บุปผาศักดิสิทธิ์ห้าดอกเบ่งบาน พวกมันสั่นไหวไปมาเล็กน้อยแม้ที่นี่จะไม่มีลม แสดงให้เห็นถึงตัวตนที่อยู่เหนืออกว่ามนุษย์
หลิงฮันลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในที่สุดเขาก็กลับไปอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบาน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ในบางมุมมอง นี่เป็นก้าวแรกที่จะทำให้เขากลับไปอยู่ที่จุดสูงสุดอีกครั้ง
“นายน้อยฮัน!” ทุกคนพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและเดินเข้ามาหาหลิงฮันทีละคน
“ลูก เจ้ารู้สึกเจ็บปวดตรงไหนไหม?” เย่วฮงฉางดึงแขนของหลิงฮันและจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะไม่เห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของหลิงฮัน แต่นางก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้และรู้สึกกังวล
“ไม่เลย ทุกอย่างราบรื่นดี” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอแสดงความยินดีด้วย นายน้อยฮัน!” ชูหวู่จิวและกว่างหยวนยืนอยู่ด้านหลังคนอื่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปขัดใจหญิงสาวเหล่านี้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงความประทับใจออกมา ชายหนุ่มอายุสิบแปดปีกลายเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานแล้ว!
ถ้าอยู่ในดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว เขาจะต้องเป็นตัวตนไร้พ่ายอย่างแน่นอน
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “รอข้าไปจัดการเจ้าพวกนั้นเสร็จก่อนและคืนนี้พวกเขาจะมาดื่มฉลองกัน!”
เมื่อพูดแบบนั้นออกมา เขาก็ก้าวออกจากหอคอยทมิฬ
“เจ้าหนู!” ผู้อาวุโสเทียนเฉื่อและชายชราผิวคล้ำลงมือจู่โจมหลิงฮันทันที ด้านหลังพวกมันมีทหารซากศพอยู่สี่ร่างที่เปล่งแสงสีทองออกมา แต่ทว่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแปดคนจากนิกายจันทราเหมันตร์นั้นเลือกที่จะนั่งดูและชมการต่อสู้
แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นกังวลกับซากศพตัวตนระดับพระเจ้าที่อยู่ในมือของหลิงฮัน แม้จะไม่เห็นหลิงฮันใช้มัน แต่พวกมันก็ยังไม่กล้าที่จะกระโจนออกไปข้างหน้า นั่นมีแต่จะเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้ง
เมื่อผู้อาวุโสเทียนเฉื่อและชายชราอีกคนเข้าใกล้ หลิงฮันได้ยกมือขึ้นมาและนำซากศพตัวตนระดับพระเจ้าออกมา ศพของชายชราผู้นี้อาจตายมานานจนไม่อาจนับปีได้ แต่เขากลับนำออกมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า
‘ผู้อาวุโส ในอนาคตข้าจะจัดพิธีฝังศพอย่างยิ่งใหญ่ให้กับท่านอย่างแน่นอน’ หลิงฮันพูดอยู่ในใจ
ตุบ ตุบ ผู้อาวุโสสองคนจากนิกายพันศพทรุดตัวลงกับพื้นดินทันที ภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับพระเจ้า พวกมันไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ทหารซากศพทั้งสี่ร่างนั้นดูเหมือนจะไม่ได้รับผลประทบแม้แต่น้อย พวกมันไม่มีจิตสำนึกตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นพวกมันจะถูกตัวตนระดับพระเจ้าสะกดข่มได้อย่างไร?
ทหารซากศพระดับทองคำสี่ร่างเป็นตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณ แล้วพวกมันจะน่าหวาดกลัวแค่ไหน?
หลิงฮันไม่ได้ใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬทันที และเปิดใช้งานเกราะอัสนีแทน ทันใดนั้น ประกายแสงของสายฟ้าได้หลั่งไหลออกมาและก่อตัวเป็นม่านพลังอัสนีล้อมรอบตัวเขา จากนั้นหลิงฮันรีบล่าถอยทันที เขาไม่ได้บ้าขนาดนั้นที่จะต่อสู้กับทหารซากศพที่เป็นถึงตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณสี่คนซึ่งซึ่งหน้า
ทันใดนั้น ความทรงจำบางอย่างได้แล่นผ่านเข้ามาในหัว ขณะเดียวกันเท้าของหลิงฮันเริ่มเคลื่อนไหวได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจ!
