กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“หรือว่าตำหนักสมบัติวิญญาณและสมาคมนักปรุงยาจะร่วมมือกันเพื่อสังหารหมู่พวกเรา?” ผู้คนที่หวาดกลัวอุทานออกมา
ยิ่นเฉวยางพูดเย้ยหยันว่า “การที่จะสังหารพวกเจ้าจะต้องวางแผนการใหญ่ขนาดนี้เลยงั้นรึ? แค่ข้าคนเดียวก็สามารถสังหารพวกเจ้าเป็นหมื่นครั้งได้แล้ว!”
มันฟังดูสมเหตุสมผล หลายคนที่กระวนกระวายเริ่มใจเย็นลง
ประเด็นคือไม่ว่าจะเป็นตำหนักสมบัติวิญญาณหรือสมาคมนักปรุงยาคงไม่ทำแบบนั้นแน่
“ผู้อาวุโสสูงสุดแปดคนของตำหนักสมบัติวิญญาณและนักปรุงยาระดับสวรรค์สองคนของสมาคมนักปรุงยาจากไปพร้อมกันงั้นหรือ?” หลิงฮันถามออกมาทันที
ยิ่นเฉวยางหันไปมองหลิงฮัน เขาพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว พวกเขาได้รับข่าวการค้นพบหลุมฝังศพโบราณของจักรพรรดินักปรุงยาหลิงฮันเมื่อครั้งอดีต รวมถึงสมบัติของเขาที่รวบรวมมาตลอดชีวิต!”
ทุกคนกลายเป็นแตกตื่น
หลิงฮันเมื่อหมื่นปีก่อนคือตำนาน ไม่เพียงแต่จะเป็นจักรพรรดินักปรุงยา แต่ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดในโลกของจอมยุทธ เขาเป็นคนที่น่าทึ่งขนาดไหนน่ะหรือ? เพียงแค่คิดก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉา!
แล้วข่าวการค้นพบหลุมฝังศพของเขาใครมันจะอดใจไหว?
หลิงฮันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ในชีวิตที่แล้วเขาถูกหอคอยทมิฬทำลายกลายหยาบของเขากลายเป็นเถ้าถ่าน แล้วมันจะมีหลุมฝังศพได้อย่างไร! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกับดัก หลังจากที่เหล่าตัวตนระดับสูงของเมืองหมื่นสมบัติออกไป ฝ่ายตรงข้ามจึงได้โอกาสล้อมกรอบเมือง
แม้ว่าจะมีจอมยุทธระดับสวรรค์อย่างยิ่นเฉวยาง รูปแบบอาคมสังหารที่สี่สามารถสังหารจอมยุทธระดับสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
ไม่สิ มันต้องมีแผนการที่ใหญ่บางอย่างอยู่เบื้องหลังเป็นแน่
“ดูเหมือนว่านี่เป็นเพียงแค่แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ข้าหวังว่าเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดและนักปรุงยาระดับสวรรค์จะกลับมาอย่างปลอดภัย” ยิ่นเฉวยางถอนหายใจ
“ตอนนี้พวกเราทำได้แค่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น!” ยิ่นเฉวยางกำหมัดแน่นและพูดว่า “ทุกคนโปรดช่วยหยางน้อยผู้นี้ปกป้องเมืองหมื่นสมบัติด้วยเถิด!”
“เมืองหมื่นสมบัติเองก็เป็นบ้านของข้าเช่นกัน ข้าจะทำสุดความสามารถ!” เสียงของชายชราคนหนึ่งลอยดังมาจากในเมือง และเต็มไปด้วยพลัง
“หยางน้อย หากไม่ถึงเวลาจำเป็น ข้าจะไม่ปรากฏตัวออกมา” ครั้งนี้เป็นเสียงของหญิงชรา แต่เสียงของนางแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก ทำให้หลายคนไม่อาจยืนหยัดต่อแรงกดดันของนางได้
“อืม!” เสียงของคนที่สามลอยดังออกมา แต่พูดออกมาอย่างเรียบเฉย
เสียงเหล่านั้นคือเหล่าจอมยุทธระดับสวรรค์ที่อยู่ในเมืองตำหนักสมบัติวิญญาณ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยิ่นเฉวยางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งโลกมีจอมยุทธระดับทลายมิติเพียงแค่ไม่กี่คน จอมยุทธระดับสวรรค์ถือเป็นตัวตนที่น่าอัศจรรย์ และตอนนี้จอมยุทธระดับสวรรค์สี่คนได้ร่วมมือกัน ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ ศัตรูที่อยู่ในความมืดถึงกับใช้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ได้ นี่คงไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายมีจอมยุทธระดับทลายมิติหรอกใช่หรือไม่? มิฉะนั้น ถึงแม้จอมยุทธระดับสวรรค์สี่คนจะร่วมมือกัน พวกเขาจะต่อกรด้วยได้อย่างไร?
