ตั้งแต่ตอนที่จูเสวียนเอ๋อใช้ร่างของตัวเองปกป้องเขา หลิงฮันก็นับจูเสวียนเอ๋อเป็นสหายเรียบร้อยแล้ว
และดูเหมือนว่าจูเสวียนเอ๋อจะไม่ใช่คนประเภทเก็บความลับไม่อยู่ ดังนั้นเขาจึงลังเลเพียงเล็กน้อยที่จะพูด “ที่แห่งที่คือมิติภายในอุปกรณ์มิติของข้า”
จูเสวียนเอ๋อกลายเป็นตกตะลึงและแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา “เป็นไปได้อย่างไร อุปกรณ์มิติที่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตได้!”
หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้าก็อยู่ภายในอุปกรณ์ที่ว่านั่นหรอกรึ?”
จูเสวียนเอ๋อนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะยอมรับความเป็นจริง “แต่ทำไมมิติภายในถึงได้กว้างใหญ่ขนาดนี้? มันราวกับเป็นโลกอีกใบเลย”
“เพราะงั้นความลับนี้จึงไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้” หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
จูเสวียนเอ๋อรีบพยักหน้า อุปกรณ์มิติที่มีขนาดกว้างขวางแทบจะไร้ขีดจำกัดและสามารถบรรจุสิ่งมีชีวิต… มูลค่าของมันต้องสูงอย่างบ้าคลั่ง ไม่แปลกเลยที่ทำไมหลิงฮันถึงเก็บเป็นความลับตลอดมา
แต่ตอนนี้หลิงฮันบอกความลับนี้แก่นางแล้ว ทำให้จิตใจของนางเต็มไปด้วยความสุข
“เสวียนเอ๋อจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป้นความลับแน่นอน!” นางพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“ตอนนี้คิดแต่เรื่องพักฟื้นให้ตัวเองซะ ที่นี่มีสมุนไพรและผลึกก่อเกิดมากมาย เจ้าสามารถใช้พวกมันได้ตามใจชอบ อย่างแรกจงรักษาความเสียหายของวิญญาณเจ้าก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้!” หลิงฮันพูด
“อืม!” จูเสวียนเอ๋อพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ตอนนี้นางไม่ได้สวมผ้าปิดหน้า ใบหน้าอันงดงามของนางถูกเปิดเผยอย่างไม่มีปกปิด ทำให้หลิงฮันรู้สึกถึงหัวใจของตนเองที่เต้นแรง
โชคดีที่ในชีวิตที่แล้วเขาเคยเห็นความงามของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จนชินแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงลุ่มหลงในเสน่ห์ของสตรีนางนี้แน่
หลิงฮันไม่ได้ออกจากหอคอยทมิฬทันที หลังจากออกมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์เขาก็ยุ่งจนไม่มีโอกาสได้ศึกษารูปแบบอักขระบนกระดูกของสัตว์อสูรและซากศพของพระเจ้าอีกสองศพเลย
ภายในหอคอยทมิฬ เขาไม่ต้องเกรงกลัวแรงกดดันจากซากศพของพระเจ้าและสามารถตรวจสอบมันได้อย่างละเอียด ศพของพระเจ้าทั้งสองศพนี้มีสภาพสมบูรณ์ แต่แก่นวิญญาณภายในกลับแห้งเหือดหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันซากศพทั้งสองถูกดูดซับพลังงานไปโดยแมลงดูดโลหิตมาแล้วเป็นเวลานาน
“กระดูกของพระเจ้าจะสามารถบดเป็นผงและใส่เป็นส่วนผสมของเม็ดยาได้รึเปล่า?” หลิงฮันพึมพำ “ถึงแม้เจ้าของศพเหล่านี้จะไม่ใช่มนุษย์แต่พวกเขาก็มีรูปร่างเป็นมนุษย์ การนำกระดูกของมนุษย์ไปทำเป็นเม็ดยา… แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว ช่างมันเถอะ ปล่อยเอาไว้แบบนี้ก่อนแล้วกัน”
