หลิงฮันรู้ว่าตัวเขานั้นไม่ได้มีนิสัยชอบแสดงท่าทีนอบน้อมต่อใครอยู่แล้ว หลิวอวี้จึงจงใจใช้ประโยชน์ข้อนี้สร้างสถานการณ์ขึ้นมา
เขากวาดสายตามองไปยังซุนตง “เจ้าเป็นใคร? มีความจำเป็นอันใดที่ข้าต้องดูหมิ่นเจ้าหรือไม่ดูหมิ่นเจ้า?”
เป็นความจริงที่ว่าเขาไม่ได้เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้คนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ มีเพียงผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับห้าขึ้นไปเท่านั้น
ซุนตงหัวเราะและปรบมือ “โอหัง! ช่างโอหังนัก! ข้าได้ยินมาด้วยว่าภรรยาของเจ้านั้นงดงามมากทีเดียว ไหนลองพานางออกมาให้นายน้อยผู้นี้เชยชมหน่อยสิ”
คำพูดนี้คือการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง เนื่องจากมีความหมายแฝงว่า ‘ข้ามองเห็นภรรยาของเจ้าเป็นเพียงโสเภณีที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ’
หลิงฮันขมวดคิ้วและสีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน “เจ้าไม่เห็นตัวอย่างงั้นรึ?” เขาชี้นิ้วไปยังหลิวอวี้ “เพราะปากสุนัข เขาถึงได้พบกับความอัปยศเช่นนั้น หากเจ้าไม่ถอนคำพูดเมื่อครู่ สภาพของเจ้าเองก็จะไม่ต่างกัน”
ซุนตงหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าคิดจะสวนทวารของข้างั้นรึ? หากเจ้าคิดแบบนั้น ข้าก็จะตอบโต้โดยการนำชายร่างกำยำร้อยแปดสิบคน มาทำแบบเดียวกันจนเจ้าต้องโอดครวญร้องขอชีวิต!”
“นายน้อยตง ข้าว่าใช้ฝูงหมูป่าหรือหมียักษ์ทะลวงรูทหารของเขาเลยดีกว่า” หลิวอวี้ที่อยู่ด้านข้างเอายกล่าว ความแค้นที่รูทวารถูกทำให้เจ็บปวดระบมของเขายังไม่เลือนหาย
“เป็นความคิดที่ดี!” ซุนตงปรบมือและเอ่ยชม
“จงนอนโก่งบั้นท้ายเดี๋ยวนี้!” เขาทำการผลักฝ่ามือโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันไม่โจมตีตอบโต้ แต่ในขณะที่การโจมตีของซุนตงกำลังจะมาถึงตัวนั่นเอง สายตาของเขาก็ถลึงมองไปยังอีกฝ่าย ‘ครืนน’ ออร่าอันทรงพลังพรั่งพรูออกมา จนทำให้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายชะงักโดยพลัน
ต้องรู้ก่อนว่าหลิงฮันไม่เพียงขัดเกลาพลังด้วยอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังดูดซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารของต้นอสูรปีศาจขาวไปแล้วด้วย เพราะงั้นคิดว่าออร่าของเขาในตอนนี้จะน่าเกรงขามขนาดไหน?
หัวใจของซุนจงบีบรัด และรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย ตอนนี้อย่าว่าแต่จะลงมือโจมตีเลย แค่จะพยุงตัวให้ยืนอยู่ได้เขาก็ต้องใช้พลังกายและพลังใจทั้งหมดแล้ว
มีคนที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร? แม้ตัวเขาจะไม่ใช่ราชาแห่งยุค แต่พลังของเขาก็อยู่ห่างจากราชาเพียงแค่เอื้อม ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่เมื่ออยู่หน้าหลิงฮัน แค่จะประชิดตัวเขาก็ไม่อาจทำได้ ความต่างของพลังขนาดนี้มันอะไร?
“ไว้อาลัยแด่รูทวารของเจ้าเสียเถอะ!” หลิงฮันคำรามอย่างเกรี้ยวกราด แรงกดดันที่ถูกปลดปล่อยออกมา ส่งผลให้ร่างของซุนตงทรุดลงกับพื้นและต้องพยุงร่างเอาไว้ด้วยเข่าค้างเดียว “ข้าต้องการเก็บตัวอยู่คนเดียว และไม่ทำตัวโดดเด่นแท้ๆ แต่พวกเจ้าแต่ละคนก็ยังแส่หาเรื่องข้าอยู่ได้ พวกเจ้าคิดงั้นรึว่าข้าเป็นคนที่จะรังแกได้ง่ายๆ?”