หากไม่เป็นแบบนั้น แค่พลังของพวกเขาก็น่าจะเพียงพอแล้ว
หลิงฮันหันไปมอง แต่ก็ต้องส่ายหน้าทันที ศัตรูที่อยู่ในความมืดนี่จะต้องมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่แน่นอน มิฉะนั้นมันจะกล้าขนาดนี้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ มันจะใช้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ได้อย่างไร?
และฝ่ายตรงข้ามเองน่าจะมีสายลับอยู่ในตำหนักสมบัติวิญญาณถึงรู้การเคลื่อนไหวของพวกเขา
สรุปแล้วเมืองหมื่นสมบัติในปัจจุบันตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
ครื้นนน รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ส่งเสียงกึกก้อง ดาบดำ กระบี่ดำ หอกดำ อาวุธทุกประเภทกระหน่ำโจมตีรูปแบบอาคมป้องกันเมือง
วันแรกผ่านไปด้วยความหวาดกลัวของทุกคน และวันถัดไป เมื่อทุกคนจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
เมื่อวาน รูปแบบอาคมสังหารที่สี่เพียงแค่กระหน่ำโจมตีเมืองด้วยอาวุธ แต่วันนี้…มันกลับโจมตีหนักเป็นสองเท่า! ด้วยเหตุนี้ทำให้พลังทำลายล้างของมันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และทำให้ผลึกก่อเกิดถูกเผาผลาญรวดเร็วขึ้นเป็นสองเท่าเช่นเดียวกัน
ความรู้สึกผ่อนคลายของทุกคนหายไปทันที
เมื่อวานเป็นแค่การโจมตีปกติ แต่วันนี้กลับหนักเป็นสองเท่า ถ้าวันพรุ่งนี้เป็นสามเท่า และวันถัดไปมันจะไม่เป็นสี่เท่าเลยงั้นรึ? ถ้ามันทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบอาคมป้องกันเมืองคงถึงขีดจำกัดและพังทลาย
มันเป็นรูปแบบอาคมสังหารที่สี่!
หลิงฮันครุ่นคิด ถ้าเขาไม่มีหอคอยทมิฬ เขาคงไม่สามารถช่วยทุกคนได้ และคงจะใช้ยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตาหนีไป แต่ตอนนี้เขามีความสามารถที่จะช่วยเหลือทุกคนในเมือง
ถ้าเขาช่วยเหลือคนอื่น มันจะเป็นการเผยความลับของหอคอยทมิฬ แล้วจะมีสักกี่คนกันที่จะเพ่งเล็งมาที่เขา?
“เดี๋ยวก่อน ตัวตนที่แท้จริงของข้าถูกจับตามองโดยผู้คนนับไม่ถ้วน แม้ว่าข้าจะมีพื้นที่ที่สามารถรอบรับสิ่งมีชีวิตได้ แล้วถ้าเป็นอาวุธวิญญาณล่ะ?” หลิงฮันคิดในทางกลับกัน
อาวุธวิญญาณและหอคอยทมิฬที่สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตนั้นแตกต่างกันมาก ถ้านำคนเข้าไปในหอคอยทมิฬจะต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดสติเสียก่อน และฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถ้าอยู่ในช่วงวิกฤต ข้าจะปรากฏตัวออกมาแล้วพาทุกคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ แล้วจากไปพร้อมกับยันต์อาคมเคลื่อนย้ายพริบตา” หลิงฮันตัดสินใจ
ในวันที่สาม สิ่งที่ทุกคนกังวลก็เกิดขึ้น
ความรุนแรงของรูปแบบอาคมสังหารที่สี่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
นอกจากนี้ บรรยากาศภายในเมืองเริ่มหลุดการควบคุมอยู่ และเกิดเหตุการณ์เลวร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นในคืนนั้น มันมีทั้งการปล้น ฆ่า และข่มขื่น เมื่อตกอยู่ในความสิ้นหวัง ธาตุแท้ของผู้คนจำนวนมากได้เผยออกมาให้เห็น
ถ้าต้องตาย ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการก่อนตายล่ะ?
เมืองหมื่นสมบัติกลายเป็นโกลาหลมากยิ่งขึ้น และผู้คำนจำนวนมากเริ่มรวมตัวกันกลายเป็นกลุ่มมากมาย ในตอนแรก มันเป็นเพียงแค่กลุ่มคนธรรมดา แต่หลังจากนั้น มันมีจอมยุทธเข้าร่วมกลุ่มพวกนั้นด้วย ทำให้กลุ่มคนพวกนั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้น
หากเป็นแบบนี้ต่อไป แม้จะไม่มีรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ เมืองหมื่นสมบัติก็จะทำลายตัวเอง
ขุมพลังที่แข็งแกร่งภายในเมืองจึงร่วมกำลังกันเพื่อควบคุมกฎและสังหารผู้คนจำนวนมากที่กระทำความผิด จนกระทั่งในที่สุดความโกลาหลครั้งนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมอีกครั้ง โชคดีที่วันที่ห้า รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ไม่ได้รุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นห้าเท่า และยังคงรุนแรงเท่าเดิม
ทำให้หัวใจของทุกคนรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย