ความรักที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำ
เมื่อเห็นหลิงฮันได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล เหวินอีเจี้ยนก็อดที่จะทักขึ้นมาไม่ได้ “ข้าไม่ได้รับส่วนแบ่ง?”
“ศิษย์น้อยเหวิน เจ้ามาจากนิกายใหญ่จากภูมิภาคตะวันออก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการความมั่งคั่งเล็กๆน้อยๆเช่นนี้หรอก” มือของหลิงฮันเคลื่อนไหวไม่หยุด ผ่านไปไม่นานแหวนมิติมากกว่ายี่สิบวงก็ถูกเก็บเข้าไปในกระเป๋าของเขา
‘บัดซบ ผลึกก่อเกิดสามดาวใครบอกว่าข้าไม่สนสนใจ?’ แต่เมื่อถูกหลิงฮันพูดใส่แบบนั้นเขาก็ไม่สามารถยอมเสียหน้าร้องขอส่วนแบ่งได้ “ในเมื่อเจ้าได้รับมรดกสืบทอดจากสิบสองพระราชวังเหมือนกับข้า งั้นพวกเราก็ถูกโชคชะตาตัดสินให้กลายเป็นคู่แข่งกันในอนาคต!”
“อาจจะไม่ใช่แบบนั้น มรดกที่ได้รับมา ส่วนของใครก็ของคนนั้น” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าคิดว่าเรื่องแบบนั้นจะเป้นไปได้?” เหวินอีเจี้ยนแสยะยิ้ม ใครกันจะไม่อยากได้ขุมสมบัติมรดกของพระเจ้าทั้งหมดเป็นของตนเอง?
“ไม่ใช่งั้นรึ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของหลิงฮัน เหวินอีเจี้ยนก็กลายเป็นสับสนและส่ายหัวทันที “เจ้าช่างเป็นคนที่แปลกนัก”
“เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะมีคุณสมบัติที่ให้ข้าท้าทาย!” หลิงฮันพูด
เหวินอีเจี้ยนกรอกตาและพูด “ข้าคือระดับบุปผาผลิบานที่แท้จริง ส่วนเจ้าฝืนเพิ่มพลังด้วยเม็ดยา ถ้าจะกล่าวว่าใครจะเป็นฝ่ายท้าทาย นั่นต้องเป็นเจ้าที่ท้าทายข้า! แต่จะอย่างไรก็ช่าง ข้าจะไม่มัวมาพูดไร้สาระกับเจ้าอีกแล้ว ไม่งั้นข้าคงตกตายเพราะความเกรี้ยวกราดแน่!”
เหวินอีเจี้ยนหันหลังจากไป เขาโบกมือและพูด “ครั้งหน้าที่พบกัน ข้าจะสังหารเจ้าด้วยทุกอย่างของข้า!”
ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดจาเหมือนกับย่าวหุยเยว่?
“ศิษย์น้องเหวิน รอก่อน!” หลิงฮันตะโกนออกไป
เหวินอีเจี้ยนชะงักและหันกลับมามองด้วยสีหน้าสงสัย
“เจ้าจะไม่ให้ข้ายืมเปลือกหอยสังข์นั่นไปเล่นสักสองสามวันจริงๆรึ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
เหวินอีเจี้ยนเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขากัดฟันพูด “ไสหัวไป!” จากนั้นเหวินอีเจี้ยนก็รีบบินจากไปด้วยความเร่งรีบ เขายังไม่แน่ใจว่าควรจะกลับไปยังภูมิภาคตะวันออกหรือไปหลบซ่อนตัวในสถานที่ลับตาคนดี
เพราะอย่างไรอีกไม่นานข่าวที่เขาได้รับมรดกจากพระราชวังราศีพฤศจิกก็คงจะแพร่กระจายออกไปทั่วภูมิภาคตะวันออก และบางทีแม้แต่อาจารย์ของเขาก็อาจจะสนใจในมรดกนี้
หลิงฮันหัวเราะและดีดนิ้วไปยังทิศทางของหลิวอู๋ตงและพรรคพวกคนอื่นๆ “พวกเราก็ไปกันเถอะ”
“ไปที่ไหนรึ?” หลิวอู๋ตงถาม
“แน่นอน กลับเมืองหยางสวรรค์”
“แต่ข่าวที่เจ้าได้รับมรดกของสิบสองพระราชวังมาจะต้องถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกในไม่ช้านี้ เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนจะมาตามล่าตัวเจ้า!” ทุกคนพูดพร้อมกัน
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “นั่นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ ข้าเกรงว่าแม้แต่สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ก็อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่ข้าก็ยังต้องกลับไปยังเมืองหยางสวรรค์อยู่ดี!”
มารดาของเขาถูกจับอยู่ที่นั่น แล้วจะให้เขาหลบไปหนีไหนที่อื่นได้อย่างไร?
