ลากไปซวยด้วยกัน
หลิงฮันไม่หวาดกลัวหรือพูดแก้ตัว เพราะหากมีสมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะพูดอะไรออกไปก็ไม่มีใครฟัง
สายตาของเขากวาดผ่านไปเห็นเหวินอีเจี้ยน หลิงฮันรีบโบกมือและพูด “ศิษย์น้องเหวิน!”
‘พรวด’ คนจำนวนไม่น้อยสำลักออกมา ทำไมหลิงฮันถึงเรียกเหวินอีเจี้ยนว่าศิษย์น้อง? ทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยไม่ใช่รึไง?
เหวินอีเจี้ยนเองก็ชะงักและพูด “ไม่ทราบว่าทำไมปรมาจารย์หลิงถึงเรียกข้าว่าศิษย์น้อง?”
“เจ้าและข้าต่างก็ได้รับมรดกของสิบสองพระราชวัง เพราะงั้นพวกเราจึงเป็นพี่น้องกัน!” หลิงฮันหัวเราะ เขาต้องการลากเหวินอีเจี้ยนไปซวยด้วยกันกับเขา แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้หวาดกลัวจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่ถ้าตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณโผล่มา คงจะเป้นเรื่องยากที่จะจัดการปัญหา
ยิ่งกว่านั้นหากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป บางทีตัวตนระดับทลายมิติอาจจะข้ามภูมิภาคมาตามล่าเขาก็ได้ แม้เขาจะมีหอคอยทมิฬ แต่คิดว่าเขาอยากจะซ่อนตัวอยู่ในเปลือกหอยไปตลอดชีวิตรึ?
เหวินอีเจี้ยนคือคนที่มาจากภูมิภาคตะวันออกและข้ามมายังภูมิภาคเหนือเพื่อรับผลประโยชน์ ดังนั้นอีกฝ่ายก็ต้องแบ่งปันความลำบากของเขาไปเช่นกัน
“เหอๆ ปรมาจารย์หลิงช่างเป็นคนชอบพูดเล่นเสียจริง!” เหวินอีเจี้ยนหัวเราะ
หลิงฮันยักไหล่และพูด “ศิษย์น้องเหวินได้รับมรดกของพระราชวังราศีพฤศจิก เจ้ากล้าที่จะสัจสาบาญว่าสิ่งที่ข้าพูดไม่ใช่เรื่องจริงรึไม่?”
ภายในส่วนลึกของดวงตาเหวินอีเจี้ยนปรากฎความไม่พอใจ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งและพูดอย่างไม่แยแส “ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย? ไร้สาระ!”
หลิงฮันไม่พูดต่อและกวาดสายตาผ่านทุกคน “ข้าและศิษย์ร้องเหวินคือราชันในหมู่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน ยิ่งกว่านั้น…” หลิงฮันเรียกจิตวิญญาณศิลาออกมา “ถ้าพวกเจ้าต้องการก็เข้ามา ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีผู้คนมากมายเพียงใดที่จะนองเลือดและทิ้งชีวิตเอาไว้ ณที่แห่งนี้”
ปากของเหวินอีเจี้ยนกระตุก ทำไมหลิงฮันถึงได้นำมันไปเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว? คนคนนี้ไม่คิดจะฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเลยรึไง?
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังประหลาดใจ การได้รับผลประโยชน์จากพระราชวังราศีพฤศจิกทำให้ในที่สุดเขาก็ทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้สำเร็จ แต่เขาก็ได้รับทักษะลึกลับที่สามารถซ่อนเร้นพลังบ่มเพาะของตนเองได้ทำให้เขายังดูเหมือนเป็นเพียงจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขั้นเก้าอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นทำไมหลิงฮันถึงสามารถมองออกได้เพียงแค่การชำเลือง?
