ทุบตีด้วยหินหนึ่งก้อน
“พวกเจ้ามองหนิวทำไม ข้าไม่แบ่งอาหารให้พวกเจ้าหรอก!” ฮูหนิวกวาดสายตามองคนเหล่านั้นอย่างระแวง คนเหล่านั้นคิดที่จะแย่งอาหารของนาง? นี่มันแย่มาก!
“อัจฉริยะแห่งภูมิภาคกลาง ถ้ารวมเด็กสาวคนนี้เข้าไปด้วยจะต้องไร้เทียมทาน” ชายชราที่ดูทรงภูมิได้ตัดสินใจและพูดสรุป
ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างมีเกียรติมากทีเดียว แม้ว่าเขาจะพูดผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลายคนก็ยังเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“ใช่แล้ว เด็กสาวตัวน้อยนี่หาตัวจับได้ยากอย่างแน่นอน”
“พรสวรรค์ที่น่ากลัวแบบนี้มันยากที่จะหยั่งถึง!”
หลิงฮันฟังและอดที่หัวเราะออกมาไม่ได้แล้วพูดว่า “สาวใต้สมุทร เจ้าลงไปต่อสู้ซะ”
เมื่อเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้ยิน ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดขาวทันทีและส่ายหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ข้าทำไม่ได้ ข้าทำไม่ได้”
“ข้าพูดแล้วว่าเจ้าทำได้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องทำได้! อย่าลืมว่าข้าให้ก้อนหินกับเจ้าไปแล้ว จงใช้มันทุบตีคนพวกนั้น!” หลิงฮันเร้านาง
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างระดับพลังแม้แต่น้อย มิฉะนั้น แม้นางจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงธรรมดา นางคงไม่กล้าต่อสู้กับจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แต่ตอนนี้นางความจำเสื่อมจึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่รู้และพยักหน้าอย่างโง่เขลา
ในความคิดของนาง หลิงฮันเป็นคนแรกที่นางลืมตาตื่นขึ้นมาเห็น แน่นอนว่านางจะรู้สึกใกล้ชิดและเชื่อฟังเขา
หลิงฮันพยักหน้าและพูดกับพวกมันที่อยู่ด้านล่างว่า “ตอนนี้ข้าชนะพวกเจ้าเกือบคนทุกคนแล้ว”
ไป๋หยวนพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว”
“งั้นข้าจะชนะพวกเจ้าอีกครั้ง ต่อไปหญิงสาวคนนี้จะเป็นคนจัดการกับพวกเจ้า” หลิงฮันพูดถึงเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่นางทันที แล้วส่ายหัว
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!
มันไม่มีร่องรอยของพลังก่อเกิดภายในตัวนางเลย นี่เขาจะส่งนางออกไปสู้งั้นหรือ?
“เจ้ากล้าดียังไง!” ในการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อซวนหยวนจื่อกวงได้ยินที่หลิงฮันพูด สายตาของมันเบิกกว้างทันทีและอยากจะพุ่งเข้าไปตบตีหลิงฮัน
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า!” หลิงฮันพูดสบถออกมา
ไป๋หยวนกำลังจ้องมองไปที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน มันกำลังครุ่นคิดอยู่ว่ามันไม่อาจมองผ่านหญิงสาวคนนี้ได้ และแตกต่างจากเด็กสาวเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ฮูหนิวเป็นเหมือนดั่งทะเลที่มันไม่อาจมองผ่านได้ และหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในสายหมอกที่มันไม่อาจมองผ่านได้เช่นเดียวกัน
นี่มันแปลกประหลาดเกินไป
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนก้มหน้ามองเบื้องล่าง มันสูงเกินไปและทำให้นางขวัญหายทันที “ข้าทำไม่ได้” นี่มันสูงเกินไป ถ้าข้าตกลงไปจะต้องตายอย่างแน่นอน
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา นี่มันการแสดงตลกอะไรกัน
หลิงฮันจับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและพานางลงจากกำแพงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “จัดการมันเลย” เขาไม่เป็นห่วงนางแม้แต่น้อย เพราะระดับพลังที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคือระดับสวรรค์ช่วงปลาย ทั้งยังมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริงไหลเวียนอยู่ ถ้าพลังของนางตื่นขึ้นมา แม้แต่ไป๋หยวนก็ไม่อาจทำอะไรนางได้
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบพร้อมกับก้อนหินที่อยู่ในมือของนาง ซึ่งทำให้ทุกคนที่จ้องมองอยู่อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ไป๋หยวนคิดอยู่ชั่วขณะและพูดว่า “ศิษย์ลำดับห้า เจ้าออกไปสู้”
ว่าไงนะ!
เปียนฮ่าวและคนอื่นตกใจ ศิษย์ลำดับห้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามในหมู่พวกมัน เขาจะถูกส่งเป็นคู่ต่อสู้ให้กับฝ่ายตรงข้าม?
