ตอนที่ 2015 ภัยอันตราย
ที่ก่อนหน้านี้หลิงฮันนึกไม่ออก ก็เพราะชนเผ่าในโลกบรรพกาลอ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถนําพลังของทั้งสองฝั่งมาเปรียบเทียบกันได้
จนกระทั่งเมื่อครู่นี้เอง ที่เขาสัมผัสว่ารูปปั้นทั้งสองด้านหน้าประตูได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าแปลกประหลาด พวกมันส่งผ่านพลังอํานาจมายังจอมยุทธบนเกาะที่ทําการประลอง
เพียงแต่จอมยุทธบนเกาะแห่งนี้ ใช้พลังแห่งความเชื่อได้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เพราะงั้นหลิงฮันจึงตรวจจับความผิดปกติไม่พบ จนกระทั่งมีคนใหม่เพิ่งลองหยิบยืมพลังจากรูปปั้นเป็นครั้งแรก
รูปแบบศาสตร์บ่มเพาะพลังที่แตกต่างนี้ เป็นสิ่งที่เสี่ยวภูเกลียด หลิงฮันไม่รู้จักคนที่อยู่ที่นี่แต่รู้จักเสี่ยวกู่ เพราะงั้นแน่นอนว่าเขาต้องยืนอยู่ฝั่งของเสี่ยวกู่อยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้นจุดประสงค์ของพวกเซียวจวิ้น ก็ชัดเจนเป็นอย่างมาก
ที่อีกฝ่ายเชิญชวนให้มาแลกเปลี่ยนวรยุทธนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ในความเป็นจริงคนเหล่านี้ต้องการแสดงพลังอํานาจของตนเอง เพื่อล่อลวงให้ทุกคนเข้าร่วมกับพวกเขา
หลิงฮันยอมรับว่าในโลกนี้มีคนดีอยู่จริงๆ แต่คนที่ดีถึงขนาดย่อมแบ่งปันทักษะบ่มเพาะของตนเอง ให้กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักนั้น เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนแบบนั้นอยู่
ในเมื่อพวกเจ้าต้องการโอ้อวดความแข็งแกร่งของตัวเอง งั้นข้าก็จะเหยียบย่ําพวกเจ้า เพื่อให้เห็นเองว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่า
“น้องชายผู้นี้ยังไม่เชื่อว่าพวกเราแข็งแกร่ง?” เซียวจวิ้นกล่าว “เจ้าคงจะมีพลังอยู่ในระ ดับแบ่งแยกวิญญาณสินะ?”
“นายน้อยเซียว คนผู้นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา!”
“ใช่แล้ว พวกเราตัดความสัมพันธ์กับเขาไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน”
“นายน้อยเชียวอย่าได้บาดหมางกับพวกเราเพราะเขา”
คนทางฝั่งของฉินเหว่ยแต่ละคนรีบกล่าวออกมา เพราะกลัวว่าเซียวจวิ้นจะไม่พอใจ และไม่สอนทักษะบ่มเพาะที่ทรงพลังแก่พวกเขา
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “พลังของข้าอยู่ในระดับตัดวิญญาณหยางขั้นปลาย”
“ระดับพลังของเจ้าเทียบเท่ากับศิษย์น้อยของข้า” เซียวจวิ้นหันไปมองหลัวเหอ “ศิษย์น้องเจ้าไปแลกเปลี่ยนวรยุทธกับเขาซะ”
“อืม!” หลัวเหอก้าวเดินออกมาและกระโดดไปยังลานประลอง
หลิงฮันผสานมือคํานับทักทายด้วยสีหน้าราบเรียบ และไม่เอ่ยกล่าวว่าเขาเคยเห็นรูปแบบการบ่มเพาะพลังของคนเหล่านี้มาก่อน “หลิงฮัน”
“พี่ชายหลิงโปรดชี้แนะ” หลัวเหอเองก็ผสานมือคํานับอย่างนอบน้อม ในขณะที่ลึกๆ ภายในดวงตาแสดงออกถึงความดูถูก
หลิงฮันก้าวขึ้นหน้าโดยไม่ใช่ทักษะย่างก้าวใดๆ เขาเพียงแค่ก้าวเดินธรรมดาและประชิดตัวหลัวเหออย่างรวดเร็ว