“ไม่ต้องสนใจ จัดการพวกมันทั้งสองเลย!” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทั้งหลายแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นมรดกของสิบสองพระราชวังหรือขุมสมบัติของพระเจ้า ทั้งสองอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามหาศาล ถึงแม้หากความจริงเหวินอีเจี้ยนจะไม่ได้ครอบครองมัน พวกเขายอมที่จะสังหารผิดคนดีกว่าที่จะเสียโอกาสไป
“ข้าจะไม่มัวเสียเวลาเล่นกับพวกภูมิภาคเหนือไร้สมองแล้ว!” เหวินอีเจี้ยนคำราม กลิ่นอายของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานปะทุออกจากร่างของเขาและบินทะยานขึ้นท้องฟ้า
“คิดจะหนี?” ทันใดนั้นการโจมตีนับไม่ถ้วนก็กระหน่ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ถึงแม้พลังต่อสู้ของเหวินอีเจี้ยนจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับได้สำเร็จ รากฐานของเขายังไม่มั่นคงพอที่จะต้านทานการโจมตีที่บ้าคลั่งเหล่านี้ทำให้ร่างของเขาถูกบังคับให้ล่วงหล่นสู่พื้นดิน
“ศิษย์น้องเหวิน มาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเถอะ!” หลิงฮันหัวเราะ
เหวินอีเจี้ยนเกือบจะระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมา ทั้งๆที่เขาสามารถแอบหลบออกไปอย่างเงียบๆได้แท้ๆ แต่หลิงฮันกลับเปิดเปิงความลับของเขาออกมา ตอนนี้เขาได้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขับจนสีหน้ากลายเป็นมืดมน
“หลิงฮัน ข้าไปล่วงเกินเจ้าเมื่อใด? ทำไมเจ้าต้องสร้างความลำบากให้ข้าเช่นนี้?” เหวินอีเจี้ยนพูดอย่างเย็นชาและไม่เรียกหลิงฮันว่าปรมาจารย์หลิงอีกต่อไป
หลิงฮันหัวเราะ “ศิษย์น้องเหวิน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แน่นอนว่าเวลาเช่นนี้พวกเราก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
‘ปกป้องน้องสาวเจ้าสิ ทั้งๆที่ข้าสามารถแอบหลบหนีออกไปได้โดยที่ไม่มีใครรู้แท้ๆ’
ใบหน้าของเหวินอีเจี้ยนบูดเบี้ยว โชคดีที่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้กลับไปหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นหากตัวตนเช่นนั้นแทรกแซง เขาคงมีแต่ต้องยอมจำนน
“หลิงฮัน หนี้ครั้งนี้ข้าจะต้องทำให้เจ้าชดใช้!” มันสัจสาบาญในขณะที่ยืนเคียงข้างหลิงฮัน ทั้งสองคนและจิตวิญญาณศิลาหันหลังให้กัน
“ฮ่าๆ นั่นคงเป็นเรื่องของอนาคต” หลิงฮันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลิวอู๋ตงและพรรคพวกคนอื่นๆของหลิงฮันไม่เข้าไปยุ่ง ถ้าพวกเขายื่นมือเข้าไป ไม่เพียงแค่จะไม่เป็นการช่วยหลิงฮัน แต่ยังกลายเป็นตัวถ่วงอีกด้วย
“ใครต้องการสมบัติ เชิญโจมตีเข้ามา” หลิงฮันหัวเราะลั่น “แต่พวกเจ้าควรจะคิดให้รอบคอบเสียก่อน ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับสวรรค์ หากเจ้าทำให้ผมแม้แต่เส้นเดียวของข้าร่วง ทั่วทั้งสมาคมนักปรุงยาจะต้องลงมือสร้างความลำบากให้กับพวกเจ้า!”
