เปิดสวรรค์
‘พรวด’ หลิงฮันสำลักไวน์ออกมาทันที
ถ้าอ้วนหม่าต้องการสร้างขุมอำนาจเพื่อปกครองทั่วทั้งทวีปฮงเทียนหลิงฮันคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็มีคนที่มีความทะเยอทะยานแบบนั้นอยู่เหมือนกัน
แต่ถึงจะอย่างนั้นหม่าตั้วเป่าก็คงไม่มีพลังมากพอ แม้หลิงฮันจะมองไม่เห็นพลังบ่มเพาะของหม่าตั้วเป่า แต่เขาคิดว่าพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายคงยังไม่บรรลุถึงระดับทลายมิติ
เปิดสวรรค์งั้นรึ?
ถ้าหากมีใครคิดจะทำลายสมดุลของสวรรค์และปฐพี เนตรแห่งเต๋าสวรรค์จะปรากฏตัวและลบล้างคนที่มีความทะเยอทะยานเช่นนั้นทิ้งโดยตรง
หลิงฮันเคยกล่าวคำพูดที่คล้ายแบบนี้มาก่อน ซึ่งผลลัพธ์ก็คือมันได้ชักนำให้เนตรแห่งเต๋าสวรรค์ปรากฏตัว แม้มันจะถูกฮูหนิวไล่ไปแล้วแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรบ้าบิ่นเช่นนั้นอีก บางสิ่งบางอย่างหากยังไม่มีอำนาจมากพอก็ไม่ควรเปิดปากพูด
“อ้วนหม่า ความทะเยอทะยานของเจ้าช่างสูงส่งนัก” หลิงฮันพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอารมณ์ “แต่ขอข้าถามหน่อย เจ้าจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร?”
หม่าตั้วเป่าแสยะยิ้มและพูด “ระดับทลายมิติจะสามารถบดขยี้ช่องว่างมิติเพื่อให้ตนเองขึ้นไปบนแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่นั่นก็แค่สำหรับคนคนเดียว น้องชายตัวดำ เจ้าไม่คิดรึว่าถ้าหากเปิดสวรรค์ให้คนทุกคนบนโลกเบื้องล่างนี้ขึ้นไปแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่า?”
หลิงฮันจ้องหม่าตั้วเป่า เป้าหมายของการเปิดสวรรค์คือการพาทุกคนขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
“เป็นไปได้รึ?” หลิงฮันถาม
“ยังไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?” หม่าตั้วเป่ากล่าว
ไม่นึกว่าอ้วนหม่าจะมีความทะเยอทะยานที่แรงกล้าเช่นนี้ เขาคิดจะนำพาทุกคนขึ้นไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ซึ่งหลิงฮันไม่เคยคำนึงถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน
“เจ้าอ้วน ข้านับถือเจ้าจริงๆ!” หลิงฮันยกแก้ว ไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมขุมอำนาจด้วยหรือไม่ แต่ความทะเยอทะยานของหม่าตั้วเป่าก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การชื่นชม
หม่าตั้วเป่ามีความสุขที่ได้พบกับหลิงฮันอีกครั้ง ทั้งสองคนนั่งกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน
“น้องชายตัวดำ…”
“ชื่อของข้าคือหลิงฮัน เจ้าเรียกชื่อข้าก็ได้”
“ได้เลยน้องชายตัวดำ” หม่าตั้วเป่าไม่คิดจะเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกหลิงฮัน “เจ้าเคยคิดรึไม่ว่าทำไมประวัติศาสตร์หนึ่งหมื่นปีก่อนถึงถูกบิดเบือน?”
หลิงฮันแสดงท่าทีตกใจออกมาเมื่อนึกถึงจื่อเสวี่ยนเซียนและประวัติศาสตร์ในชีวิตที่แล้วของเขา
ในชีวิตที่แล้วของเขา หลิงฮันไม่ได้เอะใจสงสัยเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เมื่อกลับมาย้อนคิดดูให้ดี ประวัติศาสตร์เมื่อเก้าพันปีก่อนในชีวิตที่แล้วของเขาก็ถูกปิดบังเอาไว้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะวรยุทธ ทักษะการปรุงยา ทักษะรูปแบบอาคมล้วนแต่ถูกทำลายจนไม่เหลือ ไม่ต่างอะไรกับในปัจจุบันนี้เลย
หรือว่าในทุกๆหนึ่งหมื่นปีจะเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นทำให้ทุกสรรพสิ่งพังทลาย?
และโกหกคำโตที่จื่อเสวี่ยนเซียนกล่าวถึงในผลึกความทรงจำจะเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติที่ว่ารึไม่?
หลิงฮันตกอยู่ในภวังค์และพูดออกไป “พี่ชายหม่ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“แน่นอนว่าข้ารู้ แต่กำแพงมีหู ข้าไม่สามารถพูดออกไปได้” หม่าตั้วเป่าพูด
กำแพงมีหู?
