ถึงแม้การจับกลุ่มกันจะเป็นการกระทำที่ไร้ยางอาย แต่ก็ไม่ได้ผิดกฎของการประลอง
รุ่นเยาว์ชุดฟ้ายิ้มอย่างหยิ่งผยอง เขาวางแผนจะใช้จำนวนคนที่มีมากกว่าในการเอาชนะการประลองครั้งนี้ ส่วนในการประลองครั้งต่อๆไป เขาก็จะใช้เงินต่อรองคู่ต่อสู้ เพื่อที่ตนเองจะได้ผ่านเข้ารอบไปถึงอาณาเขตที่สี่
เมื่อผ่านไปถึงการประลองรอบนั้นได้เขาก็ไม่สนใจชัยชนะอีกต่อไป เพราะแค่ผ่านเข้ารอบไปยังอาณาเขตที่สี่ได้ ชื่อเสียงของเขาก็เขาเป็นที่รู้จักมากพอแล้ว
“ช่วยกันจัดการพวกมันก่อนเลย!” เสียงของใครบางคนเอ่ยดังขึ้นมา
เมื่อผู้เข้าประลองคนอื่นๆในยิน พวกเขาก็เห็นพ้องกันทันที ถึงแม้กลุ่มของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าจะมีกันอยู่สิบกว่าคน แต่คนที่อยู่บนลานประลองแห่งนี้นั้นมีมากกว่าหนึ่งร้อยคน ด้วยจำนวนหนึ่งร้อยต่อสิบ มีรึที่พวกเขาจะพ่ายแพ้?
“ลุย!”
ผู้เข้าประลองนับร้อยพุ่งทะยานล้อมรอบรุ่นเยาว์ชุดฟ้าเอาไว้
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าชะงักและแสดงสีหน้าโง่งม เขาไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลายมาเป็นแบบนี้!
ศัตรูมีจำนวนมากเป็นหลักร้อย เขาจะต้านทานไหวได้อย่างไร?
เมื่อผู้ชมมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนลานประลอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เหตุการณ์พลิกผันแบบนี้ถือว่าหาดูได้ไม่บ่อยเท่าไหร่
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ กลุ่มคนสิบกว่าคนของรุ่นเยาว์ชุดฟ้า ถูกรุมทุบตีจนหมดสภาพอย่างรวดเร็ว พวกเขาสิบกว่าคนเป็นแค่จอมยุทธทั่วไปที่มารวมกลุ่มกันเท่านั้น เพราะงั้นจึงไม่มีความสามารถท้าทายสวรรค์ที่จะสามารถรับมือศัตรูนับร้อยไหว
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น โดยที่ไม่รู้ว่ามีเท้าของใครต่อใครบ้างที่ประเข้าที่ร่างกายของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยกมือขึ้นมากุมหัวเอาไว้ ซึ่งในจังหวะนั้นเอง เขาก็เหลือมองไปยังรุ่นเยาว์ผู้นี่กำลังยิ้มมาที่เขา
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที อีกฝ่ายจะต้องจงใจยิ้มเยาะเย้ยเขาเป็นแน่!
คอยก่อนเถอะ ข้าจะจำใบหน้าของเจ้าเอาไว้!
คนที่ยิ้มเมื่อครู่ไม่ใช่ใครคือนอกจากหลิงฮัน อันที่จริงเขาคิดจะทำให้การประลองในครั้งนี้จบลงแบบไม่เอิกเกริกแท้ๆ แต่ผู้ร่วมประลองทุกคนกับร่วมมือกันจัดการกลุ่มของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าเสียได้
หลิงฮันสะบัดมือและยิ้ม “ไสหัวไปได้แล้ว”
‘พรึบ’ ร่างของรุ่นเยาว์ชุดฟ้าถูกพลักลอยกระเด็นออกจากลานประลอง ซึ่งตามกฎถือว่าหมดสิทธิประลองต่อแล้ว
รุ่นเยาว์ชุดฟ้าฝืนคลานลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าฟกช้ำ “เจ้ากับข้าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้! ไม่มีใครเคยล่วงเกินซานเถี้ยนอู๋ผู้นี้แล้วมีชีวิตรอดไปได้!”
หลิงฮันขมวดคิ้ว ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ รู้แบบนี้เขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงจากลานประลองไปง่ายๆ และทุบตีต่อไปอีกดีกว่า
เมื่อซานเถี้ยนอู๋หมดสิทธิประลอง ผู้ร่วมประลองอีกร้อยกว่าคนก็ส่งเสียงเฮดีใจ และกอดคอกันราวกับว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกันและกัน
“อ้ากก เจ้าแท่งข้า!” แต่ทันใดนั้นใครบางคนก็ร้องโอดครวญออกมา เนื่องจากคนที่เขากอดคอด้วย จู่ๆก็นำดาบออกมาแทงเอาไว้เอวของเขา โชคดีที่พลังชีวิตของนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานนั้นแข็งแกร่งพอ และไม่มีทางตายง่ายๆ
“ก้นของข้า!” ผู้เข้าร่วมประลองอีกคนถูกเตะเข้าที่บั้นท้าย จนล่วงออกจากลานประลอง
จอมยุทธนับร้อยที่ส่งเสียงเฮเมื่อครู่ เปลี่ยนมาตะลุมบอนโจมตีใส่กันทันที
“เจ้าหนู จงพินาศไปซะ!” ชายวัยกลางคนผู้นี้หวัดแกว่งกระบี่ยักษ์พุ่งเข้ามาหาหลิงฮัน
“ระวังเท้าด้วย” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ว่าไงนะ?
