ห้ามังกรสองนกอมตะ
จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งข้อความเอาไว้ในสถานที่ที่อันตรายที่สุด นางกล่าวว่าความลับทุกอย่างถูกซ่อนเอาไว้ในตำหนักสันตินิรันดร์ที่ตั้งอยู่ ณ หุบเขาไร้ขอบเขต หลิงฮันสงสัยเป็นอย่างมากว่าอะไรคือความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้ถึงหนึ่งหมื่นปี
ความลับนี้ถึงขนาดทำให้นางต่อต้านตัวตนระดับทลายมิติของเผ่าตนเอง แถมยังสละชีวิตเพื่อทิ้งความลับนี้ไว้
ในเมื่อเขามาถึงภูมิภาคกลางแล้ว ก็ได้เวลาตามหาความลับที่จื่อเสวี่ยนเซียนทิ้งเอาไว้ให้เสียที
กระดองขยายขนาดกว้างออกไปหนึ่งร้อยเมตร ซึ่งทำให้มีน้ำถึงหนึ่งพันปอนด์ แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของหลิงฮัน เขาสามารถยกมันง่ายๆด้วยมือข้างเดียวโดยไม่ใช้ปราณก่อเกิด เขาจ้องมองไปยังแผนที่และพยายามค้นหาภูเขาหรือแม่น้ำที่คุ้นเคยจากความทรงจำ
“มีมากมายกว่ายี่สิบแห่ง” หลิงฮันส่ายหัว มีภูเขาจำนวนมากถึงยี่สิบเก้าเขาที่ตรงตามความทรงจำในชีวิตก่อน เพราะอย่างไรเขาก็แค่เคยได้ยินสภาพภูมิประเทศของหุบเขาไร้ขอบเขตมาเท่านั้นแต่ไม่เคยได้เดินทางไปเองเลยสักครั้ง
“จะไปสำรวจตอนนี้เลยหรือรอให้จบการแข่งขันก่อนดี?” หลิงฮันครุ่นคิด “การค้นหาตำหนักสันตินิรันดร์ในหุบเขาไร้ขอบเขตไม่ได้ใช้เวลาวันหรือสองวัน ในเมื่อให้สัญญากับคนอื่นเอาไว้แล้วก็ไม่อาจกลับคำ”
“แต่ข้าต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนอยู่ภายในตำหนักสมบัติวิญญาณจริงๆรึ?”
“จริงสิ หยินหงกล่าวเอาไว้มีผู้คนจำนวนมากเพิ่งกลับออกมาจากโบราณสถาน ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะต้องการนำสมบัติที่ตนเองไม่ได้ใช้ออกมาประมูล ข้าลองไปถามช่วงเวลาวันจัดงานประมูลก่อนแล้วกัน”
ช่างบังเอิญเป็นอย่างมาก งานประมูลจะจัดขึ้นในเย็นวันนี้ แถมยังเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนอีกด้วย ส่วนในเดือนถัดไปนั้นจะเป็นงานประมูลครั้งใหญ่ในรอบปี ซึ่งจะยิ่งใหญ่และอลังการมาก เห็นบอกว่าแม้แต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาและระดับสวรรค์ก็จะเข้าร่วม
แต่งานประมูลครั้งใหญ่ในรอบเดือนนั้นจำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าร่วมได้ หลิงฮันได้ไปหาหยินหงเพื่อถามหาบัตรเชิญ เขาคิดว่าสถานะของหยินหงในตำหนักสมบัติวิญญาณนั้นจะต้องไม่ต่ำต้อย แค่บัตรเชิญคงจะไม่มีปัญหา
แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
หยินหงกลับมาด้วยมือเปล่า
“น่าโมโหมาก!” ใบหน้าของหยินหงเต็มไปด้วยความโกรธ “นังหยินฉีที่น่ารังเกียจนั่น ที่นายหญิงผู้นี้ไม่ได้บัตรเชิญมาเป็นเพราะนาง!”