ใบหน้าของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทุกคนกระตุก พวกมันคิดว่าหลิงฮันทำตัวกล้าหาญและเจ้าเล่ห์ไปพร้อมๆกัน
ท่าทีของเขาไม่เหมือนกับรุ่นเยาว์อายุสิบแปดแม้แต่น้อย กลับกันเขาดูเหมือนจิ้งเจ้าเฒ่ามากกว่า
“จับตัวทั้งสองคนเอาไว้ พยายามอย่าทำให้พวกเขาบาดเจ็บ!” เหล่าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเห็นพ้องต้องกัน สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์เป็นอะไรที่หนักหนาเกินไป หากลงมือสังหารแบบลับๆคงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพวกเขาสังหารหลิงฮันต่อหน้าผู้คนมากมาย… ใครก็ตามที่เป็นคนลงมือจะต้องถูกนิกายของตนใช้เป็นแพะรับบาปเพื่อบรรเทาความโกรธของนักปรุงยาทั่วโลก
สมบัติก็ไม่ได้แถมยังต้องเสียชีวิตอีก ใครจะต้องการเป็นแบบนั้น?
ดังนั้นทุกคนจึงหวังในใจลึกๆว่าอยากให้มีใครสักคนเผลอพลั้งมือสังหารหลิงฮัน แต่ตัวของพวกเขาเองจะไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด
“ลุย!”
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเกินกว่ายี่สิบคนโจมตีพร้อมกัน
หลิงฮัน เหวินอีเจี้ยน และอสูรศิลาคำราม ทั้งสามกวัดแกว่งดาบและหมัดของตนพุ่งเข้าปะทะ
ฮูหนิวจ้องมองจากด้านข้างพร้อมกับกระทืบเท้า แม้นางจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็คงไม่สามารถหลบหนีคลื่นกระแทกที่เกิดจากการกระหน่ำโจมตีของระดับบุปผาผลิบานมากมายได้
“หนิวอยากแกร่งกว่านี้!” เด็ดสาวตะโกนดังลั่น ทันใดนั้นบางสิ่งภายในร่างของนางราวกับตื่นปลุกให้ตื่น มันส่องแสงสว่างและอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นสู่ท่องฟ้าราวกับจะทะลวงผ่านสวรรค์และโลกใบนี้โดยที่ไม่มีมนุษย์คนใดสังเกตุเห็นหรือสัมผัสได้แม้แต่น้อย
หลิงฮันในตอนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบานขั้นแปด และด้วยความเข้าใจในศาสตร์วรยุทธอันหลากหลายของเขาทำให้พลังต่อสู้ของเขาคือสิบดาว
แต่นี่เป็นเพียงพลังต่อสู้ที่เกิดจากการฝืนเพิ่มพลังบ่มเพาะของพรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถ้าหากเข้าบรรลุระดับบุปผาผลิบานอย่างแท้จริง แม้จะเป็นเพียงระดับบุปาผลิบานขั้นเก้า แต่พลังต่อสู้ของเขาก็จะเหนือกว่าสิบดาว
แต่ถึงอย่างไรแค่พลังต่อสู้ในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว!
คู่ต่อสู้ตรงหน้าของเขามีเก้าคนที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานอย่างเช่น อวี่คุนหลุน ไป่เหอฉวินและคนอื่นๆที่ติดอันดับบันทึกอัจฉริยะในปีก่อนๆ ดังนั้นพลังต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้จะมีกี่ดาวกันเชียว?
นอกจากนี้อ้าวเฟิงและผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็คงจะทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานมาได้ไม่เกินหนึ่งหรือสองปี อย่างมากที่สุดที่เป็นไปได้ก็คือสิบปี แต่แค่ภายในระยะเวลาสิบปีพวกเขาจะบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ถึงขั้นใดกัน?
การต่อสู้กับวานรโลหิตทองคำก่อนหน้านี้เองก็มีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเกินกว่ายี่สิบคน แถมยังมีคนหนึ่งที่บรรลุระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้าแล้วด้วย แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็พ่ายแพ้จนต้องหนีกระเจิง!