ชายวัยกลางคนชะงักเล็กน้อย ข้าเป็นคนกวัดแกว่งดาบใส่เจ้าแท้ๆ แต่เจ้ากลับบอกให้ข้าระวังเท้างั้นรึ? หมายความว่าอย่างไร หัวของเจ้ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า?
เขาครุ่นคิดในใจแต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งมือ กระบี่ยักษ์ถูกกวัดแกว่งเข้าใส่ลำคอของหลิงฮัน
เมื่อเห็นว่ากระบี่กำลังจะสัมผัสถึงคอหลิงฮันแล้ว ชายวัยกลางคนก็แสยะยิ้มออกมา
เพียงแต่ทันใดนั้นเอง ภาพที่เขาเห็นคือจู่ๆหลิงฮันก็ยกมือขึ้นมา และออกแรงปัดเบาๆโดยที่ไม่ได้ใช้ทักษะอะไร กระบี่ที่กำลังจะสัมผัสกับคอของอีกฝ่ายเกิดเบี่ยงทิศทางตวัดลงสู่พื้น
ซึ่งตอนนั้นเขาเผอิญยื่นเท้าซ้ายไปด้านหน้าพอดี ทำให้ปลายกระบี่ทิ่มแทงเข้าใส่เท้าซ้ายของเขาเต็มๆ
“อ้ากกก” ชายวัยกลางคนร้องโอดครวญ กระบี่ที่ทิ่มแทงเข้าใส่เท้านั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาผสานเอาไว้ด้วย ทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นมีโลหิตจำนวนมากไหลทะลักออกมา
ที่ว่าระวังเท้าด้วย หมายความว่าแบบนี้เองหรอกรึ
เขาจ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาแข็งค้าง พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ดั่งใจต้องการ!
ชายวัยกลางคนเหงื่อไหลท่วม โชคยังดีที่อีกฝ่ายเมตตา เล็งแค่ฝ่าเท้าแทนที่จะเป็นน้องชายของเขา
“ขอขอบคุณเจ้ามาก!” เขากล่าวประโยคทิ้งท้าย ก่อนจะออกไปจากลานประลอง
ที่บนแท่งที่นั่งคนดู ผู้ชมทุกคนต่างเผยสีหน้าประหลาดใจและรู้สึกขบขัน ในโลกมีคนแบบนี้อยู่ด้วยรึ? ตนเองเป็นคนลงมือและพลาดทำกระบี่ทิ่มใส่เท้าเองแท้ๆ แต่กลับกล่าวขอขอบคุณอีกฝ่ายและถอนตัว
“ฮ่าๆ นั่นเพราะรุ่นเยาว์ผู้นั้นแข็งแกร่งมากยังไงล่ะ อีกฝ่ายสามารถควบคุมกระบี่ของศัตรูได้ตามใจ เพราะงั้นชายผู้นั้นถึงได้ขอขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่สังหารเขา” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งอธิบาย
“โอ้ นั่นมันเฉิงเฟิงหยุน อัจฉริยะแห่งตระกูลเฉิง!”
“มีคำกล่าวว่าเขามีศักยภาพที่เกือบจะเทียบเคียงได้กับราชาแห่งยุค!”
“ใครเมื่อเขากล่าวว่ารุ่นเยาว์ผู้นั้นแข็งแกร่ง งั้นรุ่นเยาว์ผู้นั้นก็คงจะแข็งแกร่งจริงๆ!”
เหล่าผู้ชมบริเวณใกล้เคียงเริ่มซุบซิบคุยกัน ในขณะที่มีใครบางคนเอ่ยถามออกไปอย่างห้าวหาญ “นายน้อยเฉิง ทำไมท่านไม่เข้าร่วมการประลองด้วยล่ะ?”
เฉืงเฟิงหยุนกล่าวด้วยท่าทางองอาจ “ล้อเล่นรึไง การประลองในครั้งนี้จ้าวชิงเฟิงก็เข้าร่วมด้วย แม้แต่ผู้สืบทอดราชานิรันดร์ถึงสามคนก็ยังถอนตัวเพราะเขา พวกเจ้าคิดว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน?”
ทุกคนที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ล้วนแต่มีโชคชะตา ที่ต้องถูกจ้าวชิงเฟิงเหยียบย่ำ เพราะงั้นทำไมเข้าจะต้องร่วมประลองเพื่อสร้างความอัปยศให้ตัวเองด้วย?
ชื่อเสียงของเขามีมากพออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้การประลองครั้งนี้เพื่อเพิ่มพูนชื่อเสียงให้ตนเอง
“นายน้อยเฉิง ในความคิดของท่าน รุ่นเยาว์ผู้นั้นจะเอาชนะการประลองในกลุ่มนี้ได้รึไม่?” ใครบางคนเอ่ยถาม
เฉิงเฟิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “ไม่มีทาง! ตอนนี้เขาเปิดเผยความสามารถออกมาแล้ว เพราะงั้นจะต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้ร่วมประลองคนอื่นแน่ แทบจะไม่มีทางเลยที่เขาจะเอาชนะการร่วมมือกัน ของผู้รวมประลองนับร้อยได้”