เขาเลิกสนใจซากศพพระเจ้าและหยิบหัวกะโหลกทั้งสองของสัตว์อสูรขึ้นมาศึกษารูปแบบอักขระ ถ้าเขาสามารถทำความเข้าใจความลึกซึ้งของมันได้ พลังต่อสู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล
ค่ำคืนผ่านพ้นไป หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬเนื่องจากการทดสอบที่สองใกล้จะเริ่มแล้ว
“ใครที่อยากเข้าร่วมทดสอบเชิญเข้าไปได้ และใครก็ตามที่สามารถออกมาได้ก็จะได้รับรางวัล ส่วนสามอันดับแรกนั้นจะได้รับรางวัลที่ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่นๆ” รูปแบบอาคมวิญญาณพูด “ยิ่งใช้เวลาน้อย รางวัลที่ได้รับก็จะยิ่งล้ำค่า”
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น ในการทดสอบแรก มีเพียงสามอันดับแรกเท่านั้นที่ได้รางวัล แต่ในการทดสอบครั้งนี้ใครที่ผ่านบททดสอบก็มีสิทธิได้รางวัลทุกคน
ทุกคนเดินเข้าไปยังสิ่งก่อสร้างตรงหน้า ทันใดนั้นทัศนียภาพเบื้องหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหมอกหนา
มีผู้คนมากมายเข้าสิ่งก่อสร้างแห่งนี้พร้อมกัน แต่ตอนนี้ทุกคนกลับเหลือแค่ตัวคนเดียว มองไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร
“รูปแบบอาคม” หลิงฮันพึมพำ บททดสอบที่สองคือรูปแบบอาคม หากแก้ไขรูปแบบอาคมและออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้จะนับว่าผ่านการทดสอบ และคนที่ออกไปได้ไวที่สุดสามคนถึงจะติดสามอันดับแรก
หลิงฮันยืนอยู่ตรงกลางรูปแบบอาคม หมอกในสถานที่แห่งนี้หนาแน่นเป็นอย่างมาก ‘ตูม’ ทันในนั้นสัตว์อสูรก็ปรากฏตัวและพุ่งเข้าใส่เขา ‘ฉัวะ’ เพียงแค่ดาบเดียวสัตว์อสูรตนนั้นก็ถูกผ่าออกเป็นชิ้นๆ แต่กลับไม่มีโลหิตไหลทะลักออกมา
มันคือสัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นโดยรูปแบบอาคมไม่ใช่สัตว์อสูรของจริง
“ดูจากพลังของสัตว์อสูร สถานที่แห่งนี้ควรเป็นรูปแบบอาคมระดับห้าที่มุ่งเน้นไปที่จิตใจ” หลิงฮันเข้าใจรายละเอียดของรูปแบบอาคมอย่างรวดเร็ว ความยากของการทดสอบนี้คงจะขึ้นอยู่กับระดับพลังบ่มเพาะของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
กุญแจสำคัญในการแก้รูปแบบอาคมนี้คือการที่ต้องต้านทานการโจมตีจากรูปแบบอาคมเอาไว้ให้ได้
ในชีวิตที่แล้วหลิงฮันเคยตระเวนไปยังโบราณสถานมานับไม่ถ้วนและเข้าใจหลักการของรูปแบบอาคมอย่างลึกซึ้ง ในการสร้างรูปแบบอาคมเขาอาจจะเป็นมือใหม่ แต่ในการแก้รูปแบบอาคมนั้น เขาเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เขาเดินอยู่ภายในรูปแบบอาคมอย่างช่ำชอง บางครั้งก็ไปทางซ้ายบางครั้งก็ไปทางขวา และหลังจากผ่านไปสิบนาที จู่ๆสมองของเขาก็กลายเป็นว่างเปล่าและเดินออกมาจากรูปแบบอาคม
เพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่คนแรก
เบื้องหน้าของเขาคือฮูหนิวที่กำลังแทะเนื้อแห้งด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อนางเห็นหลิงฮัน นางก็วิ่งเข้าใส่อย่างเริงร่าโดยไม่สนใจมือที่เปราะเปื้อนของนางแม้แต่น้อย นางกอดแขนของหลิงฮันและพูด “หนิวคิดถึงหลิงฮัน!”
หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “หนิวหนิวมาถึงตั้งแต่ตอนไหน?”