หลิงฮันขมวดคิ้วและถาม “ไม่ได้งั้นรึ?”
หยินหงนั่งลงและพูดอย่างไม่เต็มไป “นางขัดขวางข้าไม่ยอมให้ข้าได้รับบัตรเชิญ”
“นางมีความขัดแย้งกับเจ้า?” หลิงฮันถาม
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” หยิงหงครุ่นคิดชั่วขณะ “นางแค่อิจฉาข้าที่ข้ามีหน้าอกใหญ่กว่า!”
“ฮ่าๆๆ” หลิงฮันไม่เชื่อ
“ที่จริงนางเป็นบุตรสาวของท่านลุงของข้า และท่านลุงกับข้า… ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่” นางบอกความจริง
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ที่แท้ก็ปัญหาภายในตระกูลนี่เอง
“ข้าจะคิดหาทางอื่นนำบัตรเชิญมาให้เจ้า” หยินหงพูดอีกครั้ง
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าจะใช้วิธีของตัวเอง”
“ด้วยตัวเจ้าเอง? ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรได้?” หยินหงถาม
หลิงฮันยิ้มและพูด “อย่าลืมสถานะที่แท้จริงของข้า”
หยินหงตกตะลึงและพูดออกไป “เจ้าแน่ใจว่าจะทำอะไรเสี่ยงๆแบบนั้น?”
“ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตภายนอกที่ไร้ผู้คน ความเสี่ยงจึงลดลงมา” หลิงฮันหัวเราะ เขาตัดสินใจจะใช้โฉมหน้าที่แท้จริงปรากฏตัว ด้วยสถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ เขาจะไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประมูลรึ? ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรในงานประมูล ทุกคนก็จะจำเขาในฐานะหลิงฮันไม่ใช่’ฮันหลิง’
เมื่องานประมูลจบลง หลิงฮันจะหายตัวไปและปรากฏตัวด้วยฐานะของฮันหลิงแทน เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ปลอดภัย!
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น หลิงฮันได้นำวัตถุดิบจากหอคอยทมิฬออกมาแจกจ่ายให้กับหญิงสาวทุกคน แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความสุขที่ได้กินอาหารจากวัตถุดิบเหล่านั้น โดยเฉพาะเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับหยินหง พวกนางกินกันมูมมามจนเสียภาพลักษณ์อันงดงามไปหมด
“มอบอาหารเหล่านี้ให้ข้าทุกวันแล้วนายหญิงคนนี้จะเป็นของเจ้า” หยินหงกล่าว
แน่นอนว่าหลิงฮันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเดินออกไปจากตำหนักสมบัติวิญญาณและลบการแปลงโฉมออกกลับไปเป็นหน้าตาปกติพร้อมกับเดินกลับเข้ามายังตำหนักสมบัติวิญญาณอีกครั้ง
“แขกผู้มีเกียรติ งานประมูลในคืนนี้จัดขึ้นเพื่อแขกพิเศษเท่านั้น” เมื่อกำลังเดินขึ้นบันไดเขาก็ถูกห้ามเอาไว้
หลิงฮันแสดงสถานะที่แท้จริงออกไป “ข้าคือหลิงฮัน หรือว่าแม้แต่นักปรุงยาระดับสวรรค์ก็ยังไม่นับว่าเป็นแขกพิเศษ?”
“อะไรกัน!” ชายคนนั้นตกตะลึงกับคำว่า ‘นักปรุงยาระดับสวรรค์’ หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะเขาก็รีบกล่าวออกมา “ได้โปรดรอสักครู่ ข้ารับใช้ผู้ต่ำต่อยคนนี้จะไปนำเรื่องนี้ไปรายงานทันที”
ชายคนนั้นเดินหายไปอย่างเร่งรีบ โดยมีคนอื่นมาทำหน้าที่รับรองแขกแทน
เวลานี้คือเวลาที่การประมูลกำลังจะเริ่ม ผู้คนที่ผ่านเข้ามามากมาย มีทั้งจอมยุทธวัยกลางคนที่ทรงพลัง จอมยุทธชราที่มีกลิ่นอายล้ำลึก จอมยุทธรุ่นเยาว์ที่เลือดร้อน
แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีบัตรเชิญ
คนที่เดินผ่านมาย่อมมองเห็นหลิงฮันที่หยุดอยู่ตรงทางเข้างาน บางคนถึงกับแสดงสีหน้าเหยียดหยามดูถูกออกมา ไม่มีบัตรเชิญแต่ยังคิดจะเข้าร่วมงานประมูล? ช่างน่าด้านจริงๆ!
