่านระดับสี่นิพพาน ต่อให้มีความช่วยเหลือของก็ยังต้องใช้เวลานานพอสมควรอยู่ดี นางจึงไม่สามารถออกมาอยู่กับเขาได้ไปอีกสักพัก
แล้วเขาจะตามหาพวกหัวหน้ากองก๋วนอย่างไรดีล่ะ?
การตามหาใครสักคนในดินแดนแห่งเซียนอันกว้างใหญ่นี้ โอกาสที่จะพบนั้นแทบจะเท่ากับศูนย์
เพราะงั้นวิธีเดียวที่สามารถทำได้ก็คือ เขาต้องสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง เมื่อใดที่ชื่อเสียงของเขาดั่งกระช่อนไปทั่ว พวกหัวหน้าก๋วนก็จะตามหาเขาพบ
อันดับแรกคือต้องหาเมืองให้พบก่อน แต่เนื่องจากว่าในอาณาเขตระแวกนี้ได้ถูกบดขยี้จนเหลือแต่ผืนดินอันว่างเปล่าไปแล้ว จึงไม่มีใครหลงเหลือให้เขาถามถึงตำแหน่งของเมืองที่ใกล้ที่สุด และต้องสุ่มหาทิศทางด้วยตัวเอง
แต่หลังจากเดินผ่านพื้นที่รกร้างอันว่างเปล่าเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว เขาก็ยังมองไม่เห็นร่องรอยที่จะพบเจอเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว
หืม?
จมูกของหลิงฮันกระตุกเล็กน้อยเนื่องจากได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่าง ด้วยนิสัยจอมตะกละและความรอบรู้ในด้านสมุนไพร เขาจึงสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่า กลิ่นหอมที่โชยมานั้นเป็นกลิ่นของขากวางสามศิลาย่าง ที่ถูกหมักด้วยสมุนไพรอย่างน้อยสิบสามขนิด และสมุนไพรระดับสูงสามประเภท
หลิงฮันเดินตามกลิ่นไปจนพบเจอพื้นที่โล่งด้านหน้า ที่บริเวณนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหิน และตรงหน้าของชายหนุ่มมีเนื้อย่างที่กำลังส่งกลิ่นหอม จากการถูกเผาด้วยกองไฟ
เมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันหน้ามาทันที อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มร่างสูงผอม ที่ต่อให้กำลังนั่งอยู่เขาก็ยังสูงกว่าคนทั่วไปราวๆครึ่งศีรษะ รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอยู่ในช่วงอายุราวๆยี่สิบปีต้นๆ แถมยังหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
ต่อให้อายุจะไม่มีความหมายในดินแดนแห่งเซียน แต่จากการไหลเวียนของพลังชีวิตของชายหนุ่มผู้นี้ ก็แสดงให้เห็นได้ว่าอายุของเขายังไม่มากเท่าไหร่
ใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกท่าทางประหลาดใจ เนื่องจากไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
“สหาย ขอแบ่งอะไรให้ข้ากินบ้างได้รึไม่?” หลิงฮันกล่าว
ชายหนุ่มผู้นั้นชะงักไปก่อนเป็นอย่างแรก ก่อนจะเผยรอยยิ้มและสะบัดมือทำท่าทางเป็นเชิงอนุญาติ “เชิญ!”
หลิงฮันนั่งลงอย่างไม่มากพิธี เขานำมีดออกมาและหั่นชิ้นเนื้อย่างเข้าปากคำโต “อร่อย!”
“นายน้อย!” เพียงแต่ว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆร่างเจ็ดร่างก็วิ่งเข้ามาจากหลายทิศทาง และคุกเข่าแสดงความเคารพต่อหน้าชายหนุ่ม เพียงแต่เมื่อทั้งเจ็ดเห็นหลิงฮัน พวกเขาก็แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
ชายหนุ่มผู้นี้มีชื่อว่าหลู่เซียนหมิง สายตาของหันมองไปยังหลิงฮันก่อนจะค่อยแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน “สหาย เจ้าไม่จำเป็นต้องเล่นละครแล้ว เจ้าสังหารเฉินสี่ไปแล้วหรือว่าเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน?”
เขาเพิ่งมานั่งพักที่นี่ได้ไม่นาน โดยที่ผู้ติดตามทั้งแปดคนของเขาได้แยกย้ายกันไปดูลาดลาวกันคนละทิศทาง เพียงแต่ว่าในทิศทางที่หลิงฮันปรากฏตัวนั้น เป็นทิศทางที่ผู้ติดตามที่เขาเรียกว่าเฉินสี่ไม่กลับมา ซึ่งเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หลิงฮันเผยสีหน้าตกตะลึง นี่เขาเป็นตัวอัปมงคลแบบไหนกันแน่ เหตุใดเพียงแค่เดินตามกลิ่นเนื้อย่างมาก็พบเจอปัญหาเสียแล้ว?
นี่มันบ้าอะไรกัน!