หลิงฮันมองไปยังหม่าตั้วเป่าด้วยความสับสน
หม่าตั้วเป่ายกนิ้วขึ้นและชี้ไปยังท้องฟ้า
“เนตรแห้งเต๋าสวรรค์?” หลิงฮันประหลาดใจ
หม่าตั้วเป่าส่ายหัวและชี้นิ้วสูงขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นแบบนั้นหลิงฮันก็เข้าใจในทันที เนตรแห่งเต๋าสวรรค์คือผู้พิทักษ์ของโลกเบื้องล่าง และถ้าหากเป็นสิ่งที่เหนือกว่านั้นไปอีกล่ะก็… ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
หรือว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังจับตามองโลกเบื้องล่างอยู่? ยิ่งกว่านั้นศัตรูที่จื่อเสวี่ยนเซียนปะทะด้วยก็คือตระกูลของนางที่เป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวถึงการสูญสิ้นเผ่าพันธ์ของมนุษย์ซึ่งน่าจะเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ในรอบหมื่นปี
สิ่งที่หลิงฮันไม่เข้าใจคือการที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะทำลายโลกเบื้องล่างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถึงแม้ตัวตนระดับพระเจ้าจะลงมายังโลกนี้ พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็จะถูกผนึกเอาไว้ แถมโลกเบื้องล่างก็ยังมีตัวตนระดับทลายมิติคอยปกป้องอยู่อีกด้วย
“น้องชายตัวดำ วัฏจักรภัยพิบัติจะวนเกิดขึ้นทุกๆหมื่นปี หลังจากนี้อีกไม่ถึงร้อยปีหรืออาจจะสิบ ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าพวกเราไม่หาทางป้องกันแก้ไข โศกนาฏกรรมเหมือนหนึ่งหมื่นปีก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” หม่าตั้วเป่าพูด
“ไม่น่าเชื่อ!” จูเสวียนเอ๋อที่กำลังนั่งฟังอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
แต่กลับกัน เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกับฮูหนิวนั้นไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรหนึ่งคนก็สูญเสียความทรงจำส่วนอีกหนึ่งคนก็ยังเป็นเด็ก
หลิงฮันถาม “เจ้ารู้สาเหตุของภัยพิบัติรึไม่?”
“ไม่อาจพูดได้” หม่าตั้วเป่าส่ายหัวและชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลิงฮันประหลาดใจและถาม “เป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมารึ?”
“บางครั้งโลกนี้ก็มีกฎอยู่” หม่าตั้วเป่ายิ้ม “คนฉลาดต้องรู้จักคิดก่อนพูด น้องชายตัวดำ เจ้าเป็นคนที่สุดยอดและมีอนาคตไร้ขuดจำกัด แต่เจ้าควรตระหนักเอาไว้ว่าในโลกนี้มีตัวตนที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย ก่อนที่เจ้าจะมีพลังมากพอสำหรับปกป้องตัวเอง เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี”
หลิงฮันพยักหน้า “ขอบคุณที่กล่าวเตือน”
“น้องชายตัวดำ เจ้าสนใจเข้าร่วมกับข้ารึไม่?” หม่าตั้วเป่าถาม
“พลังของข้ายังอ่อนแอเกินไป เอาไว้พูดกันอีกทีเมื่อข้าบรรลุระดับสวรรค์แล้ว” หลิงฮันตอบปฏิเสธ ความทะเยอทะยานของอีกฝ่ายนั้นใหญ่โตเกินwปสำหรับตัวเขาในตอนนี้
หม่าตั้วเป่าไม่คะยั้นคะยอและแตะหลังหลิงฮัน “น้องชายตัวดำ ข้าเชื่อในตัวเจ้าว่าเจ้าจะตัดสินใจได้ถูกต้อง จริงสิ ในช่วงนี้อาณาเขตภายนอกไม่ปลอดภัยข้าแนะนำให้เจ้าอย่าออกนอกเมืองจะดีกว่า รับเครื่องรางชิ้นนี้ไป หากพบอันตรายถึงชีวิต มันจะช่วยปกป้องเจ้าได้”
หม่าตั้วเป่ามอบเครื่องรางให้หลิงฮันโดยที่ไม่รอให้หลิงฮันตอบอะไรกลับไป
หลิงฮันกับจูเสวียนเอ๋อยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดสุดท้ายของหม่าตั้วเป่า เขาหมายความว่าอะไรกัน?
“เจ้าอวดบัดซบ นั่นมันเนื้อของหนิว!” ฮูหนิวโอดครวญ ขณะที่หม่าตั้วเป่าเดินจากไปเขาได้นำเนื้อย่างบนเตาติดมือไปด้วย ทำให้ฮูหนิวรู้สึกเจ็บปวดมาก
หลิงฮันปลอบนางและนำเนื้อชิ้นใหม่ออกมาย่าง
เขากับจูเสวียนเอ๋อมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล หม่าตั้วเป่าเตือนพวกเขาว่าภัยพิบัติที่เกือบจะทำให้ทวีปฮงเทียนล่มสลายในทุกๆหมื่นปีกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
“อีกอย่างคืออ้วนหม่าบอกว่าพวกเราไม่ควรออกจากเมืองในช่วงนี้เนื่องจากอาณาเขตภายนอกจะไม่ปลอดภัย มันหมายถึงอะไรกัน?” หลิงฮันลูบคางในขณะครุ่นคิด เขานึกในใจว่าหม่าตั้วเป่าเป็นคนที่ลึกลับยิ่งนัก แค่คำพูดไม่กี่คำของเขาก็ทำให้หลิงฮันตกอยู่ในภวังค์ได้
จูเสวียนเอ๋อเองก็ไม่เข้าใจ มีเพียงฮูหนิวและเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสองคนเท่านั้นที่ยังปิ้งเนื้ออย่างมีความสุข