“เจ้าหนู ทำไมไม่คุกเข่าอ้อนวอนข้าดูล่ะ บางทีข้าอาจจะพาเจ้าเข้าไปข้างในก็ได้” แน่นอนว่าย่อมมีพวกปากผล่อย ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่ในภูมิภาคกลางแห่งนี้ ระดับบุปผาผลิบานไม่นับว่าแข็งแกร่งอะไร
หลิงฮันจ้องมองไปยังต้นเสียงอย่างเย็นชาและพูด “ปากที่เน่าเสียแบบนั้น ไม่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลบ้างรึ?”
คนที่พูดคือรุ่นเยาว์อายุยี่สิบปี พลังบ่มเพาะของมันคือระดับห้วงจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ท่าทีของมันกลับหยิ่งยโสเหลือเกิน
“เจ้าหนู เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าคือใคร?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “แซ่ของข้าคือซุน”
“โอ้ ซุนงั้นรึ” หลิงฮันพยักหน้า
“บัดซบ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
“ซุนฉ่าว อย่าไปสนใจ มันก็แค่เด็กบ้านนอกเท่านั้น! ที่นี่คือตำหนักสมบัติวิญญาณ ไม่ใช่สถานที่ที่จะสร้างปัญหาได้ง่ายๆ” ใครบางคนกล่าวเตือนรุ่นเยาว์คนนั้น
รุ่นเยาว์ผู้นั้นเค้นเสียงดูถูกและจ้องมายังหลิงฮัน “โชคดีไปนะ ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า!”
หลิงฮันส่ายหัว ด้วยสถานะนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขา แค่เม็ดปลวกตัวสองตัวทำไมจะต้องหวาดกลัว?
“ห้ามังกรสองนกอมตะมาที่นี่!”
“จริงรึ!”
“ช่างสง่างามยิ่งนัก!”
ทันใดนั้นผู้คนก็เริ่มส่งเสียงเอะอะและจ้องมองไปยังด้านหลัง คนเจ็ดคนกำลังใกล้เข้ามาอย่างองอาจ ห้าคนเป็นบุรุษส่วนอีกสองคนเป็นสตรี แต่ละคนดูมีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น พวกเขาเรียกได้ว่าเป็นห้ามังกรสองนกอมตะในหมู่จอมยุทธ ทั้งเจ็ดคนมีพลังบ่มเพาะระดับบุปผาผลิบาน!
ในภูมิภาคกลางมีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอายุต่ำกว่าสามสิบปีมากมาย แต่ที่นี่คือเมืองหมื่นสมบัติไม่ใช่นิกายดาบสวรรค์หรือนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์ จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าทั้งเจ็ดคนมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งแค่ไหน
ห้ามังกรสองนกอมตะ ทั้งเจ็ดคนคือรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองหมื่นสมบัติ ถ้าไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะที่มากพอ อัจฉริยะทั่วไปก็ไม่สามารถบรรลุระดับบุปผาผลิบานก่อนอายุสามสิบได้
ทั้งเจ็ดคนดูสูงส่งและสง่างาม พวกเขาเดินผ่านผู้คนไปอย่างมั่นใจ
“หืม?” มังกรคนหนึ่งสังเกตเห็นหลิงฮันและแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีระดับบุปผาผลิบานที่เยาว์วัยขนาดนี้! ฮ่าๆๆ เจ้าหนู มาเป็นผู้ติดตามข้าซะ”