ตอนที่ 1999 ขับไล่
ในตอนนี้ แม้แต่จักรพรรดินีที่หยิ่งทะนง ก็ยังต้องจําใจยอมรับว่าจี่อู๋หมิงนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าขอบเขตระดับโลกียนิพพาน ต่อหน้าเขาไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะคนไหน ก็ต้องกลายเป็นไร้คําพูด
นั่นเพราะอีกฝ่ายคือร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์
จักรพรรดินีและฮูหนิวรีบขยับเข้ามาใกล้หลิงฮัน ยี่เองก็เช่นกัน พวกเขาทั้งสี่จําเป็นต้องช่วยกันรับมือกับจี่อู๋หมิง
ถึงอย่างนั้น ต่อให้พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกัน ก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าจะเอาชนะฮูหมิงได้ แต่อย่างน้อยขอแค่ไม่มีใครในหมู่พวกเขาถูกสังหาร ก็นับว่าเป็นชัยชนะได้แล้ว
จี่อู๋หมิงไม่ลงมืออย่างไม่คิดอะไรเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว สายตาของเขาจดจ้องไปยังพวกหลิงฮันทั้งสี่คนชั่วครู่ ก่อนที่มุมปากจะแสยะยิ้ม “พวกเจ้าทําให้ข้าหวนนึกถึงวันวานในอดีตจริงๆ ในช่วงที่ข้ายังเยาว์วัย ข้าเองก็เป็นเหมือนพวกเจ้าเช่นกัน”
“เพียงแต่ เมื่อเทียบกับความอยู่รอดของดินแดนแห่งเซียน ชีวิตของพวกเจ้าจะไปมีค่าอันใด?”
“อย่าได้รอาจคิดถึงความอยุติธรรม เพราะในอดีตไม่รู้ว่าต้องสังเวยชีวิตไปมากเท่าไหร่เพื่อให้พวกเจ้ามีวันนี้”
จี่อู๋หมิงกล่าวพร้อมกับนําคันธนูขนาดเล็กเท่าฝ่ามือออกมา
ธนูสวรรค์ไร้พรมแดน
อาวุธชิ้นนี้คืออุปกรณ์นิรันดร์ที่แท้จริง และด้วยพลังต่อสู้ที่เกินกว่าระดับพลังบ่มเพาะของจี่อู๋หมิง อํานาจที่ธนูสามารถปลดปล่อยออกมาได้ ย่อมน่าสะพรึงกลัวเกินพรรณนา
“จี่อู๋หมิง!” เสียงคํารามดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ได้ปรากฏตัว คนผู้นี้เป็นมนุษย์ที่รูปร่างใหญ่โตเหมือนหมี และมีกล้ามหน้าอกที่หนาแน่นราวกับหิน
เขาคํารามเสียงดังลั่นใส่จี่อู๋หมิง และปล่อยหมัดที่ส่องประกายเข้าจู่โจม
จี่อู๋หมิงขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าว “ในเวลาที่ไม่ควรหนีกลับหนี แต่พอเวลาที่ไม่ควรมากลับมา!” เขาหันทิศของคันธนู และยิงเข้าใส่ชายร่างหมี
“ครืนนน” คันธนูที่มีขนาดเล็ก ลูกศรที่ยิงออกไปย่อมมีขนาดเล็กเช่นกัน ลูกศรสีทองที่ราวกับเข็มถูกยิงทะลวงออกไป
ชายร่างหมีรวบมือทั้งสองเข้าหากัน “พรึบ” มือปราณก่อเกิดขนาดยักษ์สีทองสองข้างถูกควบแน่นขึ้นมา และปะทะเข้ากับคันศร
“ตูมม” ร่างของชายร่างหมีสั่นสะท้านและลอยกระเด็นทันที พลังของเขาไม่อาจทัดเทียมกับจี่อู๋หมิงได้ แต่ถึงอย่างนั้นพลังของชายผู้นี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ที่แม้จะรับการโจมตีของจี่อู๋หมิงไปแล้วก็ยังไม่ถูกสังหาร
“จอมบ้าคลั่ง!” ยี่แสยะยิ้ม “ข้ามาที่นี่เพื่อประมือกับเจ้าโดยเฉพาะ”
“เจ้ามีโอกาสนั้นแน่!” ชายร่างมีไม่แม้แต่หันมองยี่ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่จี่อู๋เมิง “เพียงแต่ ตอนนี้ยังไม่ถึงรอบของเจ้า!”
