ไม่อาจต้านทาน
‘ตูม’ คลื่นโลหิตทะยานขึ้นฟ้าจนเกิดเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัว หยดโลหิตที่ตกลงมาราวกับดวงดาราที่ต้องการทำลายพื้นปฐพี
หลิงฮันไม่ลังเลที่จะเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬ
หมอกโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วจนส่งผลต่อสัมผัสสวรรค์และการมอง เพราะงั้นในตอนแรกเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนจึงไม่รับรู้ถึงการหายไปของหลิงฮัน นางยังมองหาหลิงฮันเพื่อแย่งชิงขวดหยกมา
แต่ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณเหมืองก็กำลังกลายสภาพเป็นทะเลสาปโลหิตอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเปลี่ยนสี ด้วยพลังบ่มเพาะของนาง นางย่อมรู้ถึงความน่ากลัวของโลหิตเหล่านี้ดี นางคาดเดาว่าหลิงฮันจะต้องใช้ยันต์เคลื่อนย้ายมิติหนีไปแล้ว ไม่เช่นนั้นเพียงระดับบุปผาผลิบานจะต้านทานความน่าสะพรึงกลัวของโลหิตเหล่านี้ได้อย่างไร?
ทะเลสาบโลหิตสีชาติก่อตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่มีร่างซากศพของจอมยุทธพบรรพกาลทั้งสิบสองแต่ก็มีร่างของแมงมุมยักษ์สีเงินปรากฏอยู่ตรงหน้า ขนาดที่ใหญ่ราวกับภูเขาของมันปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
แมงมุมยักษ์สีเงินนั้นแข็งแกร่งจนเพียงแค่มองก็เกือบจะทำให้ร่างของหลิงฮันแตกสลาย ที่เขายังรอดมาได้ก็เพราะมีเศษเสี้ยวสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธระดับสวรรค์และบ่มเพาะกายาเหล็กไหล
ขนาดร่างกายของหลิงฮันที่แข็งแกร่งและทนทานยังเป็นแบบนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะ?
บริเวณที่ห่างออกไป เผ่าใต้สมุทรกรีดร้องโหยหวนออกมาและเริ่มตกตายไปทีละคน
แมงมุมยักษ์สีเงินกวาดสายตามองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ครั้งนี้มันไม่ได้มองนางเป็นมดปลวกและเดินผ่านไปเหมือนตอนหลิงฮัน มันยกขาขนาดมหึมาของมันขึ้นและแทงเข้าใส่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
หลิงฮันที่หลบอยู่ในหอคอยทมิฬตกตะลึงจนใบหน้าเปลี่ยนสี!
แข็งแกร่ง! ความแข็งแกร่งของแมงมุมยักษ์นั้นราวกับจะสามารถทิ่มแทงได้แม้กระทั่งดวงดาวบนท้องฟ้า!
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่สามารถหลบได้พ้น ‘ปัง’ เท้าของแมงมุมยักษ์ทะลวงผ่านร่างของนาง ปลายเท้าของมันที่ทะลุไปถูกปกคลุมไปด้วยรอยเลือด
‘อัก’ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสำลักโลหิตออกมา ภายในร่างของนางราวมีไฟฟ้าสถิตตกค้างจนทำให้โคจรปราณได้ไม่มั่นคง
แมงมุมยักษ์สีเงินแสดงสีหน้าอย่างไม่แยแส ทันใดนั้นร่างกายของมันก็หดเล็กลงและกลายเป็นเส้นแสงหายเข้าไปในหลุมใต้เหมืองพร้อมกับทะเลสาปโลหิต ทุกสิ่งทุกอย่างสลายหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ณ ด้านนอกเหมืองปรากฏซากศพของเหล่าเผ่าใต้สมุทรที่ใต้เป็นก้อนเนื้อพร้อมกับร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนที่ถูกแทงทะลุ
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก… แม้แต่ระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดก็ยังเกือบจะต้องตกตาย! เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขาเห็นถึงความแตกต่างของระดับสวรรค์และระดับทลายมิติแล้ว
ไม่อาจต้านทาน!
ยิ่งระดับพลังสูงความแตกต่างของพลังก็ยิ่งกว้างขึ้น แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดอย่างเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ต่อหน้าแมงมุมยักษ์
หลิงฮันลอยไปหาร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน ตอนนี้แสงสีม่วงที่เคยโอบล้อมร่างของนางหายไปแล้ว เขาจึงสามารถมองเห็นรูปร่างของนางได้ชัดเจน
เป็นสตรีที่งดงามยิ่งนัก ไม่ว่าจะจมูก ริมฝีปากหรือส่วนบนใบหน้าล้วนแต่งดงามราวกับหยก เพียงแต่ดวงตาของนางปิดอยู่ ไม่เช่นนั้นความงดงามของนางจะต้องมากกว่านี้แน่นอน บริเวณไหล่ซ้ายของนางมีหลุมโลหิตปรากฏอยู่พร้อมกับโลหิตที่หลั่งไหลออกมา แน่นอนว่านั่นเป็นบาดแผลที่เกิดจากแมงมุมยักษ์
หลิงฮันตกตะลึง เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนยังไม่ตาย!
แม้ว่าการโจมตีของแมงมุมยักษ์จะไม่ถูกจุดสำคัญ แต่พลังทำลายของมันก็เพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
ดูเหมือนว่าแมงมุมยักษ์จะยังไม่ได้เอาจริงกับนาง
หลิงฮันจ้องมองพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
สตรีนางนี้อันตรายเกินไป เขาต้องการจบภัยพิบัติตรงหน้าด้วยมือของเขาเอง
หลิงฮันนำดาบกำเนิดมารออกมา เขาไม่เคยใจอ่อนกับศัตรู ทันใดนั้นเขาก็สะบั้นลงใส่ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอย่างไม่ลังเล
‘ปัง!’
ร่างของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนส่องสว่างและมีอักขระปรากฏขึ้นมาป้องกันการโจมตีของดาบกำเนิดมาร
หลิงฮันพบว่าลำแสงที่ร่างของนางนั้นออกมาจากสร้อยคอที่นางสวมเอาไว้ จะพูดให้ถูกก็คือออกมาจากจี้ที่ติดอยู่กับสร้อยคอ
ก่อนหน้านี้ก็ที่แมงมุมยักษ์โจมตี ก็เป็นสร้อยคอชิ้นนี้ที่ส่องสว่างป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่จากแมงมุมยักษ์ และครั้งนี้ก็เป็นสร้อยคอนี้เช่นกันที่ป้องกันดาบของหลิงฮัน
หลิงฮันเดาว่าสร้อยคอนี้คืออาวุธวิญญาณประเภทที่จะป้องกันผู้สวมใส่ด้วยตนเอง แต่เพราะแมงมุมยักษ์สีเงินแข็งแกร่งเกินไป อาวุธวิญญาณชิ้นนี้จึงไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด แต่พลังโจมตีของหลิงฮันนั้นค่อนข้างอ่อนหากเทียบกับแมงมุมยักษ์ สร้อยคอเส้นนี้จึงสามารถป้องกันได้อย่างไม่ยากเย็น
“น่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก!” หลิงฮันกัดฟัน ทั่วทั้งภูมิภาคเหนือและดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวไม่ว่าใครก็ต้องเรียกเขาว่าปรมาจารย์หลิง แต่สถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์จะสามารถใช้กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและแมงมุมยักษ์ได้รึ?
หลิงฮันรู้สึกไม่ยินยอมและใช้ดาบโจมตีไปอีกหลายครั้ง การโจมตีแต่ละครั้งเขาใช้ปราณดาบออกไปเช่นกัน แต่พลังป้องกันของสร้อยคอนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่ได้ผล
หลิงฮันลองทุกอย่างแล้วแต่ก็ไร้ความหมาย
เขาต้องการจะนำร่างของนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ มันไม่สำคัญว่าภายในนั้นเขาจะลงมือสังหารนางหรือไม่ แค่เขาสามารถกักขังองค์หญิงเผ่าใต้สมุทรไว้ได้ชั่วชีวิตก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าลำแสงที่สร้อยคอปลดปล่อยออกมาก็ทำการป้องกันสติของนางเอาไว้ทำให้หลิงฮันไม่สามารถนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
ผ่านไปสักพักเมื่อแสงจากสร้อยคอจางหายไป หลิงฮันก็สามารถมองเห็นใบหน้าที่งดงามและร่างกายอันบอบบางของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอีกครั้ง หลิงฮันจ้องไปที่นางและอเผลออุทานออกมา “หน้าอกแบนราบ!”
ที่จริงมันก็ไม่ได้แบนขนาดนั้น แต่หากเทียบกับ หลิวอู๋ตง หลีซื่อฉางและจูเสวียนเอ๋อ หน้าอกของนางเรียกได้ว่าย่ำแย่มาก
ที่น่าตกใจก็คือบาดแผลบนไหล่ซ้ายของนางกำลังรักษาตัวอย่างรวดเร็ว โลหิตของนางหยุดไหลและเริ่มตกสะเก็ด
อย่าลืมว่าบาดแผลนี้คือบาดที่ถูกสร้างโดยตัวตนระดับทลายมิติ ตราบใดที่เจตจำนงของแมงมุมยักษ์ยังติดอยู่ บาดแผลของนางก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้!
เจตจำนงของตัวตนระดับทลายมิติจะคงอยู่ได้นานขนาดไหน? อาจจะหนึ่งพันปีหรือไม่ก็หนึ่งหมื่นปี!
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่สมควรมีพลังมากพอที่จะสลายเจตจำนงของตัวตนระดับทลายมิติ คงจะเป็นจะแมงมุมยักษ์เองที่ถอนเจตจำนงออกไปตอนที่ตัวมันสลายหายไป
ที่นางสลบไปเป็นเพราะนางถูกโจมตีด้วยอำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลังของตัวตนระดับทลายมิติจนไม่สามารถประคับประคองสติไหว
ซึ่งก็หมายความว่า… นางสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!
จิตใจของหลิงฮันเริ่มตึงเครียด ในเมื่อเขาไม่สามารถสังหารองค์หญิงของเผ่าใต้สมุทรได้ เขาก็ต้องนำร่างของนางไปปล่อยทิ้งไว้ในภูมิภาคกลาง เพื่อให้นางไปพบกับศัตรูและตกตายไปเอง
จะชักช้าไม่ได้!
แต่ทันใดนั้นดวงตาของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็สั่นไหวและเปิดออก
งดงามอะไรเช่นนี้!
ดวงตาของนางเป็นสีครามราวกับท้องมหาสมุทร เมื่อจับคู่กับผิวที่ขาวนวลราวกับหยกของนางแล้ว ช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนใจยิ่งนัก
“เจ้าเป็นใคร?” นางมองมายังหลิงฮันด้วยสีหน้าสับสน จากนั้นก็ก้มลงไปมองที่ตัวเอง “แล้วข้าเป็นใคร?”
ความจำเสื่อม?