หลิงฮันและสตรีนกอมตะเดินทางไปยังอาณาเขตที่สี่ผ่านค่ายกลอาคมเคลื่อนย้าย
ในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้ชนะ เขาจึงได้รับสิทธิพิเศษเล็กน้อยให้สามารถพาสหายหนึ่งหรือสองคน ติดตามไปยังอาณาเขตที่สี่ด้วยได้
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการชมการประลองไม่ได้รับสิทธิ์นี้ พวกเขาจำเป็นต้องจ่ายศิลาดวงดาวเพื่อใช้ค่ายกลอาคมเคลื่อนย้าย
หลังจากมาถึงอาณาเขตที่สี่ หลิงฮันและตัวแทนคนอื่นๆไปพักผ่อนในที่พักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ นอกจากพวกเขาแล้ว ตัวแทนผู้ชนะจากอาณาเขตที่สองและสาม ก็อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน
มีเพียงตัวแทนผู้ชนะจากอาณาเขตที่สี่เท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ และจะปรากฏตัวในการประลองวันพรุ่งนี้
เพียงแต่ว่าในยามค่ำคืน จู่ๆกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวก็กวาดผ่านไปทั่วทั้งที่พักทั้งสิบสอง
เป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้!
ตัวแทนผู้ชนะทุกคนเปิดประตูออกมา และพบเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า ราวกับเทพสงครามที่เหยียบย่ำยุทธภพ
“จะ… จ้าวชิงเฟิง!” ใครบางจดจำอีกฝ่ายได้และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เหล่าคนที่คว้าชัยชนะมาถึงรอบนี้ได้ ใครบ้างไม่ใช่ราชาแห่งยุค? แต่การที่แม้แต่ราชาแห่งยุคก็ยังเอ่ยชื่อของจ้าวชิงเฟิงด้วยน้ำเสียงหวาดผวานั้น แสดงให้เห็นว่าจ้าวชิงเฟิงผู้นี้ทรงพลังขนาดไหน
“จ้าวชิงเฟิง!” ดูเหมือนว่าคนที่รู้จักจ้าวชิงเฟิงจะมีมากมาย ราชาคนอื่นๆขมวดคิ้วและเผยสีหน้าหวั่นเกรง
มีข่าวลือหนาหูว่าจ้าวชิงเฟิงไม่เพียงแค่ทรงพลังและอวดดีเท่านั้น แต่ยังมีงานอดิเรกชอบสังหารอัจฉริยะอีกด้วย
จ้าวชิงเฟิงพาดมือสองข้างไว้ที่ด้านหลัง สายตาของเขากวาดมองฝูงชนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเค้นเสียง “ไม่ว่าหน้าไหนก็เป็นเพียงขยะไร้ค่า ที่ไม่ควรค่าให้ข้าลงมือ!”
ทุกคนเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ในกลุ่มพวกเขาใครบ้างที่ไม่ใช่ราชาแห่งยุค? ในหมู่พวกเขามีถึงคนหรือสองคนด้วยซ้ำที่มีศักยภาพเกือบจะเทียบเท่าราชาในหมู่ราชา แต่เจ้ากลับมาบอกว่าพวกข้าเป็นเพียงขยะไร้ค่างั้นรึ?
“ไม่พอใจรึไง?” จ้าวชิงเฟิงแสยะยิ้มและยื่นฝ่ามือออกไป ‘ตูม ตูม ตูม’ ปลายดาบสีครามอันแหลมคมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
‘ครืนน’ เมื่อปลายดาบนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตี อำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลังก็ระเบิดออกมาจนสวรรค์แทบจะพังทลาย
ทุกคนรีบโจมตีตอบโต้อย่างรวดเร็ว ‘ปัง ปัง ปัง’ ที่พักทั้งสิบสองพังทลายในพริบตา เมื่อฝุ่นควันสลายหายไป ร่างของคนแทบจะทุกคนก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ในขณะที่คนที่ยังพอพยุงร่างไหวต่างได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย
เหตุใดถึงได้ทรงพลังขนาดนี้? เพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าก็สามารถกำราบราชานับสิบได้อย่างง่าย
“ข้าขอย้ำอีกครั้งว่าพวกเจ้ามันเป็นเพียงขยะไร้ค่า!” จ้าวชิงเฟิงกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “ที่ข้ามาในวันนี้ ก็เพราะต้องการมาบอกให้พวกเจ้าทุกคนถอนตัว เพื่อไม่ให้ข้าต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ในการประลองวันพรุ่งนี้ จะมีเพียงการประลองนัดเดียวเท่านั้น!”
สายตาของเขาเหลือบมองคนผู้หนึ่งที่ยังคงยืนอยู่ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆจากการโจมตีเมื่อครู่
หลิงฮัน!
ส่วนสตรีนกอมตะนั้นถูกนำตัวเขาไปในหอคอยทมิฬเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าคือหลิงฮัน?” จ้าวชิงเฟิงกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น ดวงตาทั้งสองข้างของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งสงคราม
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย อีกฝ่ายรู้จักชื่อเขาด้วยงั้นรึ?
“ไม่ผิด ข้าคือหลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวตอบ
จ้าวชิงเฟิงผู้นี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง บางทีอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้สืบทอด ที่ถูกฝึกฝนโดยขุมอำนาจราชานิรันดร์เสียด้วยซ้ำ
จ้าวชิงเฟิงยิ้มมุมปาก “เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ! วันพรุ่งนี้จะมีเพียงการประลองอันดุเดือด ระหว่างเจ้ากับข้าเพียงนัดเดียว!”
เขากวาดสายตามองฝูงชน “หากในวันพรุ่งนี้พวกเจ้าไม่สละสิทธิ์แต่โดยดี ก็อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้!”
ทุกคนแน่นิ่งไม่กล่าวอะไรตอบโต้ ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าตนเองพอมีความหวัง ที่จะโค่นจ้าวชิงเฟิงอยู่ได้บ้าง แต่หลังจากที่ถูกจ้าวชิงเฟิงกำราบในหนึ่งกระบวนท่า ความมั่นใจของพวกเขาก็หายไปทันที
แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่มีวันชนะอยู่แล้ว จะยอมแพ้แต่เนิ่นๆหรือพ่ายแพ้ทีหลัง ก็ไม่ต่างกัน
ที่น่าสงสารที่สุดก็คงเป็นหลิงฮัน การที่ตกเป็นเป้าหมายของจ้าวชิงเฟิงเช่นนี้ ในการประลองวันพรุ่งนี้เขาจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
“หลิงฮัน ข้าจะตั้งตารอการประลองในวันพรุ่งนี้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังเสียล่ะ” จ้าวชิงเฟิงจ้องมองหลิงฮันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื่้อและจากไป
ความหยิ่งยโสนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าจริงๆ
หลิงฮันลูบคางครุ่นคิด หรือว่านี่เขาทำตัวไม่โดดเด่นเกินไปกันนะ? จ้าวชิงเฟิงเป็นเพียงผู้ติดตามของผู้สืบทอดแท้ๆ แต่อีกฝ่ายก็ยังทำตัวโอหังในเมืองวิถีโอสถได้ตามใจชอบ
ในวันพรุ่งนี้… ข้าจะบดขยี้หมอนี่ให้เละ!
หลิงฮันตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าเอี๋ยนเซียนลู่จะเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวแค่ไหน ก็เป็นเรื่องของอนาคต ความหยิ่งผยองที่จ้าวชิงเฟิงแสดงออกมานั้นน่าขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก หากไม่ทุบตีอีกฝ่ายให้หนำใจจิตใจของเขาคงไม่มีวันสงบ
เนื่้องจากที่พักก็ถูกทำลายไปแล้ว แถมการประลองในวันพรุ่งนี้ก็เข้าร่วมไม่ได้แล้วด้วย ตัวแทนผู้ชนะหลายคนจึงขอตัวจากไปในทันที แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ยังคงรู้สึกไม่ยินยอม และเดิมพันความหวังเอาไว้ที่หลิงฮัน
พวกเขาหวังที่จะได้เห็นหลิงฮันพลิกผลันสถานการณ์ แลบดขยี้จ้าวชิงเฟิงให้เละ
หนึ่งค่ำคืนผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ในวันรุ่งขึ้น หลิงฮันกับสตรีนกอมตะได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานประลอง ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลเท่าไหร่
“อะไรกัน ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆสละสิทธิ์ไปแล้ว และเหลือผู้ประลองแค่สองคนเท่านั้น?” ณ บนลานประลอง เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ดูแลการประลอง อ่านรายงานที่อยู่ในมือด้วยสภาพที่เหงื่อไหลท่วม
บัตรเข้าชมก็ขายไปหมดแล้ว เหตุใดเหตุการณ์เช่นนี้ถึงได้เกิดขึ้นได้กัน?
“จ้าวชิงเฟิง!” เจ้าหน้าที่ดูแลการประลองกัดฟัน เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะจ้าวชิงเฟิงแน่ๆ ที่ไปข่มขู่ผู้เข้าร่วมการประลองคนอื่นๆให้สละสิทธิ์
โชคดีที่ยังเหลือผู้เข้าร่วมประลองอยู่อีกหนึ่งคน
ถึงแม้จ้าวชิงเฟิงจะทำตัวอวดดีตามใจชอบ แต่ก็ไม่มีใครสามารถกล่าวโทษได้ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงผู้ติดตามของเอี๋ยนเซียนลู่ โบราณมีคำกล่าวว่าหากจะจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของก่อน เอี๋ยนเซียนลู่ที่ว่าคืออัจฉริยะที่ในอนาคตจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ได้อย่างแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้ใครกันจะกล้าล่วงเกินเขา?
“ข้าหวังเหลือเกินว่าหลิงฮันผู้นี้จะสามารถสั่งสอนจ้าวชิงเฟิงได้!” เจ้าหน้าที่ดูแลกล่าว ก่อนจะส่ายหัวให้กับคำพูดตัวเอง
เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด ขนาดผู้สืบทอดราชานิรันดร์ก็ยังถูกจ้าวชิงเฟิงจัดการอย่างง่ายดาย เพราะงั้นมีรึที่จ้าวชิงเฟิงจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้?