คำชวนของอ้วนหม่า
หลิงฮันเดินกลับไปยังที่พัก เมื่อกลับไปถึง ฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต้อนรับเขาด้วยการโอบกอดแขนของเขาคนล่ะข้าง
“ทำไมถึงได้กลับมาช้าขนาดนี้ หนิวคิดถึงจนจะตายแล้ว!” ฮูหนิวพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ทำไมถึงได้กลับมาช้าขนาดนี้ สวินน้อยคิดถึงจนจะตายแล้ว” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเริ่มเรียนรู้และเลียนแบบการกระทำของฮูหนิว
ส่วนจูเสวียนเอ๋อนั้นกำลังยืนยิ้มหวานอยู่อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้นางไม่ได้สวมผ้าปิดหน้าเอาไว้ทำให้ความงามที่สามารถชักนำให้โลกตกอยู่ในความลุ่มหลงปรากฏออกมา นางไม่ได้ทำตัวออดอ้อนเหมือนกับฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แต่นำน้ำชามาต้อนรับหลิงฮันแทน
“เสวียนเอ๋อช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” หลิงฮันกล่าวชม
“ฮึ่ม!” ฮูหนิวรู้สึกไม่พอใจและทำแก้มป่อง “ฮูหนิวก็ทำได้!” ทันใดนั้นนางก็วิ่งจากไปเพื่อเตรียมน้ำชาบ้าง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกำลังสับสน นางไม่รู้ว่าจะทำตามฮูหนิวหรือยืนกอดแขนของหลิงฮันอยู่แบบนี้ดี
ผ่านไปไม่นานฮูหนิวก็วิ่งกลับมาพร้อมกับชาร้อนในมือ ฮูหนิวนั้นไม่มีความเป็นกุลสตรีแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่นางวิ่งน้ำชาก็จะกระเด็นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่สนใจ นางเดินมาหาหลิงฮันและวางชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หันหน้าไปจ้องมองหลิงฮันอย่างภาคภูมิใจราวกับกำลังรอคำชมจากหลิงฮัน
หลิงฮันจ้องมองน้ำชาที่เหลืออยู่ในแก้วเพียงหนึ่งในสามส่วน เขาหัวเราะและพูด “ฮูหนิวช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คนอื่นๆจะเหลือใบชาอยู่ในแก้วเล็กน้อย แต่เจ้ากลับไม่มีเหลือเลยแม้แต่ใบเดียว”
ฮูหนิวยิ้มอย่างมีความสุข ขอแค่เป็นคำชมจากหลิงฮันนางก็พึงพอใจแล้ว
เมื่อยามค่ำคืนมาถึง ฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องตนเอง
ในที่สุดจูเสวียนเอ๋อก็มีโอกาสอยู่กับหลิงฮันสองต่อสอง นางเอนกายของตัวเองเข้าสู่อ้อมกอดหลิงฮัน การทำแบบนี้ทำให้จิตใจของนางรู้สึกสงบอย่างมาก
แล้วถึงแม้จะยังมีผลที่ตามมาของอาการแบบเจ็บหลงเหลืออยู่เล็กน้อย แต่พลังบ่มเพาะของอาจารย์นางก็กลับไปเป็นระดับตัวอ่อนวิญญาณตามเดิม ซึ่งในภูมิภาคเหนือมันคือระดับพลังที่สูงที่สุด
ตอนนี้นางไม่มีความกังวลใจใดๆเหลืออยู่แล้ว สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของนางตอนนี้คือการได้อยู่กับบุรุษผู้นี้ไปตลอดกาล
……
การใช้ชีวิตในตำหนักสมบัติวิญญาณในแต่ละวันของหลิงฮันคือเก็บตัวบ่มเพาะพลังหรือไม่ก็เล่นกับสาวๆ
แต่เนื่องจากฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนที่เบื่อการอาศัยอยู่ในตำหนักสมบัติวิญญาณแล้ว หลิงฮันจึงตัดสินใจพาหญิงสาวทั้งสามออกไปเดินเล่นรอบๆเมืองหมื่นสมบัติ
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นก้อนอิฐหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ ทุกคนจะสามารถสัมผัสกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ได้ วันนี้พวกหลิงฮันได้เดินเที่ยวเล่นรอบๆเมืองนี้ทั้งวัน
เมื่อตกกลางคืน หลิงฮันก็ตัดสินใจพักอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมริมขอบทะเลสาปเพื่อเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันงดงาม
