องค์หญิงแห่งท้องสมุทร
จำนวนทหารมีเพียงแค่หนึ่งหมื่นคนเท่านั้น และระดับพลังที่ต่ำสุดคือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และมีรถม้าคันหนึ่งที่ถูกลากโดยม้าสองหัวอยู่ในขบวนทัพ ผนังของรถม้าถูกตกแต่งด้วยลวดลายโบราณ
เมื่อจ้องมองไปที่มัน จิตใจของเขากลายเป็นว่างเปล่าทันที และเห็นมือขนาดใหญ่ปรากฏออกมาจากในอากาศที่ว่างเปล่าเพื่อจับตัวเขา
มือขนาดใหญ่นั่นมันน่ากลัวมาก ราวกับท้องฟ้ากำลังร่วงหล่น แต่เมื่อมองให้ดีจะเห็นได้ชัดว่านี่คือมือของผู้หญิง มันมีผิวเป็นสีขาวและละเอียดอ่อนนั่นเกือบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ
แข็งแกร่งมาก!
หลิงฮันไม่มีเวลาแม้แต่จะขบคิด เขาพาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีและหัวใจของเขากระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง แม้มันจะเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็เกือบเป็นเวลาที่อันตรายที่สุดในชีวิต
หากเขาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว เขาจะต้องถูกมือยักษ์นั่นจับแน่นอนและเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่จะเข้าไปในหอคอยทมิฬ
ระดับสวรรค์…หรืออาจเป็นระดับทลายมิติ!
หลิงฮันส่ายหัว ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามนั้นแข็งแกร่งเกินไปจนเขาไม่สามารถคาดเดาได้ เขามีเพียงแค่เศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์ บางทีเขาอาจมองเห็นพลังของจอมยุทธระดับสวรรค์ช่วงต้นได้ แต่ถ้าเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ช่วงปลายนั้นเป็นเหมือนกับหมอก
ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าใต้สมุทรยังมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่
สิ่งเดียวที่แน่นอนคือจอมยุทธที่อยู่ในรถม้าไม่มีทางเป็นเฉวียนคงหมิงไปได้ เพราะมันเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้น
“หืม?” เสียงของความประหลาดใจดังมาจากด้านในรถม้า
“องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นกับท่านงั้นหรือ?” นักรบเผ่าใต้สมุทรรีบถามออกมาทันที
“มันน่าสนใจมาก!” คนที่อยู่ในรถม้ากล่าว
นักรบเผ่าใต้สมุทรรู้สึกประหลาดใจและหันไปมองเพื่อตรวจสอบดู แต่มันจะค้นพบการดำรงอยู่ของหอคอยทมิฬได้อย่างไร
“หายตัวไปแล้ว” คนในรถม้าพูดและพูดพึมพัมออกมาว่า “มันเป็นการเคลื่อนย้ายพริบตาจริงๆงั้นรึ? สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีความผันผวนของพื้นที่เวลา! แต่ถ้าไม่ใช่การเคลื่อนย้ายพริบตา แล้วมันจะหายตัวไปอย่างกะทันหันได้อย่างไร?”
เมื่อล้อรถม้าหมุน กองทัพก็ยังคงเดินหน้าต่อไปที่เมืองจักรพรรดิ
เมื่อกองทัพหายลับไปจากสายตา หลิงฮันและฮูหนิวก็ปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬ
“ผู้หญิงที่น่ากลัวนั่นฮูหนิวจะเป็นคนทุบตีเอง!” ฮูหนิวกล่าวพร้อมกับตบหน้าอก
หลิงฮันพยักหน้า พลังของเผ่าใต้ทะเลนั้นน่าทึ่งมาก หรือว่าน่าจือเหยียนจะเปิดเผยความลับออกมา มิฉะนั้นเรื่องมันคงจะจบแล้วหลังจากที่เขาสาปเฉวียนคงหมิง แต่เหตุใดกันกองทัพใต้สมุทรถึงปรากฏออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่แข็งแกร่งคนนั้น
บางทีนางอาจเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ หรือแม้กระทั่งระดับทลายมิติ แล้วถ้านางอาละวาดในภูมิภาคเหนือแล้วใครจะหยุดยั้งนางได้?
หลิงฮันนำตัวน่าจือเหยียนออกมาและถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน?”
น่าจือเหยียนกรีดร้องออกมา มันจะบอกความลับแบบนั้นให้กับหลิงฮันได้อย่างไร? ถ้าเผ่าใต้สมุทรรู้เข้าว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมของเฉวียนคงหมิง มันจะไม่ถูกฆ่าเป็นชิ้นๆเลยหรือไง? มันสั่นเทาและพูดออกมาว่า “คนผู้นั้นคือ องค์หญิงลำดับเจ็ดแห่งตระกูลราชวงศ์ องค์หญิงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน”
“แล้วระดับพลังของนางล่ะ?” หลิงฮันถาม
“ว่ากันว่านางเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์” น่าจือเหยียนคิดอยู่ชั่วครู่เพื่อยืนยัน “นางสมควรที่จะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ องค์หญิงลำดับเจ็ดเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดแห่งราชวงศ์เฮ่อเหลียน แต่ยังไม่ทะลวงผ่านระดับทลายมิติ”
หลิงฮันจำได้ว่ามันเคยพูดออกมาว่ามีสามตระกูลใหญ่ในทะเลเหนือ นั่นคือเฮ่อเหลียน เสี่ยวยวี่ เหวินเหริน พวกเขาต่างมีตัวตนระดับทลายมิติหนุนหลัง ซึ่งมันเทียบได้กับนิกายใหญ่แห่งภูมิภาคกลาง
แม้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจะไม่ได้เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่เพียงแค่ระดับสวรรค์ก็สามารถกวาดล้างทั้งภูมิภาคเหนือได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลิงฮันรู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาในชีวิตที่แล้วเสียอีก และอาจเทียบเท่ากับจักรพรรดิดาบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินเพราะนี่เป็นเพียงแค่การคาดเดา
ข้าคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะปรากฏตัวออกมาเพราะขวดหยกคำสาป มิฉะนั้นเวลามันคงไม่เหมาะเจาะขนาดนี้
แต่ถ้าน่าจือเหยียนไม่ปากโป้ง แล้วอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเฉวียนคงหมิงจะปล่อยความลับออกมาก่อนที่มันจะตาย?