นี่คือเทคนิคการเคลื่อนที่ระดับสวรรค์ มันจะสามารถใช้ได้เฉพาะหลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบานแล้วเท่านั้นไม่ใช่เทคนิคการเคลื่อนที่ของมนุษย์! ในชีวิตที่แล้วของเขา เขาฝึกฝนย่างก้าวเทพธิดาปีศาจจนเชี่ยวชาญ และใช้มันแม้กระทั่งตอนเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์
ความรู้สึกโหยหวนกลับคืนมา และหลิงฮันรู้สึกมีความกล้าหาญมากยิ่งขึ้น เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของทหารซากศพทั้งสี่ที่เป็นถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณได้อย่างง่ายดาย เทคนิคการเคลื่อนที่ระดับสวรรค์จะไม่พริ้วไหวได้อย่างไร?
จอมยุทธในภูมิภาคเหนือนั้นมีระดับพลังที่ต่ำ แม้แต่นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนิกายจันทราเหมันตร์และนิกายจักรพรรดิสัตว์อสูรนั้นยังมีเพียงแค่เทคนิคระดับปฐพีขั้นกลางเท่านั้น และทักษะของพวกเขาเองก็เหมือนกัน อย่างมากที่สุดคือทักษะระดับปฐพีขั้นสูง
แล้วทักษะกับเทคนิคพวกนั้นจะเทียบกับเทคนิคระดับสวรรค์ได้อย่างไร?
จุดแข็งของทหารซากศพคือความอดทนที่ไม่เกรงกลัวต่อความควายหรือความเจ็บปวด พวกมันแค่ใช้สัญชาตญาณในการต่อสู้ ถ้าพวกมันสามารถใช้ทักษะหรือเทคนิคได้เหมือนกับตอนที่พวกมันยังมีชีวิต นั่นคงจะเป็นเรื่องที่ขัดแย้งต่อเหตุผลอย่างแท้จริง
ดังนั้นการโจมตีของพวกมันจะจัดการกับหลิงฮันที่ใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจได้อย่างไร?
“หรือว่านี่จะเป็นมรดกที่เจ้าเด็กเหลือขอนี่ได้รับจากสิบสองพระราชวัง?”
“มันน่าตกตะลึงมากที่สามารถหลบหลีกการโจมตีของทหารซากศพทั้งสี่ร่างได้อย่างง่ายดายและได้รับเพียงแค่พลังงานที่กระจัดกระจายออกมาเท่านั้น…แต่เกราะที่เขาสวมอยู่ก็เพียงพอที่จะป้องกันพลังงานพวกนั้น”
“หืม ทำไมเกราะที่เจ้าเด็กนั่นสวมอยู่ถึงดูคล้ายกับเกราะอัสนีเลย?”
“เป็นไปไม่ได้ เกราะอัสนีมันไม่มีทางซ่อมแซมได้และไม่ใช่ว่ามันอยู่ในมือของหนึ่งในศิษย์ของพวกเราหรอกหรือที่ชื่อว่าฮันอะไรสักอย่าง”
“ฮันหลิง!”
“อึก…”
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งแปดคนของนิกายจันทราเหมันตร์ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจพร้อมกัน ฮันหลิงถ้าอ่านจากหลังมาหน้าไม่ใช่หลิงฮันหรอกรึ?
บัดซบ! พวกมันถูกหลิงฮันหลอกเข้าเต็มเปาและช่วงชิงสมบัติจากนิกายจันทราเหมันตร์ของพวกมันไป! พลังของเกราะอัสนีที่หลิงฮันสวมใส่อยู่สามารถต้านทานพลังของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้เล็กน้อย แล้วมันจะมีค่ามากแค่ไหนกัน?
“พวกเราต้องเอามันกลับมา!” ทั้งแปดคนพูดออกมาพร้อมกัน ดวงตาของพวกมันลุกไหม้ไปด้วยความต้องการ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ภายใต้การโจมตีของทหารซากศพทั้งสี่ร่าง เจ้าเด็กนั่นกลับเผลอถอยห่างจากซากศพตัวตนระดับพระเจ้า”
“ประเสริฐ เมื่อมันอยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย พวกเราจะใช้โอกาสโจมตีมัน!”่
“ตกลง ครั้งนี้พวกเราจะฆ่าเจ้าเด็กนั่นด้วยการโจมตีเดียว!”
