ปะทะซวนหยวนจื่อกวง
หนึ่งวันต่อมา เม็ดยาเม็ดยาห้าหยกพลิกผันก็ถูกหลอมสำเร็จ
โชคดีที่เม็ดยานี้เป็นเพียงเม็ดยาระดับปฐพีเท่านั้น จึงไม่ชักนำไปสู่การถูกแย่งชิง แต่เพราะคุณภาพของมันยอดเยี่ยมเกินไป มันสามารถชักนำสวรรค์และปฐพีได้ ภายในเม็ดยามีก้อนเมฆอสนีที่ไร้สายฟ้าสถิตอยู่
‘ฟุบ’
หลิงฮันตบไปที่ฝาเตาทำให้เม็ดยาทั้งเม็ดลอยออกมาจากเตาหลอมราวกับมันมีปีก
เขาโยนเม็ดยาออกไปและพูด “ตรวจสอบเม็ดยาของข้า”
การตรวจสอบคุณภาพของเม็ดยานั้นเป็นหน้าที่ของตำหนักสมบัติวิญญาณ ทันในนั้นผู้ตรวจสอบสามคนก็รีบปรากฏตัวทันที พวกเขาตรวจสอบเม็ดยาอย่างถี่ถ้วนและได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
เม็ดยาทั้งสามมีคุณภาพสูงถึงสิบดาว พวกมันเป็นเม็ดยาที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบ
นี่เป็นเพียงแค่การหลอมเม็ดยาอย่างลวกๆของหลิงฮันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นการจะทำให้มันมีคุณภาพสิบสามดาวย่อมไม่ใช่ปัญหา
การแข่งขันแรก ได้ผู้ชนะแล้ว!
เสวียนจี้หยุนและคนอื่นๆไม่เลือกวัตถุดิบต่อแล้ว พวกเขาทุกคนยอมแพ้และบูชาเทิดทูนหลิงฮันแทน ถึงแม้’ฮันหลิง’จะไม่ใช่นักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่การที่สามารถหลอมเม็ดยาระดับปฐพีคุณภาพสิบดาวขึ้นมาได้ ประตูแห่งนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขาคงอยู่เพียงไม่กี่เอื้อม
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับนั้นในอนาคต พวกเขาจะยังมีความกล้าแข่งขันต่ออีกรึ?
ไม่มีใครเคยคิดว่าการแข่งขันปรุงยาจะมีผลลัพธ์เช่นนี้!
การแข่งขันรอบนี้สาขาภูมิภาคเหนือได้รับชัยชนะไปสามสิบแต้ม ส่วนสาขาอื่นๆอีกสี่สาขานั้นไม่ได้รับแต้มเลยแม้แต่แต้มเดียว ดังนั้นตราบใดที่สาขาภูมิภาคเหนือชนะการประลองอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะการแข่งขันในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงฮันเก็บเม็ดยาห้าหยกพลิกผันกลับมาหลังจากตรวจสอบแล้ว นี่คืออีกเหตุผลที่ว่าทำไมนักปรุงยาถึงยอมเข้าร่วมการแข่งขันนี้ นั่นเพราะพวกเขาจะสามารถใช้วัตถุดิบสมุนไพรของคนอื่นเพื่อหลอมเม็ดยาให้กับตนเอง
หลิงฮันกลับที่พักและเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝนหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งและศึกษาอักขระกระดูกต่อ
การแข่งขันปรุงยามีเวลาให้สามวัน รูปแบบอาคมก็มีเวลาให้สามวันเช่นกัน ดังนั้นหลิงฮันจึงยังมีเวลาเหลืออีกห้าวัน ภายในห้าวันนี้เขามั่นใจมากว่าจะสามารถผสานอักขระกระดูกเข้ากับกึ่งรัศมีดาบได้
หลิงฮันฝึกฝนและพยายามอย่างหนัก ผ่านไปห้าวันเขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ
“หลิงฮันใจร้าย!” ฮูหนิวมีท่าทีไม่พอใจ หลิงฮันไม่ยอมเล่นกับหนิวหนิวที่น่ารักคนนี้ถึงห้าวัน!
“ฮันฮันคนใจร้าย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปรากฏตัวตามมา
หลิงฮันยิ้มและพูด “การแข่งขันรูปแบบอาคมเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พี่สาวหงได้รับอันดับสาม ซึ่งนับว่าเพียงพอแล้ว” จูเสวียนเอ๋อเอ่ยขึ้นจากบริเวณด้านข้าง
หลิงฮันพยักหน้า หยินหงจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่นั้น เขาไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อเขาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยแล้ว สาขาภูมิภาคเหนือจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง!
ซวนหยวนจื่อกวง ได้เวลาสู้กันแล้ว!
ไฟต่อสู้ของหลิงฮันลุกโชน ซวนหยวนจื่อกวงเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง บางทีอาจจะไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิดาบและจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นๆในชีวิตที่แล้วของหลิงฮันเลยด้วยซ้ำ
พวกหลิงฮันมุ่งหน้าไปยังลานฝึกขนาดใหญ่
อัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างซวนหยวนจื่อกวงและผังเซี่ยงหมิงมาถึงแล้ว แต่ก็ยังมีรุ่นเยาว์หลายคนที่หลิงฮันไม่รู้จัก แต่พวกเขาทุกคนล้วนแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แห่งราชันออกมา
“พี่ชายผัง!” หลิงฮันทักทายผังเซี่ยงหมิง ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีนิสัยบ้าระห่ำ แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา หลิงฮันค่อนข้างถูกใจชายคนนี้
“น้องชายฮัน!” ผังเซี่ยงหมิงไม่กล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง เขารีบก้มหน้าให้หลิงฮัน
ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเช่นเดียวกับเขา แต่เขาได้ยินมาว่าเมื่อไว้กี่วันก่อนหลิงฮันหลอมเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูงได้สำเร็จ นั่นไม่ได้หมายความว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีหรอกรึ? สถานะเช่นนี้ทัดเทียมกับตัวตนระดับก้าวสู่เทวาเลย
หลิงฮันหัวเราะและพูด “พี่ชายผัง หลังจากการประลองเสร็จสิ้น พวกเราไปดื่มกันเถอะ”
“แน่นอน! แน่นอน!” ผังเซี่ยงหมิงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เตรียมตัวเริ่มการแข่งขัน” ยิ่นเฉวยางประกาศ “การประลองเป็นการต่อสู้แบบแพ้คัดออก ผู้เข้าแข่งขันอันดับหนึ่งจะต้องปกป้องลานประลองเอาไว้ ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันจากอีกสี่สาขาเข้าไปท้าประลองเพื่อให้ได้ชัยชนะ ใครที่ยืนอยู่บนลานประลองเป็นคนสุดท้าย จะได้รับอันดับหนึ่งของการประลองยุทธครั้งนี้”
ผู้ชนะอันดับหนึ่งในการประลองครั้งที่แล้วคือสาขาใหญ่ภูมิภาคกลาง เพราะงั้นหญิงสาวคนหนึ่งจึงเดินขึ้นไปยังจุดกึ่งกลางของลานประลองเพื่อรอผู้ท้าชิง
แต่ละสาขาสามารถส่งคนไปท้าสู้ได้สามคน แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเปิดเผยไพ่ลับส่งผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกไปแต่แรก
หลังจากต่อสู้รอบแรก ผู้ชนะและแพ้ก็ถูกตัดสิน ผู้ชนะคือสาขาภูมิภาคใต้
หลิงฮันหาวอย่างรู้สึกเบื่อ สาขาภูมิภาคเหนือนั้นเรียกได้ว่าเป็นสาขาที่ผู้เข้าประลองแข็งแกร่งที่สุด นั่นคือหลิงฮัน ฮูหนิว และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน สิ่งที่หลิงฮันกลัวก็คือนิสัยที่ป่าเถื่อนเกินไปของหญิงสาวทั้งสอง
“ฮันหลิง ข้ากำลังรอเวลานี้อยู่เลย!” ซวนหยวนจื่อกวงกล่าว กลิ่นอายและจิตวิญญาณที่ทรงพลังของมันถูกปลดปล่อยออกมา “คราวนี้ ข้าจะเหยียบเจ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้า และทำให้เจ้ารับรู้ถึงรสชาติของการพ่ายแพ้”
“อย่าโม้เยอะจะดีกว่า” หลิงฮันแขะหูอย่างไร้แยแส “ตอนนี้เข้าชักจะสงสัยแล้วว่ามันเป็นจอมยุทธหรือนักแสดงกันแน่?”
ซวนหยวนจื่อกวงกลายเป็นเกรี้ยวกราด แต่มันก็สะกดความโกรธของมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว มันไม่คิดจะทำอะไรผลีผลามเพื่อสร้างโอกาสให้หลิงฮันได้ประโยชน์
“ลูกผู้ชายต้องพูดกันด้วยหมัด” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างเย็นชา
“นี่เจ้ายังจะพูดไร้สาระอยู่อีกรึไง?” หลิงฮันกล่าวเยาะเย้ย
ซวนหยวนจื่อกวงจ้องมองไปยังหลิงฮัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เห็นแก่หน้าของปรมาจารย์เฟิง ข้าจะเมตตาเจ้าไม่ทำให้เจ้าได้รับความอัปยศมากเกินไป!”
“เหอะ!” หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและโจมตีออกไป “อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งนัก!”
“ระดับบุปผาผลิบานขั้นหก!” ซวนหยวนจื่อกวงตกตะลึง เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันพลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวาดกลัว เขามั่นใจว่ากับจอมยุทธที่มีระดับพลังบ่มเพาะเท่ากัน เขาจะไม่พ่ายแพ้ใครทั้งนั้น
“ตาย!” ซวนหยวนจื่อกวงยกฝ่ามือขึ้นมาและโจมตีใส่หลิงฮัน
สองราชันแห่งยุคเข้าปะทะกันอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่มีใครหยุดพวกเขาได้