หลิงฮันขบคิดเรื่องพวกนี้อยู่สักพัก และตบน่าจื่อเหยียนสลบอีกครั้งก่อนที่จะโยนเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็เดินทางไปที่เมืองจักรพรรดิ ซึ่งกองทัพใต้สมุทรนั้นยังเดินทางมาไม่ถึง ความเร็วของพวกเขานั้นไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
แต่หลังจากนั้นไม่นาน สองวันต่อมากองทัพใต้สมุทรได้มาถึงรอบนอกของเมืองจักรพรรดิแล้ว
แคว้นอัคคีกำลังถูกศัตรูบุก บนกำแพงทหารทุกคนต่างกำดาบแน่นอยู่ในมือและลูกศรที่ตรึงอยู่บนเชือก คนที่อ่อนแอที่สุดในกองทัพศัตรูนั้นคือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ
นี่มันไม่สมควรเรียกว่ากองทัพขนาดใหญ่ มันควรถูกเรียกว่าองครักษ์ขององค์หญิงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนมากกว่า นั่นเป็นเพราะจำนวนผู้คนของฝ่ายศัตรูมีน้อยเกินไป
“ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของที่แห่งนี้ จงมอบสิ่งนั้นให้กับข้าทันที มิฉะนั้น หลังจากนี้อีกสามวันสถานที่แห่งนี้จะต้องเผชิญกับความพิโรธและหายไปจากดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยว!” ภายในรถม้า เสียงของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
นางปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมาบดบังพลังของสวรรค์และโลก ทำให้ทุกคนทิ้งอาวุธที่อยู่ในมือของตัวเองทันที ยกเว้นจักรพรรดิหวู่ซง
แต่พวกเขาจะไปทำอะไรได้?
พวกเขายังไม่รู้เลยที่อีกฝ่ายพูดว่า “สิ่งนั้น” คืออะไรและจะส่งมอบมันได้อย่างไร? ช่างโชคร้ายยิ่งนัก เมื่อไม่กี่วันก่อนผู้คนถูกฆ่าตายในพระราชวัง พวกเขาถูกบังคับให้ลงนามเป็นพันธมิตร และตอนนี้พวกเขากำลังจะถูกฆ่าภายในเมืองจักรพรรดิอีก
แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในรถจะไม่ได้แสดงตัวตนออกมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดของนาง เพียงแค่พลังปราณที่นางปลดปล่อยออกมาเล็กน้อยก็ทำให้ทุกคนรับรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
นางมีความแข็งแกร่งที่จะทำเช่นนั้น และแน่นอนว่านางจะต้องทำตามที่พูด
หลิงฮันขมวดคิ้ว และมั่นใจมากว่าอีกฝ่ายมาเพื่อขวดหยกคำสาป หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาพาฮูหนิวเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วขึ้นไปบนกำแพงเมือง
“นายท่าน!”
“นายท่าน!”
“นายท่าน!”
เมื่อทุกคนเห็นหลิงฮัน ทุกคนต่างคุกเข่าลงราวกับพวกเขาเจอผู้ช่วยชีวิต
หลิงฮันหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “อย่าเหมารวมข้า พวกมันหนึ่งหมื่นคนไม่ใช่คนเพียงคนเดียวที่สามารถจัดการได้”
เมื่อได้ยินหลิงฮันพูดแบบนั้นออกมา ทุกคนต่างเผยสีหน้าที่ผิดหวัง แม้แต่หลิงฮันยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกมันควรทำเช่นไรดี?
หลิงฮันจ้องมองออกไปในระยะไกลและตะโกนเสียงดังว่า “พวกเรามาพูดคุยกันเถอะ แต่ถ้าท่านโจมตีข้าอีกครั้ง ข้าจะจากไปทันที แล้วท่านจะไม่มีวันหาตัวข้าพบอีก”
“สามห้าว!”
“เจ้ากล้ามากที่พูดจากับองค์หญิงของพวกเราแบบนั้น!”
นักรบเผ่าใต้สมุทรส่งเสียงตะโกนออกมาและคิดอยู่ในใจว่า องค์หญิงเฮ่อเหลียนเป็นเหมือนพระเจ้าและไม่มีใครสามารถล่วงเกินได้ แต่เผ่ามนุษย์อันต่ำต้อยกลับต้องการพูดคุยกับองค์หญิงของพวกมัน? ไร้สาระ!
เสียงในรถม้าดังขึ้นและพูดออกมาว่า “มาพูดคุยกัน”
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่หลิงฮันหลบการโจมตีของนางได้ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้พิจารณาความสามารถในการหลบหนีของหลิงฮันไว้มากพอสมควร แต่ถ้าเขาหลบหนีไม่ได้ เขาจะมีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับนางได้อย่างไร?