ฉื่อฮวาหลัน หลินเซียงฉินและรุ่นเยาว์คนอื่นๆเดินมากล่าวลาหลิงฮัน การประลองจัดอันดับบันทึกอัจฉริยะและการสำรวจเขตแดนลี้ลับได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีรุ่นเยาว์เหล่านี้ถึงจะกลับมาพบกันอีกครั้ง
หลิงฮันรีบพาทุกคนออกจากหุบเขา หลังจากนั้นไม่นานพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬก็หมดลง
หลังจากออกมาจากหุบเขาแล้ว หลิงฮันและทุกคนก็เข้าไปยังหอคอยทมิฬ เมื่อเขาปลอมแปลงใบหน้าเรียบร้อย เขาก็ออกจากหอคอยทมิฬและไปยังเมืองเล็กๆเพื่อจ้างรถม้าไปยังเมืองหยางสวรรค์
หลังจากเข้านั่งในรถม้า หลิงฮันก็สั่งคนขับรถว่าห้ามรบกวนเขาและกลับเข้าไปยังหอคอยทมิฬ
ระหว่างการเดินทาง พลังบ่มเพาะของทุกคนเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากรถม้าเดินทางได้สองวัน หลิวอู๋ตง ชูหวู่จิวและชางเย่ก็ทะลวงผ่านระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้สำเร็จ ตั้งแต่ที่พวกเขาบรรลุระดับห้วงจิตวิญญาณ เวลาผ่านมาเพียงแค่สองถึงสามเดือนเท่านั้น เมื่อลองนึกดู แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
อาการบาดเจ็บของสัมผัสสวรรค์ของจูเสวียนเอ๋อดีขึ้นมาก นี่เป็นเพราะนางมีพรสวรรค์ในวิถีแห่งวรยุทธยอดเยี่ยมอยู่แล้ว หลังจากได้รับบาดเจ็บจากเจตจำนงของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน สัมผัสสวรรค์ของได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของนางฟื้นตัว ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแน่นอน
หลิงฮันเรียกนางมาและโยนขวดเม็ดยาให้นาง
“นายน้อยฮัน บาดแผลของเสวียนเอ๋อเกือบจะหายดีแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดยาใดๆอีกต่อไป” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลด้วยใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า ในเมื่อหลิงฮันเคยเปิดผ้าคลุมหน้าของนางและเห็นใบหน้านางแล้ว นางจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังใบหน้ากับหลิงฮันอีกต่อไป ความงามของนางนั้นทำให้แม้แต่หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางเกิดความลุ่มหลง
หลิงฮันหัวเราะและพูด “นี่ไม่ใช่สำหรับเจ้า แต่เป็นอาจารย์ของเจ้า”
ในตอนแรกจูเสวียนเอ๋อชะงักไปชั่วขณะก่อนที่ใบหน้าของนางจะกลายเป็นตื่นเต้นและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หรือวว่านี่จะเป็น…”
“เม็ดยาพยัคฆ์ซ่อนชะตาสวรรค์” หลิงฮันพยักหน้า “ข้าได้รับมันมาตอนที่ผ่านการทดสอบรอบที่สอง และโชคดีที่เจ้ามารับการลอบโจมตีแทนข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงตายไปแล้วและไม่มีโอกาสได้รับรางวัลชิ้นนี้ ดังนั้นข้าจึงจะมอบให้เป็นของขวัญ…”
หลิงฮันยังพูดไม่ทันจบ จูเสวียนเอ๋อก็โผเข้ามากอดร่างเขาแน่น
อะไรกัน หรือสตรีนางนี้จะเสพติดการกอดข้าไปแล้ว?
“ขอบคุณ! ขอบคุณมาก!” จูเสวียนเอ๋อพูดด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ การรักษาอาจารย์คือความปรารถนาสูงสูดของนาง
หลิงฮันเคอะเขินอยู่สักพักก่อนที่จะตบบ่าของนางและพูด “เรื่องเล็กน้อย เมื่อบาดแผลของเจ้าหายดี รีบกลับไปนิกายจันทราครึ่งเสี้ยวซะ”
“อืม!” จูเสวียนเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและพยักหน้าอย่างอ่อนโยน
“เอาล่ะ เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงให้คำมั่นกับเจ้าไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้ายังกอดข้าแบบนี้” หลิงฮันพูดหยอกล้อ
“ไม่ว่านายน้อยฮันต้องการจะทำอะไรกับเสวียนเอ๋อ เสวียนเอ๋อก็ยินยอม!” นางพูดตอบด้วยด้วยน้ำเสียงที่เบาบาง แต่ด้วยความสามารถในการได้ยินของหลิงฮัน แน่นอนว่าเขาได้ยินสิ่งที่นางพึมพำอย่างชัดเจน
โลหิตในร่างของหลิงฮันเดือดผล่านและมีความคิดที่จะจับกดสตรีที่งดงามภายในอ้อมอกของเขานางนี้
ใครกันจะไม่ชอบสตรีที่งดงามเช่นนี้? เขาไม่ได้บังคับฝืนใจนางและไม่ได้หลอกล่อนางด้วยผลประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องอดทนและแสร้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษหรอกสินะ?
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆภาพเงาของสตรีนางหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองของหลิงฮัน ทำให้ความคิดเลินเล่อของเขาสลายหายไปทันที
ภาพเงานั่นคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์