หลัวเหอเค้นเสียงในใจ เขามีทัศนคติที่ดูถูกทุกคนในดินแดนแห่งเซียนเป็นอย่างมาก ซึ่งสีหน้า และท่าทางนอบน้อมที่เขาเผยให้เห็นตลอดเวลา เป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น
เขายกหมัดขึ้นและชกออกไป “ตูม” การโจมตีของเขาไม่มีอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ใดๆ แฝงเอาไว้ หรือแม้กระทั่งตราประทับแห่งเต๋ก็ไม่ส่องประกายออกมา แต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังอํานาจที่น่าสะพรึงกลัว
นี่คือพลังของรูปแบบศาสตร์วรยุทธที่แตกต่าง
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ไม่ว่าจะบ่มเพาะพลังด้วยทักษะในรูปแบบใด แต่สุดท้ายสิ่งที่จะใช้ตัดสินกันก็คือพลังต่อสู้
เขากําหมัดขวาและชกตอบโต้กลับไป
“ปัง!”
ทันทีที่หมัดทั้งสองเข้าปะทะกัน ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือ ร่างของหลัวเหอได้กลายเป็นจุดสีดําขนาดใหญ่ ลอยกระเด็นเข้าใส่กําแพงของห้องลานประลอง โชคที่ดีสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อการประลองโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นแล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นคงจะมากกว่านี้แน่นอน
ร่างของหลัวเหอถูกฝังเข้าไปในกําแพง เขากระอักไปมาไม่หยุด และสีหน้ากลายเป็นซีดขาว
“ตึง” บรรยากาศรอบด้านกลายเป็นเงียบสงัดทันที สายตาของทุกคนจดจ้องไปที่หลิงฮันด้วยความตกตะลึง
จอมยุทธของทางฝั่งปราสาทเองก็ตะลึงมากเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาเชื่อมาตลอดว่าตนเองได้เทียมทานที่สุดในระดับเดียวกัน หรือต่อให้พวกเขาระดับพลังที่ต่ํากว่าขั้นย่อยก็ตาม แต่ตอนนั้นในการประลองระดับพลังเดียวกัน หลัวเหอกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮันแม้แต่น้อย!
ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจยอมรับได้
ที่ตกตะลึงยิ่งกว่าคือทางฝั่งของพวกฉินเหว่ย
พวกเขาใช้เวลากับหลิงฮันมานานสักพักแล้ว แต่ทุกคนล้วนแต่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยางธรรมดา
ก่อนหน้านี้พวกเขาหลายคนตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับหลิงฮัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิ
ศักยภาพระดับจักรพรรดิคืออะไร? อัจฉริยะระดับนี้คือคนที่มีโชคชะตาจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ได้อย่างแน่นอน
พวกเขารู้สึกเสียใจจนลําไส้แทบจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ก่อนหน้านี้ที่ประสบปัญหา ทุกคนได้ร่วมมือกันอย่างสุดความสามารถ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างสายสัมพันธ์กับหลิงฮัน แต่พวกเขากลับตัดโอกาสนั้นทิ้งไปเองเสียได้
เหตุใดพวกข้าถึงได้โง่เง่าเช่นนี้
“น้องชายหลิงช่างแข็งแกร่งนัก” เซียวจวิ้นเผยสีหน้าระมัดระวัง และลบความเหยียดห ยามออกไปจากดวงตา
เพียงแต่หนึ่งกระบวนท่าก็สามารถเอาชนะหลัวเหอได้ พลังต่อสู้ขนาดนี้กล่าวได้ว่าน่าสะพรึงกลัวมาก!