“นานแล้ว!” ฮูหนิวพูดในขณะที่ดูดเลียนิ้วตัวเอง
“เด็กสาวคนนี้แปลกประหลาดมาก!” รูปแบบอาคมวิญญาณปรากฏตัวและชี้ไปยังฮูหนิว “ข้าไม่เคยเห็นคนที่ไม่รับผลกระทบจากรูปแบบอาคมอย่างสิ้นเชิงแบบนี้มาก่อน นางเดินออกมาโดยเมินเฉยต่อกฎของที่รูปแบบอาคมตั้งเอาไว้อย่างง่ายดาย!”
หลิงฮันตกตะลึง ก่อนหน้านี้ก่อนที่เขาจะออกมาจากรูปแบบแบบอาคม เขาต้องเดินไปตามเส้นทางที่รูปแบบอาคมกำหนดไว้ ไม่สามารถเดินออกมาตรงๆได้
แต่จากคำพูดของรูปแบบอาคมวิญญาณ ดูเหมือนฮูหนิวจะไม่เดินตามเส้นทางที่ตั้งเอาไว้และเดินผ่านพวกมันออกมาโดยตรงเลย
“หนิวคืออัจฉริยะ!” ฮูหนิวพูดพร้อมกับตบหน้าอกอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้าจะเป็นอัจฉริยะหรือไม่นั้นข้าไม่รู้ แต่ครั้งนี้เจ้าต้องเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน เจ้าทำลายสถิติทั้งหมดที่เคยมีมา!” รูปแบบอาคมวิญญาณพูด “เจ้าสามารถเลือกของรางวัลได้”
หลิงฮันพูดกับฮูหนิว “หนิวหนิว ขอทักษะกายาเก้ามังกรทรราช”
“อืม!” ฮูหนิวตกลงด้วยน้ำเสียงร่าเริง “หนิวอยากได้ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชและมอบให้กับหลิงฮัน!”
รูปแบบอาคมวิญญาณจ้องไปยังหลิงฮันและพูดกับฮูหนิว “โอกาสที่ล้ำค่าเช่นนี้ เจ้ากลับมอบให้คนอื่น?”
“หนิวต้องการแบบนั้น! ฮูหนิวพูดอย่างไม่สนใจและนำมือทั้งสองข้างพาดเอว
รูปแบบอาคมกลายเป็นไร้คำพูดและโยนบอลแสงไปทางหลิงฮัน “เจ้าช่างโชคดียิ่งนัก ไม่เช่นนั้นด้วยเวลาที่เจ้าทำได้ เจ้าคงไม่อาจได้ครอบครองส่วนที่สองของทักษะนี้”
หลิงฮันหัวเราะและนำบอลแสงกระทบกับหน้าผาก ทันใดนั้นประกายแสงนับไม่ถ้วนก็ทะลักเข้าไปยังจิตสำนึกของเขาเพื่อผสานเข้ากับทักษะกายาเก้ามังกรทรราชก่อนหน้านี้ ถ้าเขาฝึกฝนทักษะนี้จนถึงจุดสูงสุด ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งดั่งมังกรที่แท้จริงหกตัว
ผู้คนเริ่มเดินออกมาจากรูปแบบอาคมเรื่อยๆ รูปแบบอาคมนี้ไม่ได้ยากเกินไป ซึ่งไม่อาจกักขังเหล่าอัจฉริยะเอาไว้ได้
หนึ่งวันผ่านไปและอันดับของหลิงฮันก็คืออันดับที่สองในขณะที่อันดับที่สามคือหลินเซียงฉิน
หลิงฮันสามารถเลือกเม็ดยาได้สามประเภทเป็นของรางวัล ซึ่งทำให้เขาอยากจะร้องไห้ มีเม็ดยาอะไรบ้างที่เขาไม่สามารถหลอมขึ้นมาได้? เขาอยากจะได้สมุดทักษะรูปแบบอาคมมากกว่า เขาทำการต่อรองกับรูปแบบอาคมวิญญาณเพื่อขอเปลี่ยนของรางวัลแต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา
‘ขี้งกอะไรอย่างนี้!’ หลิงฮันบ่นในใจ