หลังจากกลับมายังตระกูลหลู่ หลิงฮันก็เรียกจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะออกมาจากที่พัก แต่ในขณะที่กำลังจะจากไปนั้นเอง พวกเขาก็บังเอิญพบเจอธิดาโร๋วที่ประตูทางเข้า
เมื่อธิดาโร๋วพบเห็นจักรพรรดินี นางก็เผยสีหน้าหวาดผวาออกมา
จักรพรรดินีนั้นไม่เพียงแค่งดงามกว่านาง แต่กลิ่นอายของอีกฝ่ายยังน่าเกรงขามมากอีกด้วย เพราะงั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดินี นางจึงรู้สึกหวาดหวั่นและไม่กล้าทำตัวสูงส่ง
เพียงแต่ธิดาโร๋วก็ยังคงเป็นธิดาโร๋ว ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์และกล่าว “พวกเจ้าทั้งสามคนช่างรักกันดีจริงๆนะ ถึงได้ตัวติดกันทั้งวันแบบนี้?”
จักรพรรดินีชำเลืองมองอีกฝ่าย และกล่าวด้วยน้ำเสียงอันน่ายำเกรง “เรียกข้าว่าพี่สาว!”
ธิดาโร๋วเบะปาก นางลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมกล่าว “พี่สาว” ถึงแม้นางจะไม่ยินยอม แต่ก็ไม่มีทางเลือก
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พวกเรากำลังจะออกจากตระกูลหลู่”
“เจ้าไปสร้างปัญหาอะไรอีกแล้วล่ะ? อย่าบอกนะว่าครั้งนี้เจ้าไปทุบตีผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถมา?” ใบหน้าอันงดงามของธิดาโร๋วเปลี่ยนสีเล็กน้อย บุรุษผู้นี้เป็นตัวปัญหาเสียจริง ไม่ว่าเขาไปที่ไหนก็สร้างเรื่องได้ตลอด อย่างที่รู้ว่าปัญหาระหว่างขุมอำนาจราชานิรันดร์ทั้งสองยังไม่ทันจบ หลิงฮันก็ไปล่วงเกินผู้สืบทอดเมืองวิถีโอสถเสียแล้ว
เพียงแต่ว่านี่ก็สมกับเป็นหลิงฮันล่ะนะ
หลิงฮันเกาหัว เหตุใดธิดาโร๋วถึงได้เข้าใจเรื่องราวไปแบบนั้น?
นางไม่คิดหรือว่า เขาอาจจะเบื่อที่จะอาศัยอยู่ในตระกูลหลู่แล้วก็ได้ เลยอยากไปอยู่ที่อื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ?
สตรีนกอมตะหัวเราะคิกคัก เนื่องจากตอนนี้มีจักรพรรดินีอยู่ด้วย นางจึงไม่กังวลว่าธิดาโร๋วจะสามารถขโมยหัวใจของหลิงฮันได้
“เอ่อ ก็แค่ผู้ช่วยนักปรุงยาตัวจ้อยคนหนึ่ง” หลิงฮันกล่าวออกไปลวกๆ
“โอ้” ธิดาโร๋วรู้สึกโล่งอก ถึงแม้เมืองวิถีโอสถจะให้ความเคารพต่อนักปรุงยาเป็นอย่างมาก แต่ผู้ช่วยนักปรุงยาก็ยังคงเป็นแค่ผู้ช่วยนักปรุงยา ด้วยพรสวรรค์ของหลิงฮัน ย่อมมีขุมอำนาจที่ทรงพลังมากมาย ยินดียื่นมือเข้ามาช่วยสะสางปัญหา
“เพียงแต่ผู้ช่วยนักปรุงยาที่ว่า คือคนของปรมาจารย์จื่อเฉิง” หลิงฮันกล่าวต่อ
หากเปลี่ยนคนอื่นที่ได้ยินเรื่องนี้ล่ะก็ คงสำลักโลหิตออกมาแล้ว แต่เนื่องจากธิดาโร๋วเป็นศิษย์ของนิกายซู่หนู่ นางจึงยังสามารถคงสีหน้าอันงดงามเอาไว้ได้
แน่นอนที่นางเข้าร่วมการประลองเพื่อแย่งชิงเม็ดยาเสริมรากฐาน ย่อมรู้ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงคือใคร
เจ้าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิงงั้นรึ?
ฮึ่ม ความกล้าขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่เหยียบย่ำสวรรค์ไปเลยล่ะ?