ครั้งนี้เขาอุตส่าห์ยอมแม้กระทั่งยกห้องบ่มเพาะกาลเวลาให้แล้ว แต่ดูสิว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
‘พรึบ’ แท่งไผ่ถูกนำออกมาอีกครั้งและทะลวงเข้าใส่ก้นของซุนตง
“อ้ากกก!” ซุนตงร้องโอดครวญด้วยความทรมาน เขาเคยทะลวงก้นของสตรีมามากมายแล้วก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ แถมสิ่งที่ใช้แทงเข้ามายังมีขนาดใหญ่โตอีก
หลิวอวี้ที่มองดูอยู่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนหน้านี้เขาแค่รู้สึกว่าความเป็นปวดที่ถูกทิ่มแทงนั้นเป็นอย่างไร ครั้งนี้เมื่อได้เห็นภาพที่ซุนตงถูกทะลวงรูทวารต่อหน้า ก้นของเขาก็เกิดการบีบรัดโดยไม่รู้ตัว
“แล้วก็เจ้า!” หลิงฮันคว้ามือไปจับหลิวอวี้ “ข้ายอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆแท้ๆ แต่เจ้าก็ยังไม่สำนึกงั้นรึ? หรือว่าบางทีเจ้าจะเสพติดการถูกทะลวงก้นไปแล้ว? ได้ ข้าจะสนองให้!”
‘พลั่ว’ แท่งไผ่ที่ท่อนถูกทะลวงเข้าใส่ก้นของหลิวอวี้
หลิงฮันปัดฝุ่นบนมือ เขามองไปยังร่างของชายหมดสติสองคนที่กำลังแอ่นก้นขึ้นฟ้า และมีแท่งไผ่เสียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากห้องบ่มเพาะกาลเวลา
เขามุ่งหน้าไปยังที่ทำการของอาณาเขตเมืองขั้นแรก เวลาที่ผ่านมาหนึ่งเดือน คำร้องขอในการเข้าสู่อาณาเขตที่สองของเขาน่าจะได้รับการอนุมัติแล้ว
“อะไรกัน ไม่ผ่านการอนุมัติงั้นรึ?” หลิงฮันมองไปยังเจ้าหน้าที่ทำการด้วยความประหลาดใจ เขาก็เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานตรงตามเงื่อนไขแท้ๆ แต่เหตุใดคำร้องขอถึงไม่ผ่านกัน?
“เจ้าบังเอิญมาในจังหวะที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงเพิ่งจะหลอมเม็ดยาเสริมรากฐานเสร็จพอดี เพราะปรมาจารย์มีนิสัยที่ไม่เหมือนใคร เขาจึงไม่คิดขายเม็ดยาที่ว่าและจะนำมาใช้เป็นรางวัลของการประลองระหว่างจอมยุทธระดับโลกียนิพพานของเมืองนี้แทน”
เจ้าหน้าที่ทำการกล่าวต่อ “ตอนนี้ทุกๆอาณาเขตเมืองกำลังคัดกรองคนอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนที่พ่ายในจากอาณาเขตนี้ ไปร่วมสมัครประลองใหม่ในอาณาเขตที่สอง การอนุมัติเข้าอาณาเขตที่สองของจอมยุทธระดับโลกียนิพพาน จึงถูกระงับไว้ชั่วคราว”
หลิงฮันเอ่ยถาม “ข้าขอถามได้รึไม่ว่า เม็ดยาเสริมรากฐานที่ว่ามีคุณสมบัติอันใด?”
“บอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ จอมยุทธที่ต้องการเม็ดยาเสริมรากฐานนั้นมีอยู่มากมาย ถึงรู้ไปเจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครองมันอยู่ดี โอ้จริงสิ เจ้ารู้จักราชานิรันดร์หย่งชางรึเปล่า?” เจ้าหน้าที่ทำการผู้นี้บอกว่าต่อให้เขารู้ไปก็ไม่มีประโยชน์แท้ๆ แต่ก็ยังพูดไม่หยุด
หลิงฮันพยายามระงับความไม่พอใจเอาไว้ และกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่รู้”
เจ้าไม่รู้งั้นรึ?