ทั้งแปดคนเฝ้าสังเกตและรอคอยโอกาส
หลิงฮันดูเหมือนจะพัวพันกับการต่อสู้จนลืมว่ายังมีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณแปดคนซุ่มโจมตีเขาอยู่ เขาถูกโจมตีโดยทหารซากศพที่เป็นตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณสี่ร่าง ดังนั้นเขาจะระวังทั้งซ้ายและขวาไปพร้อมกันได้อย่างไร?
หลิงฮันยังคงล่าถอยออกห่างจากซากศพระดับพระเจ้าขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้แหละ!” ผู้อาวุโสตระกูลอ้าวและคนอื่นกระโจนออกมา ตอนนี้หลิงฮันกำลังหลบหนีทหารซากศพอยู่ และมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับโจมตีทีเผลอ!
พรึบ พรึบ พรึบ พวกมันห้าคนปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าและอีกสามคนปรากฏตัวอยู่ด้านหลังและเริ่มปล่อยการโจมตีออกมาทีละคน!
“ข้ากำลังรอคอยพวกเจ้าอยู่เลย!” หลิงฮันแสยะยิ้ม เขามีสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์ แล้วสุนัขเฒ่าพวกนี้จะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้อย่างไร? นี่คือกลยุทธ์การต่อสู้ที่เขานำออกมาใช้ ถอยออกห่างจากซากศพตัวตนระดับพระเจ้าเพื่อหลอกล่อให้สุนัขเฒ่าพวกนี้ออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้อาวุโสตระกูลอ้าวและอีกเจ็ดคนต่างใจสั่นและความรู้สึกไม่สบายใจได้เกิดขึ้นอยู่ภายในใจของพวกมันอย่างไม่มีเหตุผล นี่เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณและหลังจากที่บรรลุมาถึงระดับตัวอ่อนวิญญาณ พวกมันจึงเชื่อมั่นในสัญชาติญาณของตัวเองมาก
ดังนั้น พวกมันจึงรีบหยุดมือทันทีและหันหลังกลับเพื่อล่าถอย
“สายเกินไปแล้ว!” หลิงฮันยกมือขวาขึ้นมาและนำซากศพตัวตนระดับพระเจ้าอีกร่างถูกขวางออกไป
ตึง แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน และตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณห้าคนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าทรุดตัวลงอยู่กับพื้นทันที ขณะที่อีกสามคนด้านหลังเดินเดินโซเซไปมา พวกมันยังคงพยายามหลบหนีแรงกดดันของตัวตนระดับพระเจ้า
ท้ายที่สุด พวกมันก็อยู่ห่างไกลพอและไม่ได้รับแรงกดดันมากนัก
‘น่าเสียดายจริงๆ’ หลิงฮันกรีดร้องอยู่ในใจ ถึงกระนั้น ผู้อาวุโสตระกูลอ้าวและจือเฮอชุนก็อยู่ในกลุ่มคนห้าคนที่ทรุดตัวลงอยู่กับพื้นด้านหน้า ทำให้หลิงฮันรู้สึกพอใจมาก นี่คือคนที่เขาต้องฆ่าให้ได้
หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับดาบกำเนิดมารที่ปรากฏอยู่ในมือ และปล่อยการโจมตีใส่จือเฮอชุน
“เจ้ากล้างั้นรึ!” ในระยะไกล จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณสามคนคำราม นิกายจันทราเหมันตร์มีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งหมดเก้าคน ถ้าห้าคนตกตายอยู่ที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวกมันจะต้องลดลงไปกว่าครึ่ง ถึงขั้นหลุดออกจากตำแหน่งหนึ่งในสี่ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
“ทำไมข้าจะไม่กล้า?” หลิงฮันพูดอย่างเย็นชาและกวัดแกว่งดาบของเขา ฉึก หัวของจือเฮอชุนถูกตัดและโลหิตพุ่งออกมาทันที
จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณที่น่าเกรงขาม ซึ่งเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของภูมิภาคเหนือกลับตกตายไปอย่างโง่เขลา!
การตายโดยที่ไม่สามารถใช้ทักษะใดออกมาได้และทำได้เพียงนอนกองอยู่บนพื้นรอให้คนอื่นฆ่า แล้วพวกมันจะแตกต่างจาคนธรรมดาตรงไหน?
ดวงตาของจือเฮอชุนเบิกกว้าง ใบหน้าของมันซีดขาว มันรู้ว่ามันกำลังจะตายและเต็มไปด้วยความโศกเศร้า