ซาจั่นชายหนุ่มรูปหล่อที่ดูไม่เหมือนศิษย์ของนิกายพันศพก้าวเดินออกไปข้างหน้าและจ้องมองเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน “หญิงสาวที่งดงามอย่างเจ้ามาเป็นภรรยาของข้าเสียเถิด แล้วข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่จุดสูงสุดของโลก”
“อัน…อันธพาล!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกรีดร้อง
“ไร้เดียงสาดี ข้าชอบ!” มันหัวเราะและกระโจนออกไปข้างหน้า แล้วเอื้อมมือออกไปเพื่อสัมผัสใบหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
“เจ้ากล้าดียังไง!” ซวนหยวนจื่อกวงคำราม นี่คือผู้หญิงที่มันหมายปอง! และสาบานว่าจะต้องตัดแขนของซาจั่นให้จงได้
“เดี๋ยวก่อน เจ้ากำลังต่อสู้กับข้าอยู่ แต่เจ้ายังกล้าหันไปมองคนอื่นอีกงั้นรึ?” จูเทียนเก้อยิ้มอย่างเย็นชา และฉวยโอกาสโจมตีเพื่อปลิดชีพทำให้ซวนหยวนจื่อกวงถูกกดดัน
“ออกไปให้พ้น เจ้าคนอันธพาล!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกรีดร้องและใช้หินที่อยู่ในมือทุบตีฝ่ายตรงข้าม
ปัง!
เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย พลังของเฮ่อเหยียนสวินเสวี่ยนจึงถูกกระตุ้น มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมากแม้แต่หลิงฮันและฮูหนิวก็ไม่อาจต้านทานได้
“อะไรกัน!” เพียงแค่ได้ยินเสียงกรีดร้องของนาง ข้าก็นอนกองอยู่บนพื้นแล้วและปรากฏรอยร้าวที่หน้าผาก
นี่มัน!
ใบหน้าของทุกคนกระตุก หญิงสาวคนนี้สามารถจัดการจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานได้
“บ่มเพาะกายา!” ไป๋หยวนพูดออกมา ในที่สุดมันก็รู้ว่าทำไมมันถึงมองผ่านเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายบ่มเพาะกายา ซึ่งพลังจะถูกควบแน่นอยู่ในเนื้อหนังและโลหิต
“พละกำลังของนางน่าอัศจรรย์มาก!”
“ใช่แล้ว หากต่อสู้ระยะประชิดผู้ที่บ่มเพาะกายาได้เปรียบกว่าแน่นอน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใครปล่อยให้เจ้านี่เอ้อระเหยเกินไปล่ะ ถึงถูกอีกฝ่ายใช้ประโยชน์และจัดการด้วยหินที่อยู่ในมือ”
“ถ้าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานไม่มีพลังก่อเกิดป้องกันล่ะก็ ผลที่ตามมาคงจะไม่แตกต่างจากคนธรรมดามากนัก”
ทุกคนพูดแสดงความคิดเห็นและพยักหน้าเห็นด้วย
“หึ่ม ถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธ ทำไมถึงแสร้งทำตัวอ่อนแอแบบนี้ด้วย?” ศิษย์หญิงของนิกายพันศพพูดออกมา นางเป็นศิษย์ลำดับเก้าชื่อว่าฮันกู่หยุน ถึงแม้ว่าศิษย์ลำดับห้าจะพ่ายแพ้ แต่ซาจั่นยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา
แม้นางจะเป็นผู้หญิงที่งดงาม แต่ก็ด้อยกว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน และไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะเทียบกันได้ เพราะเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นอัจฉริยะระดับสวรรค์ แล้วจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอย่างนางจะต่อกรกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนได้อย่างไร?
ฮันกู่หยุนกรีดร้องออกมาทันทีและเรียกทหารซากศพของนางออกมา
ทหารซากศพของนางมีทั้งหมดสี่ตัว แต่แข็งแกร่งกว่าทหารซากศพของเปียนฮ่าว พวกมันมีพลังต่อสู้อย่างน้อยสิบสี่ดาว และอย่าได้ดูถูกพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งดาวเชียว
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนสั่นเทา ทหารซากศพพวกนั้นทำให้นางหวาดกลัว
ปัง ปัง ปัง ปัง ทหารซากศพทั้งสี่ตัวเริ่มโจมตีออกไปอย่างรุนแรง
“ว้ายยยย” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกรีดร้องและแกว่งหินที่อยู่ในมือไปมา ทหารซากศพทั้งสี่ร่างหัวหลุดทันทีและกระเด็นออกไป
อึก ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง
ป…ปรมาจารย์ยุทธ!
นี่ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงแต่อย่างใด เพียงแค่ตบตีไม่กี่ทีทหารซากศพทั้งสี่ร่างก็ถูกซัดปลิว นางน่าสะพรึงกลัวกว่าเด็กสาวตัวน้อยเสียอีก
ดูจากอายุของนางแล้ว นางน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบปี แล้วนางแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
ซวนหยวนจื่อกวางประหลาดใจ เขาคิดว่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเป็นแค่หญิงสาวที่อ่อนแอและบอบบาง และไม่คิดเลยว่านางจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ทหารซากศพทั้งสี่ร่างถูกซัดปลิวออกไปพร้อมกัน แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่มีทางทำได้
“มีเพียงแค่จอมยุทธระดับสวรรค์เท่านั้น ที่แข็งแกร่งกว่าซวนหยวนจื่อกวงและย่าวหุยเยว่!”