ถึงแม้เมืองวิถีโอสถจะเป็นขุมอำนาจสี่ดาว แต่เนื่องจากสถานะอันพิเศษของนักปรุงยา ทำให้เมืองแห่งนี้มีอำนาจเทียบเท่าขุมอำนาจราชานิรันดร์ โดยที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็คือตัวตนที่สามารถยืนยัดทัดเทียมราชานิรันดร์
“เร็วเข้า พวกเราต้องรีบหนี!” ธิดาโร๋วกล่าวอย่างเร่งรีบ จอมยุทธเช่นพวกเขาย่อมเก็บของสำคัญไว้ในอุปกรณ์มิติของตนเองอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนก็ได้ตลอดเวลา
หลิงฮันประหลาดใจเล้กน้อย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าแท้ๆ ทำไมเจ้าต้องไปด้วยล่ะ? ก็เห็นๆอยู่ว่าหลู่เซียนหมิงรู้สึกสนใจใจตัวเจ้าไม่ใช่รึไง? เจ้าไม่อยากอาศัยอยู่ที่นี่และเป็นสตรีของนักปรุงยารึ?
“ข้าบอกจะไปก็จะไปสิ อีกอย่างความทะเยอทะยานของข้านั้นสูงส่งกว่านั้น บุรุษที่ข้าจะแต่งงานด้วย ต้องเป็นจักรพรรดิที่เหยียบย่ำทุกคนในใต้ล้า เจ้าคิดว่านักปรุงยาอ่อนหัดเช่นนั้นมีคุณสมบัติพอจะครอบครองข้างั้นรึ?” ธิดาโร๋วกล่าวอย่างหยิงทะนง “บุรุษที่ต้านทานข้าไม่ได้น่ะ ข้าไม่คิดจะแยแสหรอกนะ!”
หลิงฮันเหงื่อตก ในโลกนี้มีบุรุษที่ต้านทานเสน่ห์ของธิดาโร๋วได้ด้วยงั้นรึ?
หากเขาลองถามตัวเองล่ะก็ คำตอบก็คงเป็น ‘ไม่ได้’
“ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถต้านนางได้!” จักรพรรดินีกระซิบข้างหูหลิงฮัน ถึงแม้คนอื่นจะต้านเสน่ห์ของธิดาโร๋วไม่ได้ แต่นางทำได้
หลิงฮันชำเลืองมองไปยังจัรกพรรดินี ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ นางก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะ ‘จับ’ กายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรมาให้เขา
ทั้งคนมุ่งหน้าออกจากที่พัก แต่หลังจากออกมาได้ไม่นาน พวกเขาก็พบเจอกลุ่มของหลู่เซียนหมิงที่เดินทางกลับมา
“หลิงฮัน!” หลู่เซียนหมิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “ข้าไปผิดใจกับเจ้าตอนไหนกัน ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้า?”
หลิงฮันส่ายหัว “พี่ชายหลู่ ดูเหมือนท่านจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดนะ ข้าเป็นเพียงแขกของท่านเท่านั้นไม่ใช่ทาส ข้าคิดจะทำอะไร ย่อมไม่จำเป็นต้องยอมคำอนุญาติจากท่าน ยิ่งกว่านั้นข้าก็อาศัยอยู่ดีที่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น ท่านก็คิดว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว?”
หลู่เซียนหมิงเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด “เจ้าจะต่อต้านข้าให้ได้สินะ?”
หลิงฮันถอนหายใจ เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้คิดว่าเขาติดหนี้บุญคุณกันนะ?
หากจะพูดให้ถูก หลู่เซียนหมิงต่างหากที่เป็นหนี้ชีวิตเขา
“ท่านจะคิดยังไงก็แล้วแต่” หลิงฮันสะบัดมือและเดินจากไป
“ธิดาโร๋ว!” หลู่เซียนหมิงตะโกน “เจ้าต้องการติดตามชายผู้นั้นไปจริงๆรึ? เจ้าลองไตร่ตรองดูให้ดี บุรุษผู้นั้นอาจจะนำพาภัยพิบัติไปสู่นิกายซู่หนู่ก็เป็นได้!”
ธิดาโร่วไม่แม้แต่หันหลังกลับ “ข้าขอบคุณความหวังดีของนายน้อยหลู่มาก เพียงแต่ข้ารบกวนขออาศัยอยู่ที่นี่มานานเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากรบกวนนายน้อยหลู่อีกต่อไป!”
ใบหน้าของหลู่เซียนหมิงมืดมนยิ่งกว่าเดิม แน่นอนว่าเขารู้สึกธิดาโร๋วเพียงหาข้ออ้างมาพูดเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วนางคิดจะตัดสายสัมพันธ์กับเขา
เขากำหมัดแน่นและรู้สึกราวกับถูกทรยศเป็นสองเท่า
หลิงฮันคร้านจะเสวนาด้วย เขาเดินจากไปอย่างไม่แยแส
ธิดาโร๋วเองก็ก้าวเดินตามไป หากจะให้เลือกล่ะก็ นางคิดว่าหลิงฮันนั้นเป็นบุรุษพึ่งพาได้ยิ่งกว่าหลู่เซียนหมิง