กลุ่มของหลิงฮันสี่คนนั่งลงริมขอบทะเลสาบพร้อมกับปิ้งเนื้อย่างกินลมชมวิว
“กลิ่นหอมจริงๆ ให้ข้าสักชิ้นนึงสิ!” ทันในนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น หลิงฮันมองเห็นร่างอ้วนกลมร่างหนึ่งปรากฏตัวและกำลังเอื้อมมือมมาคว้าเนื้อเสียบไม้ที่กำลังปิ้งอยู่อย่างไม่กลัวร้อน
“เจ้าอ้วนงี่เง่า นั่นมันของหนิวนะ!” ฮูหนิวโมโหและพุ่งเข้าใส่ร่างอ้วน ใครก็ตามที่คว้าอาหารของนางไปก็คือศัตรู
แต่ถึงแม้ชายคนนั้นจะมีร่างกายที่อ้วนกลม แต่เขากลับเคลื่อนที่ได้คล่องเป็นอย่างมาก ชั้นไขมันบนร่างของเขาบิดไปมาเพื่อหลบหลีกการพุ่งเข้าใส่ของฮูหนิวและคว้าเนื้อเสียบไม้ไปได้อย่างง่ายดาย
ฮูหนิวกลายเป็นเกรี้ยวกราดและปล่อยหมัดโจมตีออกมา
ชายร่างอ้วนทำเพียงหลบหลีกไปมาอย่างไม่ตอบโต้ แต่หลบไปได้ไม่กี่หมัด กำปั้นของฮูหนิวก็ปะทะเข้ากับพุงของชายร่างอ้วน
พุงที่กลมกลึงของชายคนนั้นยุบลงไปเป็นรอยกำปั้น แต่พุงของชายคนนั้นราวกับเป็นเกราะป้องกันที่ยืดหยุ่น มันสลายพลังโจมตีของกำปั้นฮูหนิวและคืนสภาพกลับเป็นดังเดิม
ฮูหนิวต้องการโจมตีอีกครั้งแต่ก็ถูกหลิงฮันจับตัวเอาไว้ แม้จะไม่เต็มใจ แต่นางก็ทำได้เพียงแยกเขี้ยวข่มขู่อีกฝ่าย
หลิงฮันยิ้มและพูด “อ้วนหม่า โชคชะตาพาเรามาพบกันอีกแล้ว?”
ชายร่างอ้วนคนนี้คือหม่าตั้วเป่า
หม่าตั้วเป่านั่งลงกับพื้น รูปร่างของเขากับยิ่นเฉวยางไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก ร่างของเขาพวกเขาอ้วนกลมจนพอนั่งลงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบอลกลมๆขนาดใหญ่
พอหม่าตั้วเป่ากินเนื้อในมือเสร็จเขาก็เช็ดคราบน้ำมันตรงปากและพูด “น้องชายตัวดำ ช่วงที่พวกเราไม่ได้พบกันใบหน้าของเจ้าเปลี่ยนไปอีกแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ?”
หลิงฮันไม่ต้องคาดเดาก็รับรู้ได้ว่าหม่าตั้วเป่าต้องเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งแนอน ไม่ว่าเขาจะแปลงโฉมหน้าอย่างไรอีกฝ่ายก็สามารถดูออกเพียงแค่ชำเลืองมอง หลิงฮันยิ้มและพูด “อ้วนหม่า เจ้าคงไม่ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อกินเนื้อย่างของข้าหรอกนะ?”
“แล้วใครบอกว่าไม่ใช่แบบนั้นล่ะ?” หม่าตั้วเป่าเอื้อมือไปคว้าเนื้อย่างเพิ่มและเคี้ยวอย่างมีความสุข ส่วนฮูหนิวนั้นจ้องมองไปยังหม่าตั้วเป่าด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ นางรู้สึกว่าชายร่างอ้วนคนนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
หลิงฮันยิ้มและนำไวน์ออกมารินใส่แก้วให้กับอีกฝ่าย “เอาล่ะ มาดื่มกัน”
“โอ้ ไวน์นี้ดูยอดเยี่ยมไม่น้อย แต่ถ้าเจ้าคิดจะมอมนายท่านเป่าผู้นี้ล่ะก็ ไม่มีทางเสียหรอก!” หม่าตั้วเป่ามองความคิดของหลิงฮันออก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม “ยอดเยี่ยม! ไวน์ชั้นเลิศ!”
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดหยอกล้ออะไรอีก “น้องชายตัวดำ นายท่านเป่ากำลังจะสร้างขุมอำนาจหนึ่งขึ้นมาและต้องการเชิญให้เจ้าเข้าร่วมด้วย เจ้าว่าอย่างไร?”
หลิงฮันยิ้ม “ข้ากำลังตกเป็นเป้าหมายของผู้คนนับไม่ถ้วน เจ้าไม่คิดว่าข้าจะกลายเป็นตัวปัญญาให้เจ้าหรือไง?”
“ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร มือของนายท่านเป่าผู้นี้ก็จะปกคลุมท้องฟ้าเพื่อปกป้องเจ้าเอง!” หม่าตั้วเป่าพูดอย่างไม่สนใจ
“เพื่อเปิดสวรรค์!”