หลิงฮันมองไปยังชายร่างหมีตรงหน้า ที่แท้คนผู้นี้ก็คือจอมบ้าคลั่ง อัจฉริยะระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่งของอาณาเขตสวรรค์ซาน
ตอนนี้มีสุดยอดจักรพรรดิร่วมมือกันถึงห้าคนแล้ว หรือบางทีพวกเขาอาจจะต่อกรกับจี่อู๋หมิงได้?
จี่อู๋หมิงใช้คันธนูเคาะร่างของตัวเองเบาๆ และกล่าว “เพิ่มมาอีกหนึ่งคน ค่อนข้างจะเป็นปัญหาเล็กน้อย”
ขนาดสุดยอดจักรพรรดิระดับแนวหน้าถึงห้าคนร่วมมือกัน ก็ยังเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยในสายตาของจี่อู๋หมิง
“เพียงแต่ นั่นก็ช่วยประหยัดเวลาให้ข้าไม่ต้องไปไล่ล่าทีละคนได้!” เขาแสยะยิ้มและเป็นฝ่ายเปิดโจมตีพวกหลิงฮันทั้งห้าคนก่อน
ตูม! ตูม ตูม!
จี่อู๋หมิงเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ เขาไม่สู้แบบเนิบนาบอีกต่อไป แต่รุกเข้าหาศัตรูอย่างดุดันเหมือนกับรูปแบบการต่อสู้ของฮูหนิว และยี่ ร่างของเขาพุ่งทะลวงเข้าสู่วงล้อมของพวกหลิงฮันทั้งห้าคน
คนที่กล้าเผชิญหน้ากับสุดจักรพรรดิทั้งห้าพร้อมกับเช่นนี้ เกรงว่าในหมู่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานทั่วยุทธภพ คงจะมีแค่จี่อู๋หมิงเพียงคนเดียว
เมื่อมีจํานวนคนเพิ่มเข้ามา กระแสการต่อสู้ก็เปลี่ยนไป จอมบ้าคลั่งได้ช่วยให้พลังต่อสู้โดยรวมเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
พวกเขาช่วยกันปัดป้องการโจมตีของจี่อู๋หมิงเอาไว้ได้ เพียงแต่แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น เพราะ ไม่ว่าจะช่วยกันอย่างไร พวกเขาก็ทําได้แค่ปัดป้อง แต่ไม่อาจโจมตีสวนกลับ
“ตอนนี้ล่ะ!” จู่ๆ หลิงฮันก็คํารามส่งเสียง
“ฮูหนิวรู้แล้ว!” ฮูหนิวตอบรับ เงาของมัจฉาวายุภักษ์ปรากฏออกมาเหนือร่างของนาง โดยที่เงามัจฉาวายุภักษ์ในครั้งนี้ดูราวกับของจริงเป็นอย่างมาก ตราประทับที่เรียบง่ายและไม่สมบูรณ์ ส่องประกายขึ้นบนหน้าผากของซูหนิว พร้อมกับส่องประกายแสงเจิดจ้า
“ครืนนน” คลื่นแสงที่พรั่งพรูออกมาพุ่งทะลวงออกไป ด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะพรรณนา และปะทะเข้ากับร่างของจี่อู๋หมิง
“ตูม” ร่างของจี่อู๋หมิงถูกส่งลอยกระเด็น หน้าอกของเขาปรากฏรูบาดแผล พร้อมกับมีโลหิตหลั่งไหลออกมา และสีหน้าได้แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
จากการต่อสู้อันยาวนาน ในที่สุดจี่อู๋หมิงก็ได้รับบาดแผล แถมยังเป็นบาดแผลที่สามารถอีกด้วย เรื่องจากหัวใจของเขาถูกทะลวงเป็นรู
นี่คือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของฮูหนิว ที่เกิดจากการชี้นําอํานาจของตราประทับราชานิรันดร์ภายในร่างกายออกมา และจู่โจมออกไปด้วยอํานาจทําลายล้างที่ทรงพลังของมัจฉาวายุภักษ์ หากถูกกระบวนท่านี้โจมตีเข้าใส่ ต่อให้เป็นจอมยุทธระดับตัดวิญญาณสวรรค์ก็ต้องถูกสังหาร
เพียงแต่จี่อู๋หมิงนั้น แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังไม่ตาย
หลิงฮันห้ามไม่ให้ฮูหนิวใช้ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดมาตลอด ก็เผื่อกรณีที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้
“จัดการ!” พวกหลิงฮันทั้งสี่คนกระหน่ําโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
จี่อู๋หมิงเค้นเสียงเย็นชา เขากวาดมองคนทั้งห้าคน ก่อนจะหันหลังและจากไปในทันที
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วมาก ราวกับแรงกดดันใต้มหาสมุทรนี้ ไม่ส่งผลอันใดต่อเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างของจี่อู๋หมิงเคลื่อนที่ห่างออกไปหลายฟุต และหายไปจากสายตาของทุกคนโดยไม่เหลือล่องลอยใดๆ ทิ้งเอาไว้
ไล่ตามไม่ทัน
พวกหลิงฮันทั้งห้าคนขมวดคิ้ว พวกเขาแต่ละคนเป็นถึงอัจฉริยะระดับแนวหน้าแท้ๆ แต่กลับต้องร่วมมือกันถึงห้าคนกว่าจะขับไล่จี่อู๋หมิงกลับไปได้
“ทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณแล้วสู้อีกครั้ง!” จอมบ้าคลั่งกล่าวและเคลื่อนที่จาก ไปเป็นคนแรก
ยี่เองก็พยักหน้า และมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง
ถึงแม้พวกเขาจะมีพลังต่อสู้ที่สามารถทัดเทียมกับ ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่ในแก่นแท้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีพลังในระดับแบ่งแยกวิญญาณ
ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะจี่อู๋หมิงได้ จึงเหลือทางเดียวคือต้องทะลวงผ่านไปยังระดับแบ่งแยกวิญญาณ และทําการประลองใหม่อีกครั้ง
“พวกเราก็เร่งมือกันเถอะ” หลิงฮันกล่าวกับสตรีทั้งสอง ก่อนจะนําร่างของธิดาโร่วออกมาจากหอคอยทมิฬ
ทั้งสี่คนมุ่งหน้าต่อไปยังทิศทางอื่น โดยที่ไม่กล้าดําลงไปลึกกว่านี้ เนื่องจากระดับมหาสมุทรในตอนนี้ คือขีดจํากัดที่สตรีทั้งสามจะต้านทานไหวแล้ว หากดําลงไปลึกกว่านี้ ถึงแม้พวกนางจะไม่ตาย แต่ก็จําเป็นต้องชี้นําพลังหลายส่วนมาใช้ป้องกันตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้พลังต่อสู้ลดลงไปหลายส่วน
และหากพบเจอกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ําระดับตัดวิญญาณสวรรค์ และระดับตําหนักอมตะระหว่างทางล่ะก็ แม้แต่จะหลบหนี พวกนางก็คงไม่อาจทําได้
ทั้งสี่คนออกสํารวจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ โดยที่เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไป พวกเขาก็เก็บเกี่ยวหินวิญญาณหยางได้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งปี กลุ่มของพวกเขาแต่คนละก็ครอบครองหินวิญญาณหยางสีเขียวมรกตขนาดเท่าศีรษะกันคนละก้อน
หลิงฮันไม่พึงพอใจกับหินวิญญาณหยางเช่นนี้ และออกตามล่าผลึกวิญญาณหยางเพิ่ม หากต้องการหลอมหินวิญญาณหยางจากความสบริสุทธิ์สีเขียวไปเป็นสีฟ้าใส จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิมสองร้อยเท่า ซึ่งในตอนนี้สถานที่แห่งนี้ก็คงจะถึงเวลาปิดตัวพอดีหรือว่าขีดจํากัดวิญญาณหยางสีฟ้าใสกัน?
Related