“ข้าขอประลองชี้แนะกับเจ้า” เซียวจวิ้นก้าวออกมา
เขามีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลัวเหอหนึ่งขั้น ซึ่งสามารถเอาชนะหลัวเหอในหนึ่งกระบวนท่าได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่คิดท้าประลอง เพื่อแสหาความอัปยศให้กับตนเอง
“งั้นก็มา” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส จุดประสงค์ของเขานั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร เขาเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนในที่นี้รู้ว่า ต่อให้ไม่ต้องเชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์อะไรนั่น ศาสตร์วรยุทธของดินแดนแห่งเซียนก็มีความลึกซึ้ง และคุ้มค่าที่จะหมั่นเพียรพยายามฝึกฝน
เซียวจวิ้นเดินเข้าสู่ลานประลอง
“โปรดชี้แนะด้วย!”
“โปรดชี้แนะด้วย!”
ทั้งสองกล่าวพร้อมกันและเริ่มโจมตีปะทะกัน
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อทั้งสองคนเริ่มลงมือ ต่างฝ่ายต่างไม่หลงเหลือความเกรงใจอีกต่อไป
สําหรับเซียวจวิ้น เขาต้องการชนะเพื่อกู้ความเชื่อมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์กลับคืนมา เพราะงั้น เขาจึงคิดจะกําราบหลิงฮันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
“หากเป็นไปได้ก็ทําลายที่แห่งนี้ทิ้งซะ” จู่ๆ หอคอยน้อยก็เอ่ยขึ้นมา
“หืม?” หลิงฮันชะงัก
เขาต้องการสร้างความลําบากให้พวกเซียวจวิ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้คิดจะสังหารใคร
“สวรรค์และปฐพี่มีกฎของมันอยู่ ซึ่งการที่มีรูปแบบบ่มเพาะพลังที่แตกต่างขึ้นมา จะถูกมองว่าเป็นการยั่วยุหรือทรยศต่อสวรรค์และปฐพี หากมีคนฝึกฝนทักษะบ่มเพาะที่แตกต่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สวรรค์และปฐพีอาจจะถูกสั่นคลอน และพังทลายลงได้” หอคอยน้อยอธิบาย
“เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเชียวรึ?” หลิงฮันขมวดคิ้ว แต่เดิมเขาแค่คิดจะก่อความวุ่นวายขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าหากเรื่องมันยิ่งใหญ่ถึงขนาด ส่งผลต่อการอยู่รอดของสวรรค์และปฐพีแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ย่อมต้องเป็นภาระหน้าที่ที่จอมยุทธทุกคนต้องรับผิดชอบ
เขาเค้นเสียงและกล่าว “ทักษะบ่มเพาะนี้เป็นทักษะแบบเดียวกับที่พวกเราพบเห็นในโลกบรรพกาล เหตุใดในตอนนั้นเจ้าถึงไม่กล่าวอะไรออกมาเลย?”
“นี่เจ้าโงรึเปล่า?” หอคอยน้อยสบถ “ในตอนนั้นความทรงจําของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมา ข้าจะไปรับรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
ก็จริงอย่างที่ว่า
เอาล่ะ งั้นก็มาเริ่มจัดการเจ้าหมอนี่เลยดีกว่า
หลิงฮันคํารามและระเบิดพลังออกมา ส่งผลให้พลังต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานสูงกว่าเดิมหลายสิบเท่า
เมื่อครู่สติของเขาวอกแวกเพราะคุยกับหอคอยน้อยอยู่ ตอนนี้เมื่อตั้งสติได้และระเบิดพลังออกมา จึงดูราวกับว่ากลายเป็นคนละคน
ก่อนหน้านี้เซียวจวิ้นยังพอได้เปรียบอยู่ แต่เมื่อหลิงฮันระเบิดพลังที่แข็งแกร่งเกินพร รณนาออกมา เขาก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบขึ้นมาในทันที
หลัวเหอและหลันรั่วจ่อไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ในสายตาของทั้งสอง เซียวจวิ้นคืออัจฉริยะที่ไร้เทียมทานที่สุด แต่ตอนนี้นอกจากเขาจะกําราบหลิงฮันไม่ได้แล้ว ยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีก
เหลือเชื่อ! เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน!
Related