เจ้าหน้าที่ทำการกล่าวโอ้อวดทันใด “หากจะพูดถึงราชานิรันดร์หย่งชาง คำที่สามารถใช้เรียกอีกฝ่ายได้ก็คงเป็น ‘ผู้ปกครองแห่งยุคที่แท้จริง’ เจ้ารู้รึไม่ว่ารานิรันดร์นั้นแบ่งออกเป็นเก้าระดับ โดยที่แต่ละระดับมีความห่างชั้นกันราวกับสวรรค์และปฐพี?”
หลิงฮันกล่าวตอบ “เรื่องนั้นข้ารู้”
“เหอๆ ราชานิรันดร์หย่งชางคือราชานิรันดร์ระดับแปด และปกครองวิหารอนันต์รุ่งโรจน์มาหลายยุคหลายสมัย!” เจ้าหน้าที่ทำการกล่าว
หลิงฮันหงุดหงิดเล็กน้อย ข้าถามว่าเม็ดยาเสริมรากฐานมีคุณสมบัติแบบใดไม่ใช่รึไง แต่เหตุใดเจ้าถึงเล่าเรื่องของราชานิรันดร์หย่งชางให้ข้าฟังกัน นี่สมองเจ้ามีปัญหารึเปล่า?
“ครั้งนี้แม้แต่วิหารอนันต์รุ่งโรจน์ ก็ส่งจอมยุทธที่ทรงพลังผู้หนึ่งมาเพื่อแย่งชิงเม็ดยาเสริมรากฐาน จอมยุทธที่ว่าคือจ้าวชิงเฟิง หนึ่งในสี่ราชาสวรรค์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของผู้สืบทอดเอี๋ยนเซียนลู่”
“เจ้าคิดว่าหากแม้กระทั่งจ้าวชิงเฟิงหมายปิงก็ยังหมายปอง เจ้าจะสามารถแย่งชิงเม็ดยาเสริมรากฐานได้งั้นรึ?”
เจ้าหน้าที่ทำการกล่าว
ในที่สุดหลิงฮันก็เจ้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายว่าต้องการพูดอะไร อีกฝ่ายต้องการบอกเขาว่าแม้แต่ผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับแปด ก็ยังส่งคนมาเพื่อแย่งชิงเม็ดยาเสริมรากฐาน!
จิตวิญญาณสู้รบของหลิงฮันเดือดพล่าน ผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับแปก ย่อมต้องเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าเสียดายที่คนที่ถูกส่งมาเป็นเพียงหนึ่งในผู้ติดตามของผู้สืบทอดเท่านั้น
หลิงฮันไต่ถามหลายต่อหลายครั้ง จนเจ้าหน้าที่ทำการยอมเล่าว่าเม็ดยาเสริมรากฐานที่ว่า มีคุณสมบัติในการทำให้รากฐานพลังบ่มเพาะโดยรวมของนิรันดร์มีความมั่นคงยิ่งขึ้น สำหรับนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานทั่วไป เม็ดยาชนิดนี้คงไม่มีผล แต่สำหรับอัจฉริยะแล้ว เม็ดยาที่ว่าคือสมบัติอย่างแท้จริง
หากจำลองภาพการบ่มเพาะพลังให้เป็นการเรียงหินเป็นแนวสูงล่ะก็ อัจฉริยะก็คือคนที่สามารถเรียงหินได้สูงกว่าจอมยุทธทั่วไป แต่ยิ่งเรียงขึ้นไปสูงเท่าไหร่หินที่เป็นฐานด้านล่างก็ย่อมต้องสั่นไหว และเสียงต่อการล้มลงมาได้ทุกเมื่อ
แต่หากมีเม็ดยาเสริมรากฐานมาช่วยล่ะก็ ฐานหินก็จะมั่นคงและสามารถเรียงหินให้สูงขึ้นต่อไปได้อีกเรื่อยๆ
เพราะแบบนี้เม็ดยาเสริมรากฐานถึงได้ดึงดูดความสนใจของเอี๋ยนเซียนลู่ได้ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดว่าตนเองสูงส่งมาก หรือมีภารกิจอื่นที่ต้องทำกันแน่ ถึงได้ส่งคนมาเป็นทั่วแทนเช่นนี้
เพียงแต่ในเมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูหลิงฮันแล้ว เม็ดยาเสริมรากฐานที่ว่าก็ต